ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1401 | การบริจาคเงินสมทบ IOSEA Marine Turtle MoU | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อการอนุรักษ์และจัดการเต่าทะเลและ
แหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเงินขั้นต่ำปีละ 3,687 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้จัดตั้งงบประมาณรายการดังกล่าวไว้ในงบประมาณราย จ่ายประจำปีและเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีที่จ่ายจริงต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1402 | การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซาร์ไซต์ | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับ นานาชาติ และเสนอเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศบรรจุไว้ในทำเนียบพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ ระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำต่อไปตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณากำหนดและพัฒนาแนวกันชน โดยรอบพื้นที่ลุ่มน้ำกุดทิง เพื่อป้องกันการลุกล้ำของเมืองและมลพิษทางน้ำ และกำหนดแนวทางการบริหารน้ำเข้า พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิงออกเป็นรายฤดูกาลหรือรายเดือน เพื่อรักษาระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ และใช้เป็นแก้มลิงเก็บน้ำ ในฤดูน้ำหลาก และเป็นแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้ง รวมทั้งบริหารการเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขงด้วย นอกจากนี้ ประชา สัมพันธ์ ให้ประชาชนโดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิงเข้าใจในเรื่องกฎเกณฑ์ของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมถึงเน้นบทบาทให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม ในการดำเนินการทุกขั้นตอน ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1403 | รายงานผลการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 25 | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
คณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 25 (the 25th Session of the Governing Council/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme : UNEP GC/GMEF) ระหว่างวันที่ 14-22 กุมภาพันธ์ 2552 ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยผลการประชุม ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Consultation) ที่ประชุมได้มีการหารือใน 2 หัวข้อ คือ Global Crisis, National Chaos? Toward a green economy โดยให้ความสำคัญต่อเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) กำหนดหัวข้อที่ให้โลกตระหนักถึงคือ "Green is the new big deal" โดยเน้นถึงความสมดุลระหว่างการ ปกป้องสิ่งแวดล้อม การลดปัญหาความยากจน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยสรุปเศรษฐกิจสีเขียวจะเป็นทาง ออกของวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน น้ำ และอาหาร และ IEG Reform Help or Hindrance โดยเน้นถึงความสำคัญของการนำแนวทางในระดับการเมืองมาหารือและกำหนดเป้าหมายให้ แล้วเสร็จภายในสามปีข้างหน้า และเน้นดำเนินการตามแผนกลยุทธ์บาหลี (Bali Strategic Plan) และการเสริม สร้างความเข้มแข็งของ UNEP รวมถึงบทบาทของสำนักงานภูมิภาคต่าง ๆ 2. การประชุมคณะกรรมการรวม (Committee of the Whole) ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการจัดการ สารเคมี รวมถึงปรอท การจัดการขยะ ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา กฎหมายสิ่งแวดล้อม Intergovern mental Science-policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services (IPBES) การดำเนินงานตามหลัก ธรรมาภิบาลด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์และนโยบายด้านทรัพยากรน้ำ งบประมาณและแผนการ ดำเนินงานของ UNEP ในปี พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 และรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1404 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายสำราญ รักชาติ) | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสำราญ รักชาติ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนัก
งานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1405 | ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ | ทส | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อ สร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมือง เก่า เสนอ โดยมติที่ปรับปรุงใหม่จะปรับเปลี่ยน ดังนี้ 1.1 ชื่อคณะกรรมการ จากเดิม คณะกรรมการโครงการกรุงรัตนโกสินทร์ เป็น คณะกรรมการอนุรักษ์ และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า 1.2 หน่วยงาน จากเดิม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็น กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ควรปรับปรุง ข้อความจาก "ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" เป็น "ส่ง เรื่องและแบบแปลนที่จะทำการก่อสร้างให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" และให้ กำหนดกรอบระยะเวลาให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา ฯ พิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายในระยะเวลาสองเดือนเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถวางแผนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้ หน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาประเมินผลมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์นับตั้ง แต่ ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบันว่ามีผลดี หรือผลกระทบอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง รวมทั้งกลไกการขับเคลื่อนมาตรการ ดังกล่าวโดยพิจารณาความเหมาะสมในการปรับปรุงและเสริมบทบาทของกรุงเทพมหานครซึ่งปัจจุบันมีความพร้อม ในการควบคุมการก่อสร้างอาคารในเชิงอนุรักษ์และพัฒนาอยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1406 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์และการจัดการพะยูน และแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูนโดยครอบคลุมพื้นที่อาศัยของพะยูนทั้งหมด | ทส | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามใน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์และการจัดการพะยูนและแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน โดยให้ครอบคลุมพื้นที่ อาศัยของพะยูนทั้งหมด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรมีการ พิจารณาในข้อกฎหมายให้มีความชัดเจนว่าบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยหรือไม่ ไป พิจารณาดำเนินการก่อนที่จะลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1407 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 | ทส | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้วใน การประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ดังนี้ 1. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายพหลโยธิน (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา) ของกรุงเทพมหานคร กับเห็นชอบมาตรการป้อง กัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคม ในการ ประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 โดยให้เพิ่มการจัดหาที่จอดรถ (park & ride) ให้เหมาะสม รวมทั้งให้มีการสร้างโรงซ่อมบำรุงเพิ่มอีก 1 จุด และควรมีมาตรการระยะสั้นในการผ่อนคลายปัญหาการจราจร ด้านล่าง 2. เห็นชอบการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานา ชาติ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือแรมซาร์ไซต์ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบในหลักการให้มีการศึกษาผลกระทบภายหลังการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาด ใหญ่ โดยในระยะแรกให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทยจัดทำโครงการบูรณาการ เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการดำเนินโครงการ ฯ เป็นโครงการนำร่องเพื่อหารูปแบบการดำเนินการในระยะต่อไป 4. เห็นชอบการกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ระดับที่ 1 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม 5. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซไนโตรเจน ไดออกไซต์ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยกำหนดค่าเฉลี่ยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ในเวลา 1 ปี ต้องไม่เกิน 30 ppb (0.030 ppm หรือ 0.057 mg/m3) ตามความเห็นของกรมควบคุมมลพิษ 6. เห็นชอบการใช้ประมวลหลักการปฏิบัติงาน (COP) เพื่อลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวด ล้อมสำหรับระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อบนบก แทนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และเห็นชอบการแก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้กฎหมายเพื่อ ให้สามารถนำ COP ไปใช้ได้ภายในต้นปี พ.ศ. 2552 7. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย ชลบุรี-พัทยา ของกรมทางหลวง โดยให้ปรับรูปแบบการเขียนรายงาน ฯ ให้ชัดเจนว่าเป็นการยกระดับถนนเดิม ให้เป็นทางหลวงพิเศษมิใช่การก่อสร้างทางหลวงพิเศษขึ้นมาใหม่ รวมทั้งปรับแก้ไขระยะเวลาดำเนินโครงการ และ เพิ่มเติมข้อมูลสภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบันของโครงการ ฯ 8. เห็นชอบกับรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550 ที่พิมพ์แล้วเสร็จ และข้อเสนอแนะ ที่เป็นรูปธรรมเพิ่มเติม และให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบตามลำดับต่อไป 9. เห็นชอบการเลื่อนระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรฐานก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์ บอนจากรถจักรยานยนต์ใช้งานที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับที่ 6 ออกไปอีก 1 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้มาตรฐานรถจักรยานยนต์ใหม่ระดับที่ 6 ตามความ เห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1408 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (เพิ่มเติม) (จำนวน 2 ราย นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ) | ทส | 06/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ เป็นกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 พฤษภาคม 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1409 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าสะเมิง ในท้องที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ...(อุทยานแห่งชาติขุนขาน) | ทส | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ชะลอการดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าสะเมิง ในท้อง
ที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติขุนขาน) ไว้ก่อน โดยส่งร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ให้คณะอนุกรรมการ แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ และที่ป่าไม้อื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่ง ชาติให้เป็นไปอย่างรอบคอบ ก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1410 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในท้องที่ตำบลหนองเดิ่น ตำบลบุ่งคล้า และตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า ตำบลท่าดอกคำ อำเภอบึงโขงหลง ตำบลบ้านต้อง และตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... | ทส | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในท้องที่
