ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1401 | นายวัฒนา ธำรงสัตย์ ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้ายและป่าแม่กกฝั่งขวา เพื่อทำเหมืองแร่หินปูนและหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง ตามประทานบัตรที่ 16319/14023 ท้องที่จังหวัดเชียงราย | ทส | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติผ่อนผันให้นายวัฒนา ธำรงสัตย์ เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย และป่าแม่กกฝั่งขวา เพื่อการทำเหมืองแร่หินปูนและหินอุตสาหกรรม เพื่อการก่อสร้าง ตามประทานบัตรที่ 16319 /14023 ท้องที่จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีแนวทางหรือมาตรการดำเนินการภายหลังสิ้นสุดอายุประทานบัตร เพื่อให้ ผู้ที่ได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติจะต้องดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ กำหนดอย่างถูกต้องครบถ้วน
|
|||||||||||||||||||||
1402 | ไทยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิก CSD สมัยประชุมที่ 19 - 21 | ทส | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ที่ประชุมคณะ
มนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council : ECOSOC) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 ได้จัดการ เลือกตั้งองค์กรย่อยจำนวน 19 องค์กรภายใต้ ECOSOC ซึ่งประเทศไทยได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการให้ดำรง ตำแหน่งสมาชิก CSD สมัยประชุมที่ 19-21 โดยมีกำหนดเริ่มดำรงตำแหน่งภายหลังการประชุม CSD สมัยที่ 18 ในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) และครบวาระการดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013)
|
|||||||||||||||||||||
1403 | โครงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 09/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติดำเนินงานแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องให้ความช่วยเหลืออีก 12 แห่ง ตามแนวทางปฏิบัติงานโครงการสำรวจและพัฒนาแหล่ง น้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และมอบหมาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้ดำเนินการ 2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 16,620,000 บาท ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาความ ขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องให้ความช่วยเหลืออีก 12 แห่ง |
|||||||||||||||||||||
1404 | รายงานผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี | ทส | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง รายงาน
ผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งสรุปผลการดำเนินการเรื่องนี้ รวมทั้งความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นปัจจุบัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1405 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ 1.1 เพิ่มกรรมการโดยตำแหน่งอีก 3 ตำแหน่ง คือ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สาร ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ 1.2 กำหนดตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา เพิ่มเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ ตามจำนวนที่ ประธานกรรมการเห็นสมควร 2. กำหนดให้นำวาระการดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามระเบียบ ฯ ข้อ 5 และข้อ 6 มาใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่งของกรรมการที่ปรึกษาในคณะกรรมการ ฯ โดยอนุโลม
|
|||||||||||||||||||||
1406 | รายงานการเจรจาเรื่อง แพนด้ากับกระทรวงป่าไม้แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และการพัฒนาสวนสัตว์ | ทส | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการเจรจาความร่วมมือไทย-จีน ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงป่าไม้และสัตว์ป่าของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2552 โดยมีประเด็นการเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาแพนด้า ไทย-จีน อย่างถาวร เพื่อก่อให้เกิดการวิจัยของแพนด้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมทั้งกรอบความร่วมมือด้าน ทรัพยากรธรรมชาติ และ State Forestry Administraqtion ซึ่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาจัดทำ กรอบความร่วมมือที่จะดำเนินงานวิจัย การแลกเปลี่ยนนักวิชาการ และการจัดฝึกอบรมสัมมนาร่วมกัน 2. รับทราบแผนการพัฒนาสวนสัตว์และการขยายสวนสัตว์ ที่องค์การสวนสัตว์ดำเนินการเพื่อรองรับงาน การศึกษา งานวิจัย โดยองค์การสวนสัตว์ได้พัฒนาสวนสัตว์ที่มีอยู่แล้ว 5 แห่ง คือ สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขา เขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา และสวนสัตว์สงขลา และได้ขยายสวนสัตว์แห่งใหม่อีก 6 แห่ง คือ สวน สัตว์อุบลราชธานี สวนสัตว์ราชบุรี สวนสัตว์นครสวรรค์ สวนสัตว์สุโขทัย สวนสัตว์สุรินทร์ อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอน บน ขอนแก่น-อุดรธานี โดยการพัฒนาและขยายสวนสัตว์ ขอให้พิจารณามอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ พิจารณาให้การสนับสนุนแผนการลงทุนการดำเนิน งานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินงานบรรลุเป้าหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1407 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายวิชาญ ทวิชัย) | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิชาญ ทวิชัย ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1408 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของ World Water Forum ครั้งที่ 5 | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแบบองค์รวม มีการบูรณา การหน่วยงานและกิจกรรมในระบบลุ่มน้ำ รวมทั้งกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมให้เกี่ยวโยงกันอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีการ เฝ้าระวังเตือนภัยจากน้ำ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล 1.