ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 174 จากทั้งหมด 484 หน้า แสดงรายการที่ 3461 - 3480 จากข้อมูลทั้งหมด 9662 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3461 | สรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2551 - 30 กันยายน 2552) | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551 (1 ตุลาคม 2551-30 กันยายน 2552) สรุปได้ดังนี้ 1. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เบิกจ่ายได้ จำนวน 1,696,085.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 92.42 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1,951,700.00 ล้านบาท) ต่ำกว่า เป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ 94.00) อยู่ร้อยละ 1.58 แต่สูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ร้อยละ 0.10 โดยประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน 1,424,050.98 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.47 และรายจ่ายลงทุน จำนวน 272,034.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 75.78 สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ 74.00) อยู่ร้อยละ 1.78 แต่ต่ำกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ร้อยละ 2.86 2. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เบิกจ่ายได้จำนวน 94,776.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.30 ประกอบ ด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน 83,842.66 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน 10,934.00 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 3462 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. จำนวนโครงการ 1.1 โครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 21,880 โครงการ 1.2 หน่วยงานป้อนรายละเอียด/สำนักงบประมาณพิจารณา จำนวน 14,001 โครงการ 1.3 จัดสรรเงินแล้ว จำนวน 6,419 โครงการ 1.4 ลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน 1,306 โครงการ 1.5 เสร็จสมบูรณ์ จำนวน 154 โครงการ 2. วงเงิน 2.1 วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 199,960.60 ล้านบาท 2.2 วงเงินรอจัดสรร 129,154.29 ล้านบาท 2.3 วงเงินจัดสรรแล้วที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา 42,196.22 ล้านบาท 2.4 ลงนามในสัญญาแล้วอยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยมีวงเงินตามสัญญา 12,830.62 ล้านบาท เบิก จ่ายแล้วบางส่วน 2,536.74 ล้านบาท 2.5 ดำเนินงานตามสัญญาและเบิกจ่ายเสร็จสมบูรณ์แล้ว 15,458.69 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 3463 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้
สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินการตามแผน การบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 กระทรวงการคลังสามารถ ดำเนินการตามแผน ฯ ประกอบด้วย การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล การบริหารและจัดการเงิน กู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF การบริหารและจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การก่อหนี้จากต่างประเทศ และการบริหารหนี้ต่างประเทศ ได้ทั้งสิ้น 1,125,798.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81.84 ของแผน ฯ และเมื่อรวมกับการกู้เงินและบริหารหนี้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินการกู้เงินและ บริหารหนี้ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะจำนวน 129,412.90 ล้านบาท แล้ว กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจ ได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 1,255,211.27 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินใหม่ จำนวน 859,425.68 ล้านบาท และ การบริหารหนี้จำนวน 395,785.59 ล้านบาท ในส่วนของผลสำเร็จของโครงการเงินกู้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ประเมินผลโครงการเงินกู้จากต่างประเทศที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ของกรมทางหลวง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ราชบุรี ชุดที่ 1-3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3464 | รายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 24/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู
และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป โดยสาระสำคัญของรายงานมีดังนี้ 1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินตามพระราชกำหนด ฯ เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 80,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.1 กู้เงินเพื่อสมทบเป็นเงินคงคลัง จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 ร้อยละ 3 ต่อปี ปีที่ 3 ร้อยละ 4 ต่อปี และปีที่ 4-5 ร้อยละ 5 ต่อปี 1.2 กู้เงินเพื่อแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 30,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงิน 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพ ฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อายุ 2 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราต่ำ สุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา (FDR) เฉลี่ย 4 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุง เทพ ฯ กรุงไทย ฯ กสิกรไทย ฯ และไทยพาณิชย์ ฯ บวกส่วนเพิ่ม (Spread) ร้อยละ 0.75 0.78 0.79 และ 0.83 ตามลำดับ 2. ผลที่ได้รับจากการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนด ฯ ทำให้รัฐบาลมีระดับเงินคงคลังที่เพียงพอต่อการรองรับ ธุรกรรมการใช้จ่ายของรัฐบาล รวมทั้งสามารถจัดสรรเป็นเงินเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและ นำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสิน เชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนโครงการสินเชื่อ Fast Track ในการเร่งอนุมัติสินเชื่อให้บรรลุเป้า หมายทดแทนการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง รวมทั้งช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประชาชนรากหญ้าและผู้ ประกอบการ SMEs ในภาคการเกษตร การท่องเที่ยว การส่งออก และอสังหาริมทรัพย์
|
|||||||||||||||||||||
| 3465 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (THE GMS Agreement) และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982) รวม 2 ฉบับ | กค | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วย การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement) 1.2 ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญา สหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982) 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาประกอบความเห็นของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องแล้วมีข้อสังเกต ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติ ฯ ตามข้อ 1.1 เป็นการแก้ไขกฎหมายศุลกากรเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตาม ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement) ที่ประเทศไทยได้ร่วมลงนามเมื่อปี พ.ศ. 2542 ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันใช้บังคับ โดย ที่ความตกลง ฯ ยังมิได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา จึงมีปัญหาที่ควรพิจารณาว่าจะสมควรดำเนินการตามขั้น ตอนอย่างไร หรือไม่ เพื่อให้ความตกลง ฯ และร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่อนุวัติการให้เป็นไปตามความตกลง ฯ มีผลสมบูรณ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2.2 ร่างพระราชบัญญัติ ฯ ตามข้อ 1.2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 อนุมัติ ให้ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าวภายหลังจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันใช้บังคับแล้วจึงอยู่ในเงื่อนไขที่จะ ต้องนำอนุสัญญาดังกล่าวขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ จึงมีปัญหา เช่นเดียวกันว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และอนุสัญญาต่อไปอย่างไร จึงจะเป็นไปตามบท บัญญัติของรัฐธรรมนูญ |
|||||||||||||||||||||
| 3466 | การขยายระยะเวลามาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ | กค | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศ รวม 3 ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนิน การต่อไปได้ ดังนี้ 1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษี ธุรกิจเฉพาะ สำหรับสถานประกอบกิจการ หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนี้ 1.1.1 ผู้มีเงินได้พึงประเมินจากการรับเหมา เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การ อุตสาหกรรม และการขนส่ง จะเลือกเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 0.1 ของเงินได้พึงประเมิน โดยไม่ต้องนำไป คำนวณเพื่อเสียภาษีก็ได้ 1.1.2 ลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 3.0 ของกำไรสุทธิ 1.1.3 ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อถึงกำหนดยื่นรายการให้ได้รับยกเว้นไม่ต้อง นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ 1.1.4 ให้ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 สำหรับรายรับจากการขาย อสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร 2. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขต พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียน การโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในอัตราร้อยละ 0.01 สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์โดย การขาย แลกเปลี่ยน ให้ และการโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาท หรือการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขต พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 3. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนา พิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดในอัตราร้อยละ 0.01 สำหรับการโอนห้องชุดโดยการขาย แลกเปลี่ยน ให้ และ การโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาท หรือการจำนองห้องชุดที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
|
|||||||||||||||||||||
| 3467 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด | กค | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
โดยมีพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 3 รุ่น วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระหนี้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2552 ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ครั้งที่ 5 จำนวน 20,000 ล้านบาท พันธบัตรรัฐบาล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ครั้งที่ 6 จำนวน 5,000 ล้านบาท (Re-open พันธบัตรรัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ครั้งที่ 5) และพันธบัตรรัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ครั้งที่ 1 จำนวน 15,000 ล้านบาท (Re-open พันธบัตร รัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ครั้งที่ 5) โดยได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 5 แห่ง วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท ระยะเวลาชำระคืนต้นเงินกู้ไม่เกิน 3 เดือน เพื่อนำไปชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด และ ได้ดำเนินการออกประกาศจำหนายพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 3 รุ่น วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท เพื่อ ทยอยนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าว ไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 5 (LB116A) จำนวน 23,000 ล้านบาท พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 6 (LB283A) จำนวน 7,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 7 (LB196A) จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งจำหน่ายพันธ บัตรรัฐบาลได้จำนวนรวม 37,740 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 3468 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 | กค | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. จำนวนโครงการ 1.1 โครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 21,880 โครงการ 1.2 หน่วยงานป้อนรายละเอียด/สำนักงบประมาณพิจารณา จำนวน 14,541 โครงการ 1.3 จัดสรรเงินแล้ว จำนวน 6,095 โครงการ 1.4 ลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน 1,141 โครงการ 1.5 เสร็จสมบูรณ์ จำนวน 103 โครงการ 2. วงเงิน 2.1 วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 199,960.60 ล้านบาท 2.2 วงเงินรอจัดสรร 135,910.07 ล้านบาท 2.3 วงเงินจัดสรรแล้วที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา 36,870.58 ล้านบาท 2.4 ลงนามในสัญญาแล้วอยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยมีวงเงินตามสัญญา 11,790.32 ล้านบาท เบิก จ่ายแล้ว 2,249.29 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 3469 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันโครงการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray | กค | 17/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศุลกากรก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ การจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจ
สอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray ในวงเงินทั้งสิ้น 832,460,900 บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 -พ.ศ. 2557 รวมระยะเวลา 5 ปี โดยมีวงเงินที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 166,759,700 บาท สำหรับส่วนที่เหลืออีก จำนวน 665,701,200 บาท ให้ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2557 ทั้งนี้ ให้กรม ศุลกากรใช้เงินรายได้สมทบเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยมีสัดส่วนเงินงบประมาณต่อเงินนอกงบประมาณ 60 : 40 คิดเป็นเงินงบประมาณ จำนวน 499,476,500 บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน 332,984,400 บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้ในแผนงานการเงินการคลัง ผลผลิตการ จัดเก็บภาษีศุลกากร งบดำเนินงานเพื่อรายการดังกล่าว จำนวน 108,186,000 บาท และใช้เงินรายได้สมทบ จำนวน 58,573,700 บาท สำหรับในปีต่อ ๆ ไปให้กรมศุลกากรขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามสัดส่วนดัง กล่าวข้างต้น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 3470 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. จำนวนโครงการที่เสร็จสมบูรณ์ 103 โครงการ วงเงิน 15,102,932,583 บาท 2. จำนวนโครงการที่การลงนามในสัญญาแล้ว 1,005 โครงการ วงเงิน 11,272,969,379 บาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง/ไม่ทราบสถานะ จำนวน 20,772 โครงการ วงเงิน 173,314,291,190 บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 3471 | กรอบการเจรจาข้อตกลงจัดตั้ง Credit Guarantee and Investment Mechanism (CGIM) และกรอบวงเงินทุนจัดตั้งในส่วนที่ประเทศไทยจะต้องชำระ | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการเจรจาข้อตกลงจัดตั้ง Credit Guarantee and Investment Mechanism
(CGIM) ประกอบด้วยวัตถุประสงค์การจัดตั้ง CGIM ขอบเขตการดำเนินงานของ CGIM รวมทั้งโครงสร้างการดำเนิน งานของ CGIM และกรอบวงเงินทุนจัดตั้งในส่วนที่ประเทศไทยจะต้องชำระคือ ไม่เกิน 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3472 | การดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการผลิต 2552/53 | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉาง เกษตรกรเพื่อรอการจำหนาย ปีการผลิต 2552/53 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ในกรณีที่กระทรวงการคลังจัดหาเงินทุนไม่ทันกับระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการ ฯ ให้ใช้เงินทุน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปพลางก่อน โดยชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรให้ แก่ ธ.ก.ส. ในอัตรา MRR-2 (เท่ากับร้อยละ 4.75) เช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ค้าข้าว กรณีเกษตรกรมาไถ่ถอนและชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 2 ธ.ก.ส. ต้องนำดอกเบี้ยดังกล่าว มาหักจากอัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องชดเชยด้วย ซึ่งรัฐจะชดเชยเท่ากับ MRR-2 (เท่ากับร้อยละ 2.75) โดยให้ ธ.ก.ส. ขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรต่อไป ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ 3. เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรตาม นโยบายรัฐบาลที่สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการแล้ว เพื่อสรุปภาวะหนี้สินทั้งหมด และจัดหาเงินทุนมาชำระหนี้ คืนให้แก่ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกตันละ 1,000 บาท และกรณีที่ มีผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการ ฯ ที่รัฐรับภาระ ให้ ธ.ก.ส. รวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงเสนอสำนักงบ ประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 4. ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการไถ่ถอนข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร จากโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือก ปีการผลิต 2551/52 เพื่อให้เกษตรกรมีสถานที่รองรับในการเก็บผลผลิตข้าวเปลือก ปีการผลิต 2552/53 และเร่งชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการและสิทธิประโยชน์ในโครงการรับฝากข้าวเปลือก ฯ รวมทั้ง ราคารับฝากข้าวเปลือกในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 เพื่อให้เกษตรกรมีข้อมูลประกอบในการตัดสินใจใน การใช้สิทธิตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3473 | การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ในปีบัญชี 2551 | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับยกเว้นการถือปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2540 (เรื่อง การดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงาน) และ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 (เรื่อง เงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานธนาคารอาคารสง เคราะห์ในปีบัญชี 2545) สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงาน (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ธ.ก.ส. สำหรับการดำเนินงานในปีบัญชี 2551 เป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงาน (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ธ.ก.ส. ใน อัตรา 0.6325 เท่าของเงินเดือนตามแนวทางที่ 3 คือ ให้จ่ายค่าตอบแทนพิเศษจำนวน 6 เท่าของเงินเดือนซึ่งเมื่อ หักเงินค่าตอบแทนพิเศษที่พนักงาน ธ.ก.ส. ได้รับตามระบบประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 5.3675 เท่าของ เงินเดือนแล้ว ธ.ก.ส. จึงสามารถจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษได้อีก 0.6325 เท่าของเงินเดือน ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||
