คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย   รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง   และผลการดำเนินการให้
ความช่วยเหลือ จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 มีจังหวัดที่ประสบภัย 71 จังหวัด 696 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ
5,340 ตำบล 44,519 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,843,540 ครัวเรือน 11,058,902 คน แยกเป็นภาค
เหนือ  17  จังหวัด  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด  ภาคกลาง  13  จังหวัด  และภาคตะวันออก  8 
จังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,736,660 ไร่ แยกเป็น  นาข้าว  10,190,292 ไร่  
พืชไร่ 3,031,745 ไร่ พืชสวน  514,623 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ  7,565,861,139  บาท  ด้าน 
การให้ความช่วยเหลือ  ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน  รวมทั้งแจกจ่ายน้ำ 
อุปโภค/บริโภค ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,235,807,193.56  
บาท   จำแนกเป็น  งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด   (งบ 50  ล้านบาท)  896,851,630 บาท  งบ 
ฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  263,637,264.56  บาท  และงบประมาณอื่นๆ  เช่น  งบจังหวัด 
CEO 75,318,299 บาท นอกจากนี้ได้มีการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งการช่วยเหลือ/
ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้มีมาตรการเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน  
2548   ดังนี้   ให้จังหวัดประสานงานสำนักฝนหลวง   เร่งปฏิบัติการฝนหลวงทันทีเมื่อมีเมฆ  หรือสภาวะ 
อากาศเอื้ออำนวย    ให้มีการจัดระบบการแจกจ่ายน้ำ   โดยประสานกับจุดจ่ายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำ
บาดาล ในพื้นที่ต่างๆ เร่งซ่อมบ่อบาดาลเดิม และขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติมในหมู่บ้านแล้งรุนแรงให้แล้วเสร็จ
ในเดือนเมษายน  ส่วนในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรัง  ครั้งที่ 2 โดย
เด็ดขาด   สำหรับในเขตอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิกฤติ   ให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้ง  และสงวนน้ำไว้
ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น   และให้พิจารณาขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก   ก่อสร้างฝายประชาอาสา 
จัดหาถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน    ตลอดจนให้มีการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ทั่วถึงและเป็น
ธรรม และรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(ครั้งที่ 12) จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 โดยข้อมูลพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย 6 จังหวัดภาคใต้ รวม
25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 คน 12,017 ครอบครัว
จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,939 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,503 คน)
บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,605 คน  คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,932 คน (คนไทย 2,023
คน คนต่างประเทศ 909 คน) และเด็กกำพร้ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,172 คน  ในส่วนของความเสียหายต่อทรัพย์
สิน ประกอบด้วย  บ้านเรือนราษฎรเสียหาย  4,806  หลัง  แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง  3,302  หลัง  และเสีย
หายบางส่วน  1,504  หลัง  พื้นที่การเกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า  6,625,174.50  บาท  พื้นที่เพาะเลี้ยง
สัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า  1,808,891,883  บาท  ปศุสัตว์  เสียหายคิดเป็นมูลค่า
17,625,605.50 บาท  และสถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า  13,101,249,720  บาท  ความเสีย
หายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือ สะพาน  ถนน  ท่อระบายน้ำ  พนัง/เขื่อน  ระบบ
สาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา  โทรศัพท์  และอื่น ๆ  ได้รับความเสียหาย ประเมินขั้นต้นประมาณ 1,057.39
ล้านบาท  และความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชาย
หาด  ป่าชายเลน  ป่าไม้  แหล่งน้ำจืด  แนวประการัง  รวมทั้งเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่  สำหรับการช่วย
เหลือ ได้แก่ การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2548) รวมเป็นเงิน  315,023,951
บาท  การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มีนาคม 2548)  รวมเป็น