ตำบลหนองเดิ่น ตำบลบุ่งคล้า และตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า ตำบลท่าดอกคำ อำเภอบึงโขงหลง ตำบลบ้าน ต้อง และตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภู วัว ในท้องที่ตำบลโคกก่อง อำเภอบึงกาฬ และตำบลโพหมากแข้ง อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2518 โดยเปลี่ยนแปลงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดังกล่าวให้ถูกต้องตรงตามเขตการปกครองท้องที่ เป็นตำบลหนองเดิ่น ตำบลบุ่งคล้า และตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า ตำบลท่าดอกคำ อำเภอบึงโขงหลง ตำบล บ้านต้อง และตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย รวมทั้งเพิ่กถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวบางส่วนซึ่ง เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำบูชา และวัดถ้ำพระ ในท้องที่ตำบลบ้านต้อง และตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1411 | ขออนุมัติบริจาคเงินเข้ากองทุนอาเซียนเพื่อการควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน | ทส | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการบริจาคเงินเข้ากอง
ทุนอาเซียนเพื่อการควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Transboundary Haze Pollution Control Fund) จำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควัน โดยให้ปรับแผนการใช้จ่ายเงินหรือเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1412 | การจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดตั้งห้องปฏิบัติการไดออกซิน (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | ทส | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งห้องปฏิบัติการไดออกซิน ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงาน และอัตรากำลังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงานดังกล่าว ให้ดำเนินการตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคน ภาครัฐ ที่เห็นควรให้มีการเกลี่ยอัตรากำลังจากหน่วยงานที่มีอยู่เดิมตามความจำเป็น หากไม่สามารถดำเนินการ ได้ เห็นควรให้มีการนำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เพื่อขอรับการจัดสรร ตำแหน่งและอัตรากำลังคนภาครัฐ หรืออาจใช้วิธีจ้างพนักงานราชการ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า ระยะเริ่มแรกควรจัดตั้งห้องปฏิบัติการไดออกซินในศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็น ส่วนราชการที่มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่และบุคลากรในการสนับสนุนการดำเนินงานสำหรับในอนาคตอาจจะ ปรับเปลี่ยนเป็นหน่วยงานของรัฐรูปแบบอื่นหรือสนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชนในการจัดตั้งห้องปฏิบัติการ ฯ ให้ เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการวิเคราะห์และกระจายการบริการในการวิเคราะห์ได้ทั่ว ประเทศ รวมทั้งไม่เป็นภาระกับค่าใช้จ่ายภาครัฐ นอกจากนี้ ควรจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating and Maintainance) ของห้องปฏิบัติการ ฯ ในแต่ละปีให้ชัดเจน และประมาณการรายได้จากการให้ บริการตรวจวิเคราะห์แก่ผู้ใช้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกำหนดอัตราค่าบริการให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถ แข่งขันกับห้องปฏิบัติการในต่างประเทศได้ และควรพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาห้องปฏิบัติการ ฯ ให้เป็นศูนย์กลางในการให้บริการตรวจวิเคราะห์สารไดออกซินในภูมิภาคในอนาคตเพื่อรองรับการเป็นประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากการให้บริการจากต่างประเทศด้วยอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1413 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางก่องกานดา ชยามฤต) | ทส | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนางก่องกานดา ชยามฤต เป็นผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษ
ศาสตร์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็น ต้นไป ส่วนการกำหนดอัตราค่าตอบแทนให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1414 | มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และการป้องกันไฟป่า | ทส | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และการป้องกันไฟป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการดำเนินงานในการป้องกันและปราบปรามการ บุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และป้องกันไฟป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดาวเทียม และเทคโนโลยีสาร สนเทศภูมิศาสตร์มาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดจนการเฝ้าระวังติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และการป้องกันไฟป่า สำหรับการจัดซื้อยานพาหนะ โดยเฉพาะอากาศยานลักษณะต่าง ๆ หากมีความจำเป็นควร ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการ บูรณาการจัดหาร่วมกับหน่วยงานที่มีอากาศยานอยู่แล้วจำนวนมาก และมีการใช้เครื่องปฏิบัติภารกิจอยู่เป็นประจำ เป็นต้น และความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ของพื้นที่ที่จะดำเนินมาตรการให้ชัดเจนและเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนการจัด หาเครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีในการเพิ่มการปฏิบัติงานนั้น หากเป็นการจัดหาจากต่างประเทศ ควรพิจารณา นำวิธีการการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) มาดำเนินการ เพื่อเป็นการช่วยระบายสินค้าเกษตรของไทยใน สต็อกของรัฐบาลไปต่างประเทศ นอกจากนี้ ในการตรวจลาดตระเวนพื้นที่และการติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิประเทศ ควรพิจารณาทางเลือกในการนำอุปกรณ์อื่น ๆ นอกเหนือจากเครื่องบินมาใช้ตามความเหมาะสมด้วย เช่น เรือเหาะ พารามอเตอร์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ส่วนงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตามความจำเป็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1415 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2552 (งบกลาง) เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ปี 2552 | ทส | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการมาตรการและแนวทางการดำเนินงานแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ประจำปี พ.