ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 172 จากทั้งหมด 484 หน้า แสดงรายการที่ 3421 - 3440 จากข้อมูลทั้งหมด 9662 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3421 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2553 | กค | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,888 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,276 โครงการ วงเงิน 46,496.30 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,612 โครงการ วงเงิน 152,618.32 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 9,800 โครงการ วงเงิน 64,511.50 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 2,427 โครงการ วงเงิน 16,905.11 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,373 โครงการ วงเงิน 47,606.39 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 6,812 โครงการ วงเงิน 88,106.82 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 6,812 โครงการ วงเงิน 87,973.93 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 637 โครงการ วงเงิน 59,283.91 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 6,011 โครงการ วงเงิน 12,876.77 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 164 โครงการ วงเงิน 15,813.25 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 6,175 โครงการ วงเงิน 26,690.02 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3422 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 2 | กค | 19/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 ที่มีวงเงิน ดำเนินการสุทธิเพิ่มขึ้น 15,991.11 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,688,716.51 ล้านบาท เป็น 1,704,707.62 ล้าน บาท 2. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 2 3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของ การกู้เงินและการค้ำประกันแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 2 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนิน การได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ 4. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3423 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการ
แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นิติบุคคลเฉพาะกิจมีอำนาจรับสิน ทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันเพื่อประโยชน์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ และเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งนิติบุคคล เฉพาะกิจในรูปแบบของทรัสต์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ ต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องและเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาธุรกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3424 | ขออนุมัติยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียน จำนวน 4 ทุน ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนฝึกอาชีพเด็กและเยาวชนใน สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก กองทุนเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายสุราเสรีของรัฐ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อซื้อขายอาวุธ ปืนผ่อนส่งให้แก่ข้าราชการตำรวจ และเงินทุนหมุนเวียนผลิตป้ายจราจร และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และส่วนราชการเจ้าของทุนหมุนเวียนดำเนินการขั้นตอนการยุบเลิกทุนหมุนเวียนตามนัยหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0414/ว 10 ลงวันที่ 19 มกราคม 2548 ต่อไป 2. ให้กรมการจัดหางานพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่ บ้าน พร้อมทั้งพิจารณานำเงินกองทุน ฯ ส่วนที่เกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ภายใน 90 วัน หลังจาก วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในเรื่องดังกล่าว 3. ให้กรมทางหลวงพิจารณาทบทวนสถานภาพของเงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกล และศึกษาความเป็น ไปได้ในการจัดตั้งหน่วยงานภายในกรมทางหลวงเป็นหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษ (SDU) พร้อมทั้งเร่งหาข้อสรุป จากผลการศึกษาดังกล่าวเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของเงินทุน ฯ เป็นหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (SDU) ให้ แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และให้รายงานความคืบหน้าให้กระทรวงการคลังทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3425 | รายงานผลการประเมินการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2551 | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประเมินการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2551 2. เห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดดำเนินการ ดังนี้ 2.1 กำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจมีการจัดทำงบการเงินตามมาตรฐานบัญชีที่ยอมรับให้เป็นปัจจุบัน 2.2 กำกับดูแลให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมี ประสบการณ์เหมาะสมเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด โดยเร็วอย่างช้าไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้บริหารเดิมพ้นจาก ตำแหน่ง 2.3 ทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจในสังกัด และนำเสนอต่อ คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ภายใน 3 เดือน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีผลการประเมินต่ำติดต่อ กันหลายปี ให้นำเสนอแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นต่อ กนร. เพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 2.4 ติดตามการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตามแนวทางการปรับปรุงองค์กรตามประเด็นปัญหาที่ได้ จากการประเมินผล ฯ เพื่อให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนำผลการประเมินดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาและยกระดับ การบริหารจัดการองค์กรให้เป็นมาตรฐานต่อไป 3. ให้กำหนดเป็นหลักการว่าไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้งคณะ ยกเว้นเป็นการ ดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อ เนื่อง เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3426 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ พ.ศ. 2550 พ.ศ. .... | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกระทรวง
การคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ พ.ศ. 2550 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยประเด็นสำคัญที่ต้องยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ ฯ มีดังนี้ 1. เนื่องจากเงินทดรองราชการตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เป็นเงินที่กระทรวง การคลังจ่าย และอนุญาตให้ส่วนราชการมีไว้ตามจำนวนที่เห็นสมควร เพื่อทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. 2547 ข้อ 14 ที่กำหนดให้ทดรองจ่ายได้เฉพาะเพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้เท่านั้น อาทิ รายจ่ายในงบบุคลากร งบดำเนินงาน ฯลฯ ดังนั้น ส่วน ราชการจึงไม่สามารถนำเงินทดรองราชการไปใช้จ่ายนอกเหนือจากที่กำหนดในระเบียบดังกล่าวได้ 2. ในการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังต้องดำเนินการตามกฎหมายการบริหารหนี้ สาธารณะเท่านั้น ซึ่งมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ ฯ ได้กำหนดให้กระทรวงการคลัง ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะโดยการกู้เงินรายใหม่เพื่อชำระหนี้เดิม แปลงหนี้ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระ ขยาย หรือย่นระยะเวลาชำระหนี้ ต่ออายุ ซื้อคืน หรือไถ่ถอนตราสารหนี้ของรัฐบาล หรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่นที่ เป็นประโยชน์ต่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และหากการปรับโครงสร้างหนี้ ดังกล่าวดำเนินการโดยการกู้เงิน การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์และหลัก เกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 24 ด้วย กล่าวคือ ต้องเป็นการประหยัด ลดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน หรือ กระจายภาระการชำระหนี้ และกู้เงินได้ไม่เกินหนี้ที่กระทรวงการคลังค้างชำระ หรือภาระหนี้ที่กระทรวงการคลัง ค้ำประกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3427 | รายงานการสอบบัญชีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการประจำปี 2551 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รายงานการสอบบัญชีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ประจำปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 งบรายได้ ค่าใช้จ่าย งบแสดงการเปลี่ยนแปลง สินทรัพย์สุทธิ และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของปี พ.ศ. 2551 และมีความเห็นว่า งบการเงินดัง กล่าวแสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ และกระแสเงินสดของ กบข. โดยถูก ต้องตามที่ควรในสาระสำคญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป 2. ข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 ซึ่ง ที่ประชุม ฯ ได้เสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 เพื่อให้สิทธิสมาชิกเพิ่ม ขึ้น ได้แก่ การแก้ไขสูตรบำนาญ ปรับปรุงเรื่องการลงทุน เช่น การนำเงินไปลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ การเสนอ ให้มีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างผู้แทนสมาชิก และ กบข. เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนความคิด เห็นและข้อสังสัยเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กบข. รวมทั้งเสนอให้ปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการบริการ และการ ประชาสัมพันธ์ และในการประชุมคณะกรรมการ กบข. ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 ที่ประชุม ฯ มีมติให้รับข้อคิดเห็นและข้อเสนอจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกเพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับการแก้ไขพระราช บัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญและเรื่องระดับนโยบาย นั้น กบข. จะประสานกับกระทรวงการคลังในการพิจารณา ดำเนินการต่อไป ในส่วนของการสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้แทนสมาชิก กบข. จะดำเนินการภายหลังจากเลขาธิการ คนใหม่เข้ารับตำแหน่ง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน กบข. จะพิจารณาปรับปรุงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3428 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 8 มกราคม 2553 | กค | 12/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 8 มกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,888 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,445 โครงการ วงเงิน 49,356.94 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,443 โครงการ วงเงิน 149,879.59 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 9,912 โครงการ วงเงิน 66,214.17 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 4,566 โครงการ วงเงิน 35,069.41 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,346 โครงการ วงเงิน 33,144.77 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 6,531 โครงการ วงเงิน 81,665.42 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 6,531 โครงการ วงเงิน 81,532.53 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 715 โครงการ วงเงิน 54,107.83 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 5,662 โครงการ วงเงิน 11,965.74 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 154 โครงการ วงเงิน 15,458.96 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 5,816 โครงการ วงเงิน 27,424.70 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3429 | มาตรการภาษีสำหรับการวางหลักทรัพย์เป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีสำหรับการวางหลักทรัพย์เป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีหลักการดังนี้ 1.1 ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้โอนและผู้รับโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันตามสัญญาซื้อขายล่วง หน้า ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนทรัพย์สินเพื่อไปวางเป็นประกันหรือรับโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันนั้น 1.2 ในกรณีที่ผู้โอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศ และมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย หากได