เงิน  381,248,729  บาท และจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 จำนวน
4,238 ราย เป็นเงิน 83,930,000 บาท  การก่อสร้างบ้านพักถาวร  จากข้อมูลสำรวจจำนวนความต้องการ
 ณ วันที่ 16 มีนาคม 2548 มีเป้าหมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,751 หลัง  โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ  176  หลัง  และ
ราษฎรขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 266 ราย  นอกจากนี้  ยังมีผลการให้ความช่วย
เหลือ เกี่ยวกับการฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบชายหาด  และการช่วย
เหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย  ตลอดจนช่วย
เหลือการจัดระเบียบที่ดิน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือ  สรุปได้ดัง
นี้  สถานการณ์ความแห้งแล้ง  (ข้อมูลถึงวันที่ 3 มีนาคม 2548)  มีจังหวัดประสบภัย 63 จังหวัด 631 อำเภอ
59 กิ่งอำเภอ 4,701 ตำบล  41,099  หมู่บ้าน  และคาดว่า  ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2548  จะ
มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความแห้งแล้งทั่วประเทศ  70  จังหวัด  643  อำเภอ  60  กิ่งอำเภอ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือ  ที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง  ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์  ฉาย
แสง) เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2548 ณ ทำเนียบรัฐบาล  ได้กำหนดนโยบาย/มาตรการ
แก้ไขปัญหาภัยแล้งในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนาย  2548  ดังนี้  ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง  ขอให้งดการ
ปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 โดยเด็ดขาด ส่วนอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิฤต 6 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง
ลำพระเพลิง  กระเสียว  ทับเสลา  แก่งกระจาน   และปราณบุรี   ให้งดการปลูกพืชฤดูแล้ง   และสงวนน้ำไว้ใช้
เพื่อการอุปโภค บริโภค และให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดระบบการแจกจ่ายน้ำ  รวมทั้งให้ขุด
ลอกแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดเล็กประมาณ  14,000  แห่ง  โดยใช้แรงงานท้องถิ่นในฤดูแล้งนี้  และให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณในเบื้องต้น   ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย  ได้เร่งรัดให้จังหวัดที่
ประสบภัยแล้งใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยไปแล้ว รวมทั้งสิ้น
784,091,141 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(ครั้งที่ 10)  จนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2548  โดยข้อมูลพื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย 6 จังหวัดภาคใต้ รวม
 25  อำเภอ/กิ่งอำเภอ  95  ตำบล 412 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือนร้อน 58,550 คน 12,480 ครอบ
ครัว จำนวนผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,926 คน คนต่างประเทศ 1,953 คน ไม่สามารถระบุได้ 1,516
คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย  6,065  คน คนต่างประเทศ  2,392  คน) สูญหาย 2,932 คน (คนไทย
2,023 คน คนต่างประเทศ 909 คน) และเด็กกำพร้ามีจำนวนทั้งสิ้น  882  คน ในส่วนของความเสียหายต่อ
ทรัพย์สิน ประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6,824 หลัง แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง  3,615  หลัง  และ
เสียหายบางส่วน 3,209 หลัง พื้นที่การเกษตร เสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท  พื้นที่เพาะเลี้ยง
สัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า  1,757,453,403  บาท  ปศุสัตว์  เสียหายคิดเป็นมูลค่า
17,625,605 บาท และสถานประกอบการ เสียหายคิดเป็นมูลค่า  12,852,617,712  บาท  ส่วนความเสีย
หายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือ สะพาน  ถนน  ท่อระบายน้ำ  พนัง/เขื่อน  ระบบ
สาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์  และอื่น ๆ  ได้รับความเสียหาย ประเมินขั้นต้นประมาณ 1,060.74
ล้านบาท  และความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชาย
หาด  ป่าชายเลน  ป่าไม้  แหล่งน้ำจืด  แนวประการัง   รวมทั้งเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่   ด้านการตรวจ
พิสูจน์ สามารถยืนยันได้แล้ว (Identified) 1,870 ศพ (ไทย 1,471 ศพ  ต่างชาติ 399 ศพ) และยังยืนยันไม่
ได้ (Unidentified) 2,873 ศพ  (ไทย 1 ศพ  คนต่างชาติ 1,279 ศพ  และระบุไม่ได้  1,593  ศพ)  ด้านการ
ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลศพคนต่างชาติ ณ สุสานไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต สามารถพิสูจน์ยืนยันบุคคลและรับศพ
ไปแล้ว 440 ศพ  คงเหลือศพคนต่างชาติ  1,651  ศพ  สำหรับการช่วยเหลือ ประกอบด้วย การจ่ายเงินช่วย
เหลือผู้ประสบภัย  (จนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2548) รวมเป็นเงิน 299,057,556 บาท  การจ่ายเงินช่วยเหลือ
ชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม 2548) รวมเป็นเงิน 248,714,342 บาท และ
การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ถึงวันที่  4  มีนาคม  2548  จำนวน 4,238 ราย รวมเป็นเงิน
83,930,000 บาท การก่อสร้างบ้านพักถาวร จากข้อมูลสำรวจจำนวนความต้องการ  ณ  วันที่  4  มีนาคม
2548 มีเป้าหมายยอดรวมทั้งสิ้น 2,743 หลัง โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ 130 หลัง และราษฎรขอรับเงินชดเชย
30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 266 ราย  นอกจากนี้  ยังมีผลการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการฟื้นฟู
จัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบชายหาด และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอก
สารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปูเขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย  ตลอดจนช่วยเหลือการจัดระเบียบที่
ดิน

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปสถานการณ์อุบัติเหตุเรือโดยสาร
ล่มที่อำเภอเกาะยาว  จังหวัดพังงา  โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548  เรือโดยสารชื่อ "รุ่งโรจน์" ขนาด 7.87 ตัน
กรอส ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารประมาณ 75 คน ได้เกิดอุบัติเหตุล่มบริเวณ  ม.1  ตำบลเกาะยาวน้อย  อำเภอเกาะ
ยาว จังหวัดพังงา  ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 9 คน  บาดเจ็บ 65 คน  และสูญหาย  1  คน  จากการตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่า เรือได้บรรทุกผู้โดยสารเกินอัตราที่กำหนด และในระหว่างที่แล่นออกจากท่าเรือประมาณ  30
นาที ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก  พร้อมกับมีลมกระโชกแรงก่อคลื่นสูง 3-4 เมตร  ซัดกระหน่ำเข้าด้าน
ข้างของตัวเรือ  ทำให้เรือเสียการทรงตัว  และเนื่องจากมีน้ำหนักบรรทุกผู้โดยสารมากทำให้เรือเสียหลักเอียง
ล้มและพลิกคว่ำ  ประกอบกับบนเรือมีชูชีพไม่พอกับจำนวนคน  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้นำเรือตรวจ
การชายฝั่งและเฮลิคอปเตอร์ออกให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย  โดยสามารถช่วยเหลือผู้โดยสารจำนวนมาก
ที่ลอยคออยู่กลางทะเล และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเกาะยาว จังหวัดพังงา  และโรงพยาบาลวชิระ จังหวัด
ภูเก็ต   ในส่วนของกระะทรวงมหาดไทย  ได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเดิน
ทางไปจังหวัดพังงา เพื่ออำนวยการประสานการให้ความช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยร่วมกับจังหวัดพังงา
พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือให้ญาติผู้เสียชีวิตเป็นค่าจัดการศพรายละ  5,000  บาท เงินปลอบขวัญผู้บาดเจ็บ
กรณีเข้ารักษาพยาบาลเบื้องต้นรายละ 2,000 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราช
บัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว องค์การบริหารส่วนตำบล
ท่าม่วง  อำเภอเสลภูมิ  และองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ทอง  อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... โดย
มีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะ
แก้ว องค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ และองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ทอง อำเภอศรีสมเด็จ
จังหวัดร้อยเอ็ด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน
เงินเพิ่ม  เงินค่าเบี้ยประชุม  และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ข้าราชการการเมืองอื่นของ
กรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ
กำหนดให้มีการปรับบัญชีอัตราตำแหน่งเงินเดือนและเงินเพิ่มของข้าราชการการเมืองของกรุงเทพมหานคร เพื่อ
ให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาและมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 เกี่ยวกับมาตรการปรับค่าตอบ
แทนภาคราชการ โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่  1  เมษายน  2547 เป็นต้นไป และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัว
ประชาชน  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
