ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
561 | ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... | ยธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากำหนดมิให้ใช้บังคับแก่สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต กำหนดอัตราโทษเพิ่มขึ้นในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติฯ การเพิ่มผู้แทนหน่วยงานร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และการประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฯ ในบางมาตรา เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนถูกต้องและมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งจัดทำคู่มือฉบับประชาชนโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและครอบคลุมข้อมูลที่สำคัญ เช่น วัตถุประสงค์ของกฎหมาย บทลงโทษ ขั้นตอนและช่องทางการร้องเรียน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
562 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 16 - 17 กันยายน 2558 | ยธ | 03/11/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้บริหารระดับสูงของ สปป.ลาว ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลการเยือนดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว เสนอให้กระทรวงยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายจัดตั้งคณะทำงาน พร้อมแต่งตั้งผู้ประสานงานตรง โดยแนวทางการจัดตั้งคณะทำงาน อาจแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ (๑) ระดับรัฐมนตรี (๒) ระดับอธิบดี และ (๓) ระดับท้องถิ่น เพื่อเป็นเวทีสำหรับการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้ายุติธรรมจังหวัดของฝ่ายไทยและฝ่ายลาวที่มีพื้นที่ติดต่อกัน โดยแบ่งเขตพื้นที่ออกเป็น ๓ เขต ได้แก่ ลาวตอนเหนือ เชียงราย-เชียงแสน ลาวตอนกลาง หนองคาย-เวียงจันทน์ และลาวตอนใต้ อุบลราชธานี-จำปาศักดิ์ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว เสนอให้มีการยกร่างความตกลงทวิภาคีไทย-ลาว โดยสาระของความตกลงฯ ให้ครอบคลุมในประเด็นต่างๆ ได้แก่ (๑) การประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้ง ๓ ระดับ (๒) การแลกเปลี่ยนการฝึกอบรม (๓) การจัดตั้งคณะทำงานไทย-ลาว (๔) การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับรัฐมนตรี หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ และฝ่ายกระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว แจ้งว่าจะเป็นผู้ยกร่างความตกลงฯ เพื่อเสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณาต่อไป ๓. กระทรวงยุติธรรม สปป.ลาว สนใจที่จะเดินทางมาเยือนกระทรวงยุติธรรมของไทยเพื่อศึกษาดูงานด้านบังคับคดี และหน่วยงานฝึกอบรมข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมของไทย ตลอดจนขอความอนุเคราะห์ให้ฝ่ายไทยจัดโครงการฝึกอบรมเรื่อง Rule of Law หรือ State of Law ให้แก่บุคลากรในหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมของ สปป.ลาว และขอความร่วมมือให้ฝ่ายไทยพิจารณารับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยากรและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางของคณะฝ่ายไทยเองทั้งหมด เนื่องจากฝ่ายลาวมีงบประมาณจำกัด ๔. ฝ่ายไทยขอความร่วมมือ สปป.ลาว ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปฏิบัติการสกัดกั้นในพื้นที่ของ สปป.ลาว ด้านที่อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือสบหลวย เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มนักค้ายาเสพติดใช้เส้นทางลำเลียงด้านนี้ได้สะดวก รวมทั้งตรวจค้นและกดดันอย่างเข้มงวดบริเวณสะพานมิตรภาพเมียนมา-สปป.ลาว แห่งที่ ๑ เนื่องจากปริมาณกลุ่มนักค้าเสพติดใช้เส้นทางนี้เพิ่มมากขึ้น ๕. ฝ่ายไทยขอความร่วมมือ สปป.ลาวดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย และขอความร่วมมือในการสกัดกั้นและร่วมสืบสวนสอบสวนเครือข่ายชาวแอฟริกันที่ลำเลียงยาเสพติดผ่านทาง สปป.ลาว อย่างเข้มงวดเหมือนที่ผ่านมา โดยฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นในการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งสนับสนุนข้อมูลข่าวสารให้แก่ สปป.ลาว และขอความร่วมมือ สปป.ลาว ในการสืบสวนปราบปรามเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่ใช้เส้นทางลำเลียงผ่าน สปป.ลาว
|
||||||||||||||||||
563 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเลิกหลักเกณฑ์การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็ก อายุไม่เกินสิบแปดปี) | ยธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยยกเลิกหลักเกณฑ์การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี (ยกเลิกมาตรา ๑๓๔/๒ และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๓๔/๔ วรรคสาม) เนื่องจากได้กำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฯ โดยมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ และพนักงานอัยการเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวนเด็กหรือเยาวชนด้วย เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็กหรือเยาวชน และเป็นการรักษาสภาพจิตใจของเด็กหรือเยาวชนไม่ให้ถามปากคำจากคำถามที่ไม่เหมาะสมและซ้ำซ้อน และความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการสอบสวนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนฯ ให้ชัดเจนและครอบคลุมการสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี โดยต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ และพนักงานอัยการอยู่ร่วมด้วย และการสอบสวนที่ไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหานั้นไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความและปัญหาในทางปฏิบัติ และเพื่อให้ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กได้รับความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ มิให้ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและสภาวะทางจิตใจจากกระบวนการยุติธรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้เชิญผู้แทนกระทรวงกลาโหมร่วมพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการกำหนดมาตรการป้องกันและแนวทางแก้ไขปัญหากรณีผู้กระทำความผิดกฎหมายเป็นเด็กหรือเยาวชนได้กระทำผิดร้ายแรงหรือกระทำผิดซ้ำอีกโดยมิได้เข็ดหลาบ ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เกิดผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรนำหลักการตามมาตรา ๑๓๔/๒ และมาตรา ๑๓๔/๔ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนฯ ซึ่งจะทำให้พระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาที่เป็นเด็กยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