ศ. 2552 ได้แก่ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2552 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเตรียมรับสถานการณ์ภัย แล้ง ปี พ.ศ. 2552 และการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าแก่ผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่วิกฤติ 2. เห็นชอบในหลักการข้อเสนอแผนงาน/กิจกรรมตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงาน ฯ รวม 5 แผนงาน 21 กิจกรรม ประกอบด้วย แผนงานการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารจัดการน้ำ แผนงาน การจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านภัยแล้งทั่วประเทศ แผนงานการสำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อเป็นแหล่ง น้ำเสริมสำหรับการเกษตร แผนงานการฟื้นฟูสภาพป่าและปรับปรุงนิเวศต้นน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง และแผนงานบรรเทาภัยแล้งและแก้ไขปัญหาไฟป่า 3. สำหรับกิจกรรมตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ประจำปี พ.ศ. 2552 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว รวมทั้งการขอรับ การสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 งบกลาง จำนวน 1,846.7092 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1416 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ( นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย และนายกนก คติการ) | ทส | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้ประธานกรรม
การและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 13 มีนาคม 2551 และลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2551 พ้นจากตำแหน่งทั้งหมด และแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย จำนวน 2 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 มีนาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย ประธานกรรมการ 2. นายกนก คติการ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1417 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเป็นองค์กร เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรดินและที่ดิน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน แล้วนำ เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควร ให้มีผู้แทนของหน่วยงานที่มีกฎหมายในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรดินและที่ดิน รวมเป็นองค์ประกอบของ คณะกรรมการด้วย ส่วนกรณีให้มีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติควรระบุเป็นเพียงหน่วยงานภาย ในสังกัดสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของกองบริหารจัดการที่ดิน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหน่วยงานทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ แทนการจัดตั้งหน่วย งานใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1418 | นโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งหน่วยงานระดับสำนักภายใต้สังกัดกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่ง
แวดล้อม และให้มีการจัดสรรอัตรากำลังเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน โดยการเกลี่ยอัตราว่างภายในกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) เป็นการเฉพาะราย และให้กรมส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดลัอมจัดทำแผนการดำเนินงานให้มีความครอบคลุมถึงเป้าหมาย ตัวชี้วัด และประมาณการค่าใช้จ่าย ที่ชัดเจน และบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับความจำเป็นและแผนการดำเนินงานในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1419 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วนและป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื๋อย
ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบล ร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบล แม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะ เกิน) และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1420 | คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (จำนวน 9 คณะ) | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดังนี้
1. แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 9 คณะ ดังนี้ 1.1 คณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 1.2 คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 1.3 คณะกรรมการบริหารโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 1.4 คณะกรรมการกองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 1.5 คณะกรรมการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน วโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 ประจำจังหวัดทุกจังหวัด 1.6 คณะกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ 1.7 คณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 1.8 คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย 1.9 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ 2. ยกเลิกคณะกรรมการ 1 คณะ คือ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่
|
.....