เพื่อกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่เกิดโดยยกเว้นความผิดสำหรับผู้ซึ่งมีอายุไม่
เกิน 15 ปีบริบูรณ์ และแก้ไขเพิ่มเติมให้บัตรประจำตัวประชาชนมีอายุใช้ได้ 10 ปี  รวมทั้งแก้ไขอัตราค่าธรรม
เนียมการออกบัตร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุด
ใหม่พิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่
ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ในท้องที่ตำบลไร่น้อย  อำเภอเมืองอุบลราช
ธานี จังหวัดอุบลราชธานี  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี บางส่วน เนื้อ
ที่ประมาณ  71  ไร่  1  งาน  09  ตารางวา เพื่อมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใช้เป็นที่ตั้ง
โรงพยาบาล  50  พรรษา มหาวชิราลงกรณ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนทรัพย์สินซึ่งเป็น
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง  จังหวัดระยอง  ให้แก่การไฟฟ้าฝ่าย
ผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  โอนทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน  ซึ่งมี
เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ 66 3/10 ตารางวา ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง  ให้แก่
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีค่าตอบแทน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา  โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปพิจารณาด้วยว่า  กรณีที่ดินที่
ขอตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นการโอนโดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อให้ กฟผ.  ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าที่มีภาระผูกพันตามสัญญาที่ต้องโอนขายให้แก่บริษัทผลิต
ไฟฟ้า  จำกัด  (มหาชน)  อีกทอดหนึ่ง    อันจะมีผลทำให้มีการโอนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่น
ดิน ฯ ไปให้เอกชน ซึ่งอาจเป็นปัญหาในเรื่องความเหมาะสมและข้อกฎหมายว่าจะสามารถกระทำได้ หรือไม่
สมควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในเรื่องนี้ในชั้นการตรวจพิจารณาด้วย    แล้วนำเสนอ
คณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของการประปา
ส่วนภูมิภาค รวม 7 แปลง ราคาประเมินจำนวนเงิน 11,941,735 บาท เพื่อโอนคืนให้แก่เทศบาล รวม 3 แห่ง
ได้แก่ เทศบาลเมืองรังสิต เทศบาลตำบลสีคิ้ว และเทศบาลตำบลชุมพวง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์แก่ประชาชนใน
พื้นที่

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาและคุ้ม
ครองสิทธิของประชาชนด้านทะเบียน โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนไทย
ในด้านการทะเบียนให้มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย โดยระยะเวลาเริ่มดำเนิน
การลงทะเบียนเพื่อรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลประชาชนทั่วทั้งประเทศที่มีปัญหาด้านการทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1
มกราคม 2548-30 เมษายน 2548  และให้ดำเนินการต่อไปได้  โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้อง อาทิ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  ที่เห็นควรให้มีการประสานงานและเร่งรัดให้มีการ
สำรวจข้อมูลอย่างถูกต้อง   ในการนี้  สำนักงานสถิติแห่งชาติ  ซึ่งมีสำนักงานในภูมิภาคต่าง  ๆ   ทั่วประเทศ
พร้อมที่จะให้การสนับสนุนโครงการ ฯ ด้วยเช่นกัน ไปประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้
จ่ายเพื่อการนี้    ให้กระทรวงมหาดไทย  (กรมการปกครอง)  ปรับแผนการปฏิบัติงาน   และแผนการใช้จ่าย
งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  ไปดำเนินการก่อน   และให้ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อ
พิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนที่ขาดอยู่ให้เท่าที่จำเป็น  โดยปีงบประมาณต่อไปหากกรมการปกครองมี
ความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเป็นโครงการต่อเนื่อง  ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความ
จำเป็นและเหมาะสมต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) และระบบตรวจจับหมายเลขทะเบียนรถเข้า-ออก  (CPR)  ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย  ศูนย์
ราชการจังหวัด/ศาลากลางจังหวัดและจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดน  ในวงเงินทั้งสิ้น 325,466,000 บาท  
และให้ดำเนินการต่อไปได้   โดยงบประมาณค่าใช้จ่าย    ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอขอตั้งงบประมาณราย
จ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นปี ๆ  ไป  ตั้งแต่ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549  โดยไม่ต้องดำเนินการใน
ลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และในระหว่างที่ยังไม่มีการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด ให้มีมาตร
การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมกว่าปกติรองรับไว้ด้วย  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับ
ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกี่ยว 
ข้องกับการดำเนินการดังกล่าวเปลี่ยนแปลงเร็ว    จึงให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีให้
เหมาะสมด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้กรุงเทพมหานครก่อหนี้ผูกพันและเบิก
จ่ายเงินงบประมาณก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดเป็นกรณีพิเศษ รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักย
ภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000  ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของศูนย์อำนวย
การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน (ศตจ.) กรุงเทพมหานคร เป็นเงินจำนวน 24,833,800 บาท ซึ่งกรุงเทพ
มหานครได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย เมื่อวันที่  21  กันยายน  2547 ตามใบอนุมัติเงินประจำงวด
เลขที่ 5177 และได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจากกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียม
และค่าปรับให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ธรณีพิบัติภัยในเขต
พื้นที่ภาคใต้ของประเทศ รวมทั้งบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องออกไปจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการจัดซื้อครุ
ภัณฑ์ตามโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาคุณภาพบริการสาธารณสุขในสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในแผนการก่อ
หนี้จากต่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2546  เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการกู้เงินของรัฐบาลประเทศ
เดนมาร์ก ตาม  General Rules and Guidelines for Procurement under Danish Mixed Credits,  April  2001
(Revised May 2003) จากเดิม ให้จัดซื้อครุภัณฑ์จากประเทศเดนมาร์กอย่างน้อยร้อยละ  50  ของมูลค่าวงเงิน
กู้ตามสัญญาและเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศที่สามได้ไม่เกินร้อยละ 30 ส่วนที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์ในประเทศแต่
ไม่เกินร้อยละ 50 เป็น ให้จัดซื้อครุภัณฑ์จากประเทศเดนมาร์กอย่างน้อยร้อยละ  50  ส่วนที่เหลือจะจัดซื้อจาก
ประเทศใดก็ได้แต่ไม่เกินร้อยละ 50 ของสัญญา  ทั้งนี้ การกู้เงินตามโครงการ ฯ กรุงเทพมหานครจะต้องรับผิด
ชอบในการชำระหนี้คืนโดยกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกัน ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการ
บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 19  ที่มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่  3  กุมภาพันธ์  2548  ตามความ
เห็นของกระทรวงการคลัง

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามที่กระทรวงม
หาดไทยเสนอโดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน 60,625,592 บาทและให้กระทรวงมหาดไทย  
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)  ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป   สำหรับ
ค่าตอบแทนคณะทำงานฝ่ายช่าง  ฝ่ายเลขานุการ  และค่าเดินทางไปตรวจสอบความเหมาะสมของโครงการใน
พื้นที่  วงเงิน 300,000 บาท  ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผน
การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  ที่ได้รับจัดสรรในงบดำเนินงาน ไปดำเนินการเพื่อเป็น
ค่าใช้จ่ายดังกล่าวตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้ง  ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม  2547
-24 กุมภาพันธ์ 2548   มีจังหวัดที่ประสบภัย 62 จังหวัด 600 อำเภอ 55 กิ่งอำเภอ 4,503 ตำบล 43,623
หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,279,527 ครัวเรือน 8,339,670 คน แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวัน
ออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด  และภาคใต้ 7 จังหวัด  พื้นที่การ
เกษตรเสียหาย 13,251,741 ไร่ แยกเป็น นาข้าว  9,942,541 ไร่ พืชไร่ 2,962,393 ไร่  พืชสวน 346,807
ไร่  มูลค่าความเสียหายประมาณ  6,537,780,440 บาท ด้านการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อ
การเกษตร  รวมทั้งแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค    ในส่วนของงบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว   รวมเป็น