564 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. .... | ยธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และมีอำนาจให้ความยินยอมให้ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
565 | สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 9 - 10 กันยายน 2558 | ยธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ด้านกระบวนการยุติธรรม พัฒนาความร่วมมือในเรื่องการโอนตัวนักโทษและประสานความร่วมมือในการพัฒนาระบบกฎหมายของทั้งสองประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมายและประสบการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ๒. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พัฒนาความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงบริเวณชายแดนเพื่อสกัดกั้นยาเสพติด โดยการจัดตั้งหมู่บ้านสีขาว และให้มีการเปิดด่านชายแดนให้มากขึ้น ซึ่งกัมพูชาขอให้ไทยจัดอบรมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานชายแดนให้กับกัมพูชา ส่วนไทยได้เชิญให้กัมพูชาเข้าร่วมในโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย เนื่องจากไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นทางผ่านและได้รับผลกระทบจากยาเสพติดซึ่งมาจากแหล่งผลิตนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันปราบปรามเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ออกจากแหล่งผลิต และสกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นที่จะผ่านเข้าไปยังแหล่งผลิตในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งกัมพูชาได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว และจะมีการทำแผนปฏิบัติการในระยะต่อไป โดยเป็นโครงการระยะยาว ๓ ปี และกำหนดที่จะประชุมทำแผนปฏิบัติการในช่วงกลางเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
566 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง) | ยธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
567 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แผนปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ/ ระบบพรรคการเมือง) | ยธ | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ/ระบบพรรคการเมือง ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอว่า ในส่วนของการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งสำนักงานเลขานุการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||
568 | ขออนุมัตินโยบายเร่งด่วนภายใต้แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 และร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2559 - 2562 | ยธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนภายใต้แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ รวม ๖ ด้าน ได้แก่ การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนางานให้บริการของหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดและการช่วยเหลือดูแลผู้พ้นโทษ การพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางเลือก และการป้องกันอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพ ๑.๒ ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ แนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งแผนงาน โครงการ และงบประมาณของแต่ละหน่วยงานให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๒. หากมีภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนและแผนแม่บทดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาในประเด็นความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติที่เสนอขอแก้ไขกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการด้านกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ และคณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
569 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่มเติม เครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) | ยธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘ (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขร่างในส่วนของการกำหนดอินทรธนูและส่วนประกอบบนอินทรธนูตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
570 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศ เรื่อง การบังคับคดีแพ่งในบริบทของการผนวกรวมตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นพลวัตร | ยธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการจัดประชุมระหว่างประเทศ เรื่อง การบังคับคดีแพ่งในบริบทของการผนวกรวมตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นพลวัตร เมื่อวันที่ ๒๖-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจาของประชาคมอาเซียน (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี) ธนาคารโลก และสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนางานด้านการบังคับคดีแพ่ง โดยที่ประชุมได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การบังคับคดีทางแพ่งให้มีประสิทธิภาพ การเข้าถึงข้อมูลและการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ การส่งเสริมกลไกการระงับข้อพิพาททางเลือก กลไกการขายทอดตลาดต้องมีประสิทธิภาพ การประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการบังคับคดีในสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพให้กับบุคลากรด้านการบังคับคดีอย่างต่อเนื่อง ๑.๒ กระทรวงยุติธรรมได้นำผลจากการจัดประชุมมาพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของกรมบังคับคดีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย (๑) ร่วมพัฒนาการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมป่าไม้ กรมธนารักษ์ กรมสรรพากร กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศาลยุติธรรม (๒) ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งและพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนการพัฒนาระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์และการบังคับคดีอิเล็กทรอนิกส์ และให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณแก่การดำเนินงานในเรื่องนี้ด้วย และ (๓) ให้กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนประเด็นความจำเป็นในการให้ความร่วมมือระหว่างกันด้านการบังคับคดีแพ่งและการบังคับคดีล้มละลาย เป็นหัวข้อการพิจารณาในกรอบความร่วมมือด้านต่าง ๆ รวมทั้งด้านกฎหมายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และกรอบอื่น ๆ เช่น ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เป็นต้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