| 3474 | ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการกำหนดค่าใช้จ่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ
เกษตร (ธ.ก.ส.) ในการบริหารจัดการโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปีการผลิต 2552/53 ในวงเงิน 1,706 ล้าน บาท โดยให้ ธ.ก.ส. เบิกค่าใช้จ่ายได้ตามจำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ฯ เท่านั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนงานการปฏิบัติการให้ชัดเจน และเร่งรัดการทำสัญญาให้ได้ตามกำหนดเวลา โดยเฉพาะใน เรื่องข้าว รวมทั้งการประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิและมาตรการเสริม เช่น การรับฝากข้าวในยุ้งฉางให้แก่เกษตรกรให้ชัด เจนก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3475 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวม 2 ฉบับ | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่ง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนำเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพลูกจ้างที่นายจ้างได้จัดสรร หรือสำรองไว้ หรือ ที่ลูกจ้างได้สะสมไว้แยกต่างหากจากเงินอื่น ๆ เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานซึ่งได้จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราช บัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ใช้บังคับเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติ ฯ ภาย ใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ ให้นำเงินเข้ากองทุนทั้งหมดในครั้งเดียวหรือภายในสิบครั้งตามเอก สารหลักฐานที่กำหนดในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. 2532) ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยง ชีพ พ.ศ. 2530 โดยแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีต้องนำเงินเข้ากองทุนอย่างน้อยเท่ากับจำนวนเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพลูก จ้างทั้งหมดหารด้วยจำนวนปี 2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดสรร หรือสำรองเงินไว้เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้าง ออกจากงาน แต่ยังมิได้นำเงินดังกล่าวมาจดทะเบียนเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือยังมิได้นำเงินเข้ากองทุนสำรอง เลี้ยงชีพที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาจดทะเบียนเป็นกองทุนสำรอง เลี้ยงชีพหรือนำเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จดทะเบียนไว้แล้ว ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ ตามประมวลรัษฎากรได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3476 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรม
แดน และด่านศุลกากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตศุลกากรบริเวณตามลำน้ำเมย ในท่าหรือที่แม่สอด จังหวัดตาก ทางอนุมัติและด่านพรมแดนบ้านเวินพระบาท จังหวัดนครพนม ทางอนุมัติและด่านพรมแดนตากใบ จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งกำหนดที่ ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรบ้านประกอบ เพิ่มขึ้น ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3477 | การแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในหนังสือ กค. ด่วนที่สุด ที่ กค 0421.3/12415 ลงวันที่
28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในส่วนของข้อ 4.2 และข้อ 5.1 |
|||||||||||||||||||||
| 3478 | งบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 10/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนองบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและ
ส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว ดังนี้ 1. งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 และ 2550 2. งบรายได้ค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 3. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่ เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 4. งบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 5. หมายเหตุประกอบงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และสำหรับงวดสี่เดือนสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550
|
|||||||||||||||||||||
| 3479 | แผนการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำของประเทศไทยสำหรับขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) ของธนาคารโลก | กค | 03/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของแผนการลงทุน (Investment Plan) เพื่อขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอน ต่ำของประเทศไทย เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจาก Clean Technology Fund (CTF) ของธนาคารโลก และ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป 2. และเมื่อแผนการลงทุน ฯ ได้รับการอนุมัติจากกองทุน CTF แล้ว ให้กระทรวงการคลังประสานกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำรายละเอียดโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ในแผนการลงทุน ฯ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3480 | กรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2553 | กค | 03/11/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน กรอบวงเงินกู้ กรอบต้นทุนและระยะเวลาในการกู้เงิน กรอบ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายเงินกู้ และกรอบในการกำกับติดตามและการตรวจสอบการ ใช้จ่ายเงิน โดยมีโครงการที่ต้องนำเสนอกรอบการเจรจากู้เงิน ฯ รวม 6 โครงการ และเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็น ชอบกรอบการเจรจากู้เงินดังกล่าว ดังนี้ 1.1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ 1.2 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน (น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน) 1.3 โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน 308 คัน 1.4 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน (น้ำหนักกดเพลา 15 ตัน) 1.5 โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 13 คัน (น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน) 1.6 โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยุคที่ 3 2. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอสัญญา เงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้รัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