เงินทั้งสิ้น   716,113,238   บาท   จำแนกเป็น  งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด  (งบ  50  ล้านบาท) 
541,991,214 บาท งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117,435,302 บาท  และงบประมาณอื่นๆ  
เช่น  งบจังหวัด CEO 56,686,722 บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาไทยรายงานสรุปความเสียหายและการให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (ครั้งที่ 9) ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547  ถึงวันที่
28 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปได้ดังนี้ พื้นที่ประสบภัยและความเสียหาย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548)
มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติ รวม  25  อำเภอ/กิ่งอำเภอ  95  ตำบล  412  หมู่บ้าน  ราษฎรได้รับความเดือดร้อน
58,550 คน 12,480 ครอบครัว เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,925 คน  คนต่างประเทศ 1,953 คน) บาด
เจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย  2,965  คน (คนไทย 2,023 คน
คนต่างประเทศ  942  คน) และเด็กกำพร้าที่บิดาหรือมารดาหรือผู้อุปการะเดิมเสียชีวิต มีจำนวนทั้งสิ้น 882
คน ความเสียหายต่อทรัพย์สินประกอบด้วย บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6,824 หลัง (เสียหายทั้งหลัง 3,615
หลัง เสียหายบางส่วน 3,209 หลัง) พื้นที่การเกษตรเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,496,214.75 บาท  พื้นที่เพาะ
เลี้ยงสัตว์น้ำและเครื่องมือประมง เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,757,453,403 บาท ปศุสัตว์เสียหายคิดเป็นมูลค่า
17,625,605 บาท  สถานประกอบการเสียหายคิดเป็นมูลค่า  12,852,617,712  บาท  ความเสียหายด้าน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด  ป่าชายเลน  ป่าไม้  แหล่งน้ำ
จืด  แนวปะการัง  และเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่  ในด้านการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลผู้เสียชีวิต  สามารถ
ยืนยันได้แล้ว (Identified) 1,870 ศพ (ไทย  1,471  ศพ ต่างชาติ  399  ศพ) ญาติรับศพไปแล้วเป็นคนไทย
1,260 คน คนต่างชาติ 280 คน และยังยืนยันไม่ได้ (Unidentified) 2,873 ศพ (ไทย 1 ศพ ต่างชาติ 1,279
ศพ  ระบุไม่ได้  1,593  ศพ) ส่วนการตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลศพคนต่างชาติ  ณ  สุสานไม้ขาว  จังหวัดภูเก็ต
ขณะนี้มีศพคนต่างชาติคงเหลือเพื่อตรวจพิสูจน์  1,487  ศ พ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการจ่าย
เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน 283,704,356 บาท จ่ายเงินช่วย
เหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงิน  232,796,143
บาท และจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนัก
นายกรัฐมนตรี  100,000,000  บาท และจากกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น  83,810,000  บาท  นอก
จากนี้ ยังมีผลการดำเนินการช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย อยู่ระหว่าง
จัดหาพื้นที่ที่เหาะสมเพื่อก่อสร้างบ้านถาวร  281  หลัง และประชาชนผู้ประสบภัยขอรับเงินชดเชย 30,000
บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 178 หลัง การฟื้นฟูจัดระเบียบการก่อสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างและการจัดระเบียบ
ชายหาด  ในส่วนของการทำความสะอาดขนย้ายซากปรักหักผัง  ขยะมูลฝอย  การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้น
ฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  และการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม
ในพื้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงาา  รวมทั้งการยุติการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่น
ยักษ์ ณ จังหวัดภูเก็ต  เนื่องจากการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือของศูนย์ ฯ ในด้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่ดำเนิน
การเสร็จเรียบร้อยแล้ว   และจัดระบบการบริหารจัดการมอบให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ตามภารกิจอำนาจหน้าที่แล้ว

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอของบประมาณเพื่อจ้างที่ปรึกษาตามโครงการ
จ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาการบริหารจัดการโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินเพื่อการบริหารจัดการระบบที่
ดิน (ช่วงขยายการดำเนินงานตามต้นแบบ) จากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ฯ จำนวน 12.2 ล้านบาท และให้
สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนด้วย