571 | ความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อรายงานผลการพิจารณาการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | ยธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าวไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
572 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. พันตำรวจโท สุพจน์ นาคเงินทอง ฯลฯ) | ยธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจโท สุพจน์ นาคเงินทอง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓ นายศักยา ชูใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
573 | รายงานผลการประชุมการนำยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการทางปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วย การขจัดความรุนแรงต่อเด็กในสาขาการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาไปสู่การปฏิบัติ | ยธ | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการประชุมการนำยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการทางปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กในสาขาการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักกิจการในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ร่วมกันจัดประชุมฯ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน กรุงเทพมหานคร โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเป็นองค์ประธานและร่วมการประชุม วัตถุประสงค์ของการจัดประชุมเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์ต้นแบบฯ ให้ชัดเจน สร้างความตระหนักรู้และร่วมกันแสวงหามาตรการเชิงปฏิบัติว่าด้วยการยุติความรุนแรงต่อเด็กในสาขาป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่เหมาะสมในการนำยุทธศาสตร์ต้นแบบฯ มาปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||
574 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... | ยธ | 30/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและพื้นที่ปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
575 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งผู้เสียหายหรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหายให้ทราบถึงสิทธิการขอรับค่าตอบแทน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
576 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | ยธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และให้แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
577 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2558 | ยธ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมงานสถาปนาครบรอบ ๗๐ ปี กระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์และสานต่อความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขยายผลความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ระหว่างสองประเทศ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และได้หารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นความร่วมมือทางด้านกฎหมาย ซึ่งภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการดำเนินการ (๑) จัดการฝึกอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านกฎหมาย และ (๒) แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมาย ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวแล้ว กระทรวงยุติธรรมไทยอยู่ในระหว่างการประสานงานจัดทำแผนงานโครงการ รวมถึงการจัดฝึกอบรมแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระหว่างกันกับฝ่ายเวียดนาม
|
||||||||||||||||||
578 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 4 ราย 1. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ฯลฯ) | ยธ | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุมประพฤติ ๒. นางกรรณิการ์ แสงทอง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๓. นายวีระยุทธ สุขเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
|
||||||||||||||||||
579 | การประชุมนานาชาติครั้งที่ 5 ว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) : การบังคับตามข้อตกลงของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (The 5th International Conference on Enforcing Contracts of Thailand and Sri Lanka) | ยธ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมนานาชาติครั้งที่ ๕ ว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) : การบังคับตามข้อตกลงของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (The 5th International Conference on Enforcing Contracts of Thailand and Sri Lanka) ระหว่างวันที่ ๕-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ว่า จากการประชุมนานาชาติครั้งที่ ๕ ประเทศไทยได้รับข้อเสนอแนะและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการพัฒนาปรับปรุงการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำแนะนำในการพัฒนาขั้นตอนของกระบวนการศาล ได้แก่ (๑) การปรับปรุงกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับคดีมโนสาเร่ให้มีความสะดวกและช่วยลดขั้นตอน (๒) การสนับสนุนการใช้การระงับข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยในชั้นศาลให้มากขึ้น (๓) การปรับลดขั้นตอนต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดี (๔) การออกหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันคู่ความประวิงคดี (๕) การนำคำพิพากษาของศาลออกเผยแพร่ และ (๖) การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการทำงานเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และลดขั้นตอนค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชน
|
||||||||||||||||||
580 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี 2557 และประจำปี 2558 | ยธ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี ๒๕๕๗ และประจำปี ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๗ และประจำปี ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติกรอบการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๕๘ ปีละจำนวน ๙,๔๘๐ คน แบ่งเป็น ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๗,๔๙๗ คน จากระบบทะเบียนกำลังพล จำนวน ๒๙๙,๘๕๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๒.๕ และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๑,๙๘๓ คน จากระบบทะเบียนกำลังพล จำนวน ๓๙๖,๖๔๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๐.๕ เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวเห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....