สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรีและจังหวัด
สระบุรี ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดลพบุรีได้มีการประกาศภัยพิบัติรวม 10
อำเภอ ยกเว้นอำเภอท่าหลวง พื้นที่ประสบภัยแล้งรวม 11 อำเภอ  90  ตำบล  584  หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความ
เดือดร้อน 41,559 ครัวเรือน  117,990 คน  พื้นที่การเกษตรเสียหายรวม  391,039.75  ไร่  แยกเป็น พื้นที่นา
167,456.25  ไร่  พื้นที่ไร่  209,572.50  ไร่  และพื้นที่สวน  14,011.00  ไร่  ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัด
สระบุรี มีพื้นที่ประสบภัยแล้งรวม 13 อำเภอ 65 ตำบล 345 หมู่บ้าน  6,517  ครัวเรือน  12,807  คน  พื้นที่ทำ
การเกษตรเสียหาย แยกเป็น นาข้าว 40,407 ไร่ พืชไร่ 78,625 ไร่ พืชสวน 1,143 ไร่  สำหรับสถานการณ์น้ำใน
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณ วันที่ 25 เมษายน 2548  ปริมาณเก็บกักน้ำในเขื่อน จำนวน  258.51  ล้านลบ.ม.  คิดเป็น
32.93% รวมทั้งสภาพแหล่งน้ำธรรมชาติและสระน้ำ ห้วย หนอง คู คลองธรรมชาติส่วนมากปริมาณน้ำเหลือน้อย
บางแห่งหมดแล้ว  สระน้ำที่ราษฎรขุดเองและทางหน่วยงานราชการขุดให้ปริมาณน้ำเหลือน้อย  บางสระแห้งหมด
แล้ว และบ่อน้ำบาดาลประจำหมู่บ้านบางแห่งมีปริมาณน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน
2548  โดยผลการประชุมสรุปได้ว่า เทศบาลนครนครราชสีมายินดีสมทบงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม
ร้อยละ 20 วงเงิน 760 ล้านบาท เป็นร้อยละ 30 วงเงิน 1,140 ล้านบาท  และจะดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าใช้
น้ำประปาให้สามารถบริการกิจการประปาให้มีกำไร  เพื่อให้ถึงจุดคุ้มการลงทุนโดยเร็ว  พร้อมทั้งได้ขอให้รัฐบาล
จัดสรรงบประมาณ ในส่วนที่นอกเหนือจากเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ซึ่งไม่เกี่ยวกับ
สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการที่เสนอมีความ
จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองของนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมี
การขยายตัวมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงเห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนงบประมาณ
เพื่อดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 วงเงิน 2,660 ล้านบาท  โดยให้ถือว่า วงเงิน
จำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ตามพระราช
บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542   และให้สำนัก
งบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป  และเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ เกิดประโยชน์แก่ประชา
ชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น  รวมทั้งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่น  จังหวัดนครราชสีมาและเทศ
บาลนครราชสีมาจึงควรพิจารณาดำเนินการให้ท้องที่ซึ่งเป็นทางผ่านท่อส่งน้ำดิบได้ร่วมใช้ประโยชน์เพื่อการอุป
โภคและบริโภคด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็น
ประธานกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง พลตำรวจโท ปานศิริ ประภาวัต นายชัยสิทธิ์
วิริยะเมตตากุล และนายสาโรช คัชมาตย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ตั้งแต่วัน
ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (10  พฤษภาคม  2548)  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ
เสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดังนี้  นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ เป็นประธานกรรมการแทน นายเสริมศักดิ์
พงษ์พานิช นายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ เป็นกรรมการแทน นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ และนายพรหมินทร์ ธวัชชัย
นันท์ เป็นกรรมการแทน นายสุรพล นาควานิช ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (10 พฤษภาคม 2548) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช  และนายสมชาย สุนทรวัฒน์  เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด
ไทย ตามลำดับ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา
7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ การยกเลิกแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ที่สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความแห้งแล้ง
ข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2548  มีจังหวัดประสบภัย 63 จังหวัด 525 อำเภอ 59 กิ่งอำเภอ  3,505 ตำบล 
24,074 หมู่บ้าน แยกเป็นภาคเหนือ 16 จังหวัด 101 อำเภอ 10 กิ่งอำเภอ 582 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ 19 หมู่บ้าน 264 อำเภอ 32 กิ่งอำเภอ  2,043 ตำบล  16,929  หมู่บ้าน  ภาคกลาง 9
จังหวัด 58 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ 264 ตำบล 1,492 หมู่บ้าน ภาคตะวันออก 7 จังหวัด 31 อำเภอ  7 กิ่งอำเภอ
171 ตำบล 906 หมู่บ้าน และภาคใต้ 12 จังหวัด 71 อำเภอ  6 กิ่งอำเภอ  445 ตำบล  2,048 หมู่บ้าน  ส่วน
พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ) แยกเป็น นาข้าว 236,985 ไร่ พืชไร่ 275,929
ไร่ และพืชสวน 614,326 ไร่  มูลค่าความเสียหาย 476,668,147 บาท  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้ช่วย
เหลือน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน  และน้ำเพื่อการอุปโภค/บริโภค   งบประมาณดำเนินการ
ทั้งสิ้น 1,495,392,268 บาท

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับข้อมูลความเสียหายและการ
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ครั้งที่ 16) จนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 โดยพื้นที่ประสบภัยพิบัติบริเวณพื้นที่
ชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา  กระบี่  ระนอง  ตรัง  และ
สตูล มีพื้นที่ประสบภัยรวม 25 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 58,550 
คน 12,017 ครอบครัว ผู้เสียชีวิต 5,395 คน (คนไทย 1,975 คน คนต่างประเทศ 2,245 คน ไม่สามารถระบุได้
1,175 คน) บาดเจ็บ 8,457 คน (คนไทย 6,065 คน คนต่างประเทศ 2,392 คน) สูญหาย 2,822 คน และเด็ก
กำพร้ามีจำนวน 1,221 คน ด้านความเสียหายต่อทรัพย์สิน ประกอบด้วยบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 4,806 หลัง
แยกเป็น  เสียหายทั้งหลัง  3,302 หลัง   เสียหายบางส่วน  1,504  หลัง   พื้นที่การเกษตร   เสียหายคิดเป็นมูล
ค่า  6,625,174.50  บาท  พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเครื่องมือประมง  เสียหายคิดเป็นมูลค่า 1,808,891,883
บาท   ปศุสัตว์  เสียหายคิดเป็นมูลค่า  17,625,605.50  บาท   และสถานประกอบการ   เสียหายคิดเป็นมูลค่า
13,101,249,720 บาท ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน  ท่อระบายน้ำ  พนัง/เขื่อน
ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และอื่น ๆ  ได้รับความเสียหายประเมินขั้นต้นประมาณ  1,057.39
ล้านบาท และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับความเสียหายทั้งด้านสภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่า
ไม้  แหล่งน้ำจืด  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ  ประกอบด้วย  การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 29
เมษายน  2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  321,036,471  บาท  การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้เพาะเลี้ยงสัตว์
น้ำ  (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2548)  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น  442,002,216  บาท และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้
ประกอบการรายย่อยถึงวันที่ 29 เมษายน 2548 จ่ายแล้ว จำนวน 4,237 ราย  เป็นเงิน 83,910,000 บาท  ใน
ส่วนของการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัยการก่อสร้างบ้านพักถาวร  (หลังละ  100,000  บาท)  ได้สำรวจ
จำนวนความต้องการ  (ณ วันที่  22  เมษายน  2548)  มีเป้าหมายยอดรวม 2,952 หลัง ก่อสร้างเสร็จแล้ว 715
หลัง โดยมีราษฎรขอรับเงินชดเชย 30,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านเอง 297 ราย  ส่วนผลความคืบหน้าการตรวจ
พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและบริหารจัดการศพของศูนย์ปฏิบัติการ ฯ (TTVI) ณ วันที่ 27 เมษายน 2548  สามารถ
ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคลและญาติรับศพไปแล้ว  1,468  ศพ  (สุสานไม้ขาว 1,262 ศพ  วัดย่านยาว 99 ศพ  และ
สุสานทุ่งโหรง 107 ศพ)  แยกเป็น คนไทย 127 ศพ คนต่างชาติ 1,341 ศพ  คงเหลือศพที่รอการยืนยัน 2,297
ศพ แยกเป็น วัดย่านยาว 568 ศพ (คนไทย) และสุสานไม้ขาว 1,729 ศพ (คนต่างชาติ) ในการนี้คณะกรรมการ
อำนวยการ ฯ ได้มีมติให้จัดสร้างสถานที่เก็บศพคนไทยขึ้นที่สุสานบางมะรวน ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า เพื่อ
เป็นจุดศูนย์กลางให้ญาติผู้เสียชีวิตมารับศพที่ผ่านการยืนยันตรวจสอบแล้ว  คาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน
2548 นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด สูญหาย และทำการรังวัดปู
เขตที่ดินที่หลักเขตสูญหาย ตลอดจนช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการจัดทำแผนแม่บทการ
อพยพประชาชน แนวความคิดและทิศทาง  (Roadmap)  การให้ความช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
ภัย 6 จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน และการฝึกซ้อมการอพยพ โดยผลการจัดทำแผนอพยพประชาชนจาก
พื้นที่เสียงภัยจากคลื่นยักษ์ (สึนามิ) สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ
ภัย ได้จัดทำแล้วเสร็จและได้เชิญผู้เกี่ยวข้องของจังหวัดระนอง พังงา  ภูเก็ต  กระบี่  ตรัง  และสตูล  มาดำเนินการ
เตรียมการจัดทำแผนการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยจากคลื่นยักษ์ระดับจังหวัด ให้สอดคล้องกับแผนแม่บท
ดังกล่าว  เพื่อให้จังหวัดนำไปประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับชุมชนกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ในพื้นที่เสี่ยง
ภัยของแต่ละจังหวัด และได้มีการจัดทำรูปแบบป้ายสัญญาณเตือนภัยและป้ายแสดงเส้นทางอพยพ ตลอดจนการ
สร้างความตระหนัก และให้ความรู้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก GTZ JICA และ ADPC  ส่งผู้เชี่ยวชาญจัด
ทำหลักสูตรฝึกอบรมให้ความรู้แก่ชุมชน  และการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโรงแรม   สำหรับการฝึกซ้อม
แผนการอพยพประชาชนได้ให้มีการฝึกซ้อมแผนการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิที่หาดป่าตอง อำเภอ
กะทู้ จังหวัดภูเก็ต มีผู้เข้าร่วมการฝึกซ้อมประมาณ  3,000  คน  โดยแผนการฝึกซ้อมได้สมมุติเหตุการณ์เกิดแผ่น
ดินไหวขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์  การเร่งอพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวเมื่อสัญญาเตือนภัยดังขึ้น และ
จัดระบบการแบ่งกลุ่มประชาชน พื้นที่ ผู้ควบคุมการอพยพ จัดระบบการบัญชาการ  (Incident Command)  การ
อำนวยการสั่งการ การประสานงาน การติดต่อสื่อสารและจัดให้มีการอำนวยความปลอดภัย และความสะดวกแก่
ผู้อพยพ เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. 2522  บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาเมือง  อำเภอเสลภูมิ  จังหวัดร้อยเอ็ด  พ.ศ. ....  โดยมี
สาระสำคัญคือ  ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร  พ.ศ. 2522  บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนา
เมือง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช 2474 โดยมีสาระสำคัญ
คือ  กำหนดให้อธิบดีกรมการปกครอง  ในเขตกรุงเทพมหานคร  และผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตจังหวัดอื่น ดำรง
ตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาด  หรือค้าของเก่า  และกำหนดให้อธิบดีกรม
การปกครอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ  สังกัดกรมการปกครองตั้งแต่ระดับ  4  ขึ้นไป  ในเขตกรุงเทพมหานคร
ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ  และปลัดอำเภอแห่งท้องที่  ในเขตจังหวัดอื่น 
ดำรงตำแหน่งนายตรวจ ร่างกฎกระทรวงแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และหลักเกณฑ์วิธีการขออนุญาตจัดให้มีการ
เรี่ยไร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้อธิบดีกรมการปกครอง ในเขตกรุงเทพมหานคร นายอำเภอ และ
ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ในเขตจังหวัดอื่น ดำรงตำแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดสถาน
ที่ที่ยื่นคำขออนุญาตที่จะให้มีการเรี่ยไร่ ดังนี้ ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขออนุญาต  ณ กรมการปกครอง
ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขออนุญาต ณ ที่ทำการปกครองอำเภอ  และที่ทำการปกครองกิ่งอำเภอ  และร่างกฎ
กระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478  โดยมีสาระสำคัญ
คือ  กำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ  กรมการปกครอง   ในเขตกรุงเทพมหานคร   นาย
อำเภอ และปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอแห่งท้องที่ ในเขตจังหวัดอื่น  ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้
ออกใบอนุญาตเล่นการพนัน  รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประสงค์จะจัดให้มีการเล่นการพนันตามบัญชี  ข  หรือการจัด
ให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคโดยวิธีใด ๆ ในการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพตามมาตรา 8 ใน
เขตกรุงเทพมหานคร  ให้ยื่นที่กรมการปกครอง  ในเขตจังหวัดอื่น  ให้ยื่นที่ที่ทำการปกครองอำเภอ   และที่ทำ
การปกครองกิ่งอำเภอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวก
ในอาคาร สำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญดังนี้ กำหนดประเภทและลักษณะ
ของอาคารที่ต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา  กำหนดให้จัดให้มีป้าย
แสดงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ  และคนชรา   กำหนดให้อาคารต้องมีทางลาด   ลิฟต์
บันได ที่จอดรถ ทางเข้าอาคาร ทางเดินระหว่างอาคาร ทางเชื่อมระหว่างอาคาร  ประตู  ห้องส้วม  และพื้นผิวต่าง
สัมผัส และกำหนดให้โรงมหรสพ หอประชุม และโรงแรม ต้องจัดให้มีพื้นที่เฉพาะสำหรับเก้าอี้ล้อ ห้องพักที่ผู้พิการ
หรือทุพพลภาพหรือคนชราเข้าใช้ได้   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  และให้ดำเนินการ
ต่อไปได้

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการรับเป็นเจ้าภาพจัดการ
แข่งขันกีฬาเยาวชนนานาชาติ (International Children''s Games ICG) ประจำปี พ.ศ. 2549  โดยที่ประชุมคณะ
กรรมการกีฬาเยาวชนนานาชาติ  (Committee of the International Children''s Games)  ได้มีมติเป็นเอกฉันท์
ให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวในปี พ.ศ. 2549  ต่อจากเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ
ในปี พ.ศ. 2548  ในการนี้กรุงเทพมหานครกำหนดจัดงานประมาณปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม
2549

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน รอบ 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547-31 มีนาคม
2548 ได้รับเรื่องร้องเรียนรวม 15,135 เรื่อง แยกเป็นเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณที่ตั้งบริเวณ
บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด  11,843  เรื่อง  ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  7,316  เรื่อง
และเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก  ฯ  ทักษิณ  หน้าบ้านพิษณุโลก  กรุงเทพ  ฯ  ซึ่งคณะทำงานติดตามและ
ประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) ได้ส่งให้จังหวัด 3,292 เรื่อง และจังหวัดได้ให้
ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  1,888  เรื่อง  ส่วนเรื่องร้องเรียนจำแนกตามกลุ่มปัญหาที่ได้รับจากหน้า
บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณ จน
ถึงปัจจุบัน กลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป  รองลงมาคือ การร้องเรียน
กล่าวโทษ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
ในสังกัด ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 5 ราย  ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  แต่งตั้งเป็นต้นไป
ดังนี้ นายสุรอรรถ ทองนิรมล  ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  (นักบริหาร 10)  สำนักงานปลัดกระทรวง