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน และระบบ สุขาภิบาลทุกหมู่บ้านให้บรรลุ Millennium Development Goals ของสหประชาชาติ เพื่อสนองตอบความต้องการ น้ำอุปโภค-บริโภค และระบบสุขาภิบาล 1.3 ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการภายใต้แผนการลงทุนพัฒนาและบริหาร จัดการน้ำและการชลประทาน ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อดำเนินการเป็นรูป ธรรมในการปฏิบัติต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยา กรน้ำทั้งระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ ควรคำนึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและภาคประชาชนเพื่อให้การจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน ด้านการป้องกันและลดผลกระทบตามมาตรการด้านโครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง เนื่องจากการลงทุนเพื่อป้องกันมี ความคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนเพื่อบรรเทาปัญหาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากร น้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่จะมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อมิติเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางในการจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย 3. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติรวบรวมข้อมูลรายละเอียด ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการบริหาร จัดการน้ำในภาพรวม รวมทั้งในส่วนที่ได้มีการโอนกิจการบางอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดำเนินการ ด้วย เช่น กิจการประปาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมท่อประปาที่ชำรุด พร้อมทั้งจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาแล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1409 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 1.1 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอัน ตราย ประกอบด้วย 1.1.1 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย 1.1.2 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนส่ง 1.1.3 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผู้ประกอบการบำบัดกำจัดหรือรีไซเคิล 1.1.4 มาตรการสนับสนุน 1.2 ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวพร้อมทั้งให้คณะ อนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมประสานและติดตามการดำเนินการตามมาตรการ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบ ด้วยกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำมาตรการด้านภาษีเข้ามาสนับสนุนเพื่อ สร้างแรงจูงใจและตอบแทนให้ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยอาจมีการลดหย่อนภาษีให้ตามปริมาณของเสียบำบัด ในแต่ละปี และเห็นควรมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายอย่างเพียงพอ มีความ รู้ ความชำนาญเป็นอย่างดี และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งมีการบูรณาการแนวปฏิบัติและผลที่จะได้รับจากมาตรการ ฯ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนิน การ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1410 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ป่าเขาพระฤาษี ป่าเขาบ่อแร่ และป่าห้วยเขยง บางส่วน ในท้องที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ป่าเขาพระฤาษี
ป่าเขาบ่อแร่ และป่าห้วยเขยง บางส่วน ในท้องที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มี สาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ป่าเขาพระฤาษี ป่าเขาบ่อแร่ และป่าห้วยเขยง บางส่วน ในท้องที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ 32 ตารางวา ออกจากการเป็น อุทยานแห่งชาติ ตามที่กำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาช้างเผือก ป่าเขาพระฤาษี ป่าเขา บ่อแร่ และป่าห้วยเขยง ในท้องที่ตำบลไล่โว่ ตำบลหนองลู ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี และตำบลชะแล ตำบล ปิล๊อก ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2534 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1411 | ผลการประชุม G77 Ministerial Forum on Water ครั้งที่ 1 | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการประชุม G77 Ministerial Forum
on Water ครั้งที่ 1 ณ รัฐสุลต่านโอมาน ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2552 โดยมีผู้แทนจากกระทรวงการต่าง ประเทศ ณ เอกอัครราชทูตไทย ประจำรัฐสุลต่านโอมาน เข้าร่วมการประชุมแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยผลการประชุม ฯ ได้มีการหารือถึงปัญหาและยุทธศาสตร์การจัดการน้ำในกลุ่มประเทศ กำลังพัฒนา โดยจัดทำ Muscat Declaration on Water ซึ่งมีข้อสรุปและข้อเสนอแนะ 21 ข้อ และนำข้อเสนอดังกล่าว หารือในการประชุม 5th World Water Forum ระหว่างวันที่ 16-22 มีนาคม 2552 ณ นครอิสตันบูล และมีมติเกี่ยว กับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัด การแหล่งน้ำที่มีพื้นที่ทับซ้อนหลายประเทศ เสริมสร้างศักยภาพและอำนาจต่อรองของประเทศสมาชิกเพื่อให้บริการ ด้านคำปรึกษาทางเทคนิต ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความสามารถ รวมทั้งแนววิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด และบท เรียนที่ประเทศต่าง ๆ ได้รับจากการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำ สุขอนามัย และการบริหารจัดการสิ่งแวด ล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุม ฯ เน้นเรื่องการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับน้ำและสุขอนามัย ภายใต้กรอบสหประชาชาติ
|
|||||||||||||||||||||
1412 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 17 และการประชุมหารือร่วมกับธนาคารโลก | ทส | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิ
การว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 17 [Intergovernmental Preparatory Meeting for the 17th Session of the United Nations Commission on Sustainable Development (CSD 17)] ระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2552 และการประชุมหารือร่วมกับธนาคารโลก ระหว่างวันที่ 12-17 พฤษภาคม 2552 ของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการประชุม CSD 17 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเอกสารทางเลือกนโยบายและมาตรการทางปฏิบัติ เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติในเรื่องเกษตรกรรม การพัฒนาชนบท ที่ดิน ความแห้งแล้ง การแปรสภาพเป็นทะเลทราย และ แอฟริกา (Policy options and practical measures to expedite implementation in agriculture, rural development, land, drought, desertification and Africa) 2. ผลการหารือร่วมกับธนาคารโลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำ เสนอผลการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศเรื่อง The International Workshop on "A Forgotte Crisis : Arrest ing Wildlife Depletion in Asia through Strengthened Regional Cooperation and Effective Partnerships" ระหว่าง วันที่ 10-12 เมษายน 2552 โดยแจ้งต่อที่ประชุมเชิงปฏิบัติการ ฯ ให้ทราบว่าไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระดับรัฐมนตรีในกลุ่มประเทศที่ร่วมต่อต้านการคุกคามเสือ (Tiger range states) เพื่อสืบต่อผลการประชุมเชิงปฏิบัติ การ ฯ และประกาศให้ปี พ.ศ. 2553 เป็นปีแห่งการรณรงค์เรื่องเสือ หรือ "Year of the Tiger" รวมทั้งได้กล่าวถึงวัตถุ ประสงค์ของกองหมู่บ้านและการจัดการน้ำแบบบูรณาการในประเทศไทย ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประสานงาน กันอย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องกองทุนหมู่บ้านและการจัดการน้ำแบบบูรณาการ
|
|||||||||||||||||||||
1413 | การบริจาคเงินสมทบ IOSEA Marine Turtle MoU | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อการอนุรักษ์และจัดการเต่าทะเลและ
แหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเงินขั้นต่ำปีละ 3,687 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้จัดตั้งงบประมาณรายการดังกล่าวไว้ในงบประมาณราย จ่ายประจำปีและเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีที่จ่ายจริงต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
1414 | การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซาร์ไซต์ | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับ นานาชาติ และเสนอเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศบรรจุไว้ในทำเนียบพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ ระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำต่อไปตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณากำหนดและพัฒนาแนวกันชน โดยรอบพื้นที่ลุ่มน้ำกุดทิง เพื่อป้องกันการลุกล้ำของเมืองและมลพิษทางน้ำ และกำหนดแนวทางการบริหารน้ำเข้า พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิงออกเป็นรายฤดูกาลหรือรายเดือน เพื่อรักษาระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ และใช้เป็นแก้มลิงเก็บน้ำ ในฤดูน้ำหลาก และเป็นแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้ง รวมทั้งบริหารการเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขงด้วย นอกจากนี้ ประชา สัมพันธ์ ให้ประชาชนโดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิงเข้าใจในเรื่องกฎเกณฑ์ของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมถึงเน้นบทบาทให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม ในการดำเนินการทุกขั้นตอน ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1415 | รายงานผลการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 25 | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
คณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 25 (the 25th Session of the Governing Council/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme : UNEP GC/GMEF) ระหว่างวันที่ 14-22 กุมภาพันธ์ 2552 ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยผลการประชุม ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Consultation) ที่ประชุมได้มีการหารือใน 2 หัวข้อ คือ Global Crisis, National Chaos? Toward a green economy โดยให้ความสำคัญต่อเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) กำหนดหัวข้อที่ให้โลกตระหนักถึงคือ "Green is the new big deal" โดยเน้นถึงความสมดุลระหว่างการ ปกป้องสิ่งแวดล้อม การลดปัญหาความยากจน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยสรุปเศรษฐกิจสีเขียวจะเป็นทาง ออกของวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน น้ำ และอาหาร และ IEG Reform Help or Hindrance โดยเน้นถึงความสำคัญของการนำแนวทางในระดับการเมืองมาหารือและกำหนดเป้าหมายให้ แล้วเสร็จภายในสามปีข้างหน้า และเน้นดำเนินการตามแผนกลยุทธ์บาหลี (Bali Strategic Plan) และการเสริม สร้างความเข้มแข็งของ UNEP รวมถึงบทบาทของสำนักงานภูมิภาคต่าง ๆ 2. การประชุมคณะกรรมการรวม (Committee of the Whole) ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการจัดการ สารเคมี รวมถึงปรอท การจัดการขยะ ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา กฎหมายสิ่งแวดล้อม Intergovern mental Science-policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services (IPBES) การดำเนินงานตามหลัก ธรรมาภิบาลด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์และนโยบายด้านทรัพยากรน้ำ งบประมาณและแผนการ ดำเนินงานของ UNEP ในปี พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 และรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1416 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายสำราญ รักชาติ) | ทส | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสำราญ รักชาติ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนัก
งานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1417 | ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ | ทส | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อ สร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมือง เก่า เสนอ โดยมติที่ปรับปรุงใหม่จะปรับเปลี่ยน ดังนี้ 1.1 ชื่อคณะกรรมการ จากเดิม คณะกรรมการโครงการกรุงรัตนโกสินทร์ เป็น คณะกรรมการอนุรักษ์ และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า 1.2 หน่วยงาน จากเดิม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็น กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ควรปรับปรุง ข้อความจาก "ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" เป็น "ส่ง เรื่องและแบบแปลนที่จะทำการก่อสร้างให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" และให้ กำหนดกรอบระยะเวลาให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา ฯ พิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายในระยะเวลาสองเดือนเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถวางแผนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้ หน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาประเมินผลมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์นับตั้ง แต่ ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบันว่ามีผลดี หรือผลกระทบอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง รวมทั้งกลไกการขับเคลื่อนมาตรการ ดังกล่าวโดยพิจารณาความเหมาะสมในการปรับปรุงและเสริมบทบาทของกรุงเทพมหานครซึ่งปัจจุบันมีความพร้อม ในการควบคุมการก่อสร้างอาคารในเชิงอนุรักษ์และพัฒนาอยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1418 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์และการจัดการพะยูน และแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูนโดยครอบคลุมพื้นที่อาศัยของพะยูนทั้งหมด | ทส | 19/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามใน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์และการจัดการพะยูนและแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน โดยให้ครอบคลุมพื้นที่ อาศัยของพะยูนทั้งหมด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรมีการ พิจารณาในข้อกฎหมายให้มีความชัดเจนว่าบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยหรือไม่ ไป พิจารณาดำเนินการก่อนที่จะลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||
1419 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 | ทส | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้วใน การประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ดังนี้ 1. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายพหลโยธิน (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา) ของกรุงเทพมหานคร กับเห็นชอบมาตรการป้อง กัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคม ในการ ประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 โดยให้เพิ่มการจัดหาที่จอดรถ (park & ride) ให้เหมาะสม รวมทั้งให้มีการสร้างโรงซ่อมบำรุงเพิ่มอีก 1 จุด และควรมีมาตรการระยะสั้นในการผ่อนคลายปัญหาการจราจร ด้านล่าง 2. เห็นชอบการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานา ชาติ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือแรมซาร์ไซต์ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบในหลักการให้มีการศึกษาผลกระทบภายหลังการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาด ใหญ่ โดยในระยะแรกให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทยจัดทำโครงการบูรณาการ เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการดำเนินโครงการ ฯ เป็นโครงการนำร่องเพื่อหารูปแบบการดำเนินการในระยะต่อไป 4. เห็นชอบการกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ระดับที่ 1 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม 5. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซไนโตรเจน ไดออกไซต์ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยกำหนดค่าเฉลี่ยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ในเวลา 1 ปี ต้องไม่เกิน 30 ppb (0.030 ppm หรือ 0.057 mg/m3) ตามความเห็นของกรมควบคุมมลพิษ 6. เห็นชอบการใช้ประมวลหลักการปฏิบัติงาน (COP) เพื่อลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวด ล้อมสำหรับระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อบนบก แทนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และเห็นชอบการแก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้กฎหมายเพื่อ ให้สามารถนำ COP ไปใช้ได้ภายในต้นปี พ.ศ. 2552 7. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย ชลบุรี-พัทยา ของกรมทางหลวง โดยให้ปรับรูปแบบการเขียนรายงาน ฯ ให้ชัดเจนว่าเป็นการยกระดับถนนเดิม ให้เป็นทางหลวงพิเศษมิใช่การก่อสร้างทางหลวงพิเศษขึ้นมาใหม่ รวมทั้งปรับแก้ไขระยะเวลาดำเนินโครงการ และ เพิ่มเติมข้อมูลสภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบันของโครงการ ฯ 8. เห็นชอบกับรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550 ที่พิมพ์แล้วเสร็จ และข้อเสนอแนะ ที่เป็นรูปธรรมเพิ่มเติม และให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบตามลำดับต่อไป 9. เห็นชอบการเลื่อนระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรฐานก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์ บอนจากรถจักรยานยนต์ใช้งานที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับที่ 6 ออกไปอีก 1 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้มาตรฐานรถจักรยานยนต์ใหม่ระดับที่ 6 ตามความ เห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
|
|||||||||||||||||||||
1420 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (เพิ่มเติม) (จำนวน 2 ราย นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ) | ทส | 06/05/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ และนายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ เป็นกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 พฤษภาคม 2552) เป็นต้นไป
|
.....