นายสุขุมรัฏฐ์  สาริบุตร  ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  (นักปกครอง  10)  จังหวัดสมุทรปราการ  นาย
โอรส วงษ์สิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดปราจีนบุรี นายประจักษ์ สุวรรณ
ภักดี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดพัทลุง  และนายศิริวัฒน์  ศรีตระกูล  ดำรง
ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง  ทั้งนี้  ตามมาตรา  7  แห่ง
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสรุปสถานการณ์ความแห้ง
แล้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 25 เมษายน 2548) มีจังหวัดประสบภัย 63 จังหวัด  523 อำเภอ  59  กิ่งอำเภอ 3,552
ตำบล 25,402 หมู่บ้าน  แยกเป็น  ภาคเหนือ 16 จังหวัด  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด  ภาคกลาง 9
จังหวัด ภาคตะวันออก 7 จังหวัด  และภาคใต้  12  จังหวัด  ส่วนพื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพ
รวมทั้งประเทศ) แยกเป็น นาข้าว 307,469 ไร่  พืชไร่ 319,904 ไร่ และพืชสวน 628,547 ไร่ มูลค่าความเสีย
หาย  613,356,571  บาท  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ  ได้ช่วยเหลือน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชล
ประทาน รวมทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค/บริโภค โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,475,191,416 บาท

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับความก้าวหน้าการจัดทำ
ประกาศกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์
ในการวางและจัดทำผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดพังงาและกระบี่ ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองได้กำหนดหลัก
เกณฑ์การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมืองรวมในท้องที่ทั้งสองจังหวัดเสนอ
คณะกรรมการผังเมือง  เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2548  และคณะกรรมการผังเมืองให้ความเห็นชอบในหลักการ
ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองไปพิจารณาแก้ไขรายละเอียดบางประการ ซึ่งได้มอบหมายให้กรรมการผังเมือง
ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาแล้วให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการออกประกาศต่อไป ทั้งนี้ กรมโยธาธิ
การและผังเมืองจะดำเนินการประกาศได้ ภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2548   พร้อมทั้งมอบให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรม  ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย  (เดิม)  รับเรื่องเกี่ยวกับการ
จัดทำประกาศกรมโยธาธิการและผังเมืองไปหารือกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว
อย่างยั่งยืน (อ.พ.ท.) ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและได้ข้อยุติร่วมกัน  และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย สุนทรวัฒน์)
เสนอขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนของโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 (โครง
การก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง) ของการประปานครหลวง  (กปน.)  จากเดิม  ผลตอบแทนทาง
การเงิน (IRR) เท่ากับร้อยละ 16.10 และระยะเวลาคืนทุน 5 ปี  1  เดือน เป็น ผลตอบแทนทางการเงิน (IRR) เท่า
กับร้อยละ 12.03 และระยะเวลาคืนทุน  3  ปี  8  เดือน  และเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการปรับ
ปรุงกิจการประปาแผนหลัก  ครั้งที่ 7/1  (โครงการก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง)  ของ กปน.  วง
เงินลงทุนโครงการรวม 2,550 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินรายได้ของ กปน. จำนวน 1,550 ล้านบาท  และเงินกู้ใน
ประเทศ จำนวน 1,000 ล้านบาท  ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  รวมทั้ง
รับทราบการดำเนินงานของ  กปน. ต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ  ในส่วนของผลการศึกษาคัดเลือกแนวเส้นทางก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 351 สายถนนสุขาภิบาล 1-วง
แหวนรอบนอกด้านตะวันออก  คาดว่า  จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนมกราคม  2548   หลังจากนั้นจะเชิญหน่วย
งานสาธารณูปโภคร่วมพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมต่อไป และหากผลการพิจารณาแล้วเสร็จทันกับการ
เริ่มงานโครงการ 7/1 กปน. ก็จะปรับแผนงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง นอกจากนี้ กระทรวง
การคลัง  โดยบริษัท TRIS ได้กำหนดเป้าหมายแรงดันน้ำเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงาน
ของ ปกน.  มาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่ง กปน. สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายทุกปี  และการลงทุนเพิ่มเติมตามโครง
การ 7/1 ก็มีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มศักยภาพของระบบสูบส่งน้ำให้ประชาชนได้รับน้ำด้วยแรงดันน้ำที่สูงขึ้นด้วย  และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้ โ ดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการต่อไป อาทิ ความ
เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ที่เห็นด้วยต่อการดำเนินโครงการ 7/1  ของ  กปน.  ในการ
นี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ได้ทำการตรวจสอบแผนการจัดการมลพิษในพื้นที่ดังกล่าว   โดยจะ
พิจารณาปรับปรุงแผนเพิ่มเติมเพื่อรองรับปริมาณน้ำเสียจากแหล่งต่าง  ๆ   ที่จะเพิ่มขึ้น    และจะประสานในรายละ
เอียดกับ กปน.  ต่อไป  และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการก่อสร้างตามโครงการดังกล่าว  กปน.  ควร
ประสานและติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข  351  อย่างใกล้ชิด   และปรับแผนงาน
ก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความคุ้มค่าและ
ประหยัด เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ โดยให้รอง
นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์) รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับรัฐมนตรีว่า
กระทรวงยุติธรรม (นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และ
การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินโครงการ ฯ  เช่น  สัดส่วนงบประมาณลงทุนโครง
การ ฯ ที่รัฐบาลสมควรอุดหนุนและที่เทศบาลจะสมทบ การจัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม  และการกำหนดราคา
จำหน่ายน้ำประปาที่เหมาะสม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของ สศช. และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกต
ของคณะรัฐมนตรี  โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  โครงการ ฯ ที่เสนอเป็นโครงการขนาดใหญ่ มี
วงเงินดำเนินการสูง และมิได้บรรจุอยู่ในพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  หากจะ
ดำเนินการโดยใช้งบกลางบางส่วน   และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551
ต่อไป   ควรแสดงเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนของการดำเนินโครงการนี้ให้ชัดเจน  เนื่องจากเป็นลักษณะโครง
การที่อาจจะมีปัญหาความจำเป็นในพื้นที่อื่น ๆ  ลักษณะเดียวกัน  แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน  และกรณีเงินอุด
หนุนจากรัฐบาลดังกล่าว    จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรงบประมาณตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว  เพื่อให้
สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจำหน่ายหนี้สูญให้แก่สมาคมชลประทาน
ราษฎร์และเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ  จำนวน 5 โครงการ  ประกอบด้วย  โครงการ
ชาวนาเดิม  โครงการส่งเสริมการทำนาปีละ 2 ครั้ง  และการส่งเสริมการปลูกข้าวสาลี  โครงการเร่งรัดการเพิ่ม
ผลผลิตพืชเศรษฐกิจและการเลี้ยงสัตว์ โครงการส่งเสริมการทำนาครั้งที่ 2 และโครงการช่วยเหลือค่าซ่อมเครือง
ทุ่นแรงของสมาคมชลประทานราษฎร์ที่ชำรุดเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 73,079,790.75 บาท ตามมติคณะกรรม
การบริหารสินเชื่อเกษตรกรแห่งชาติ (กบส.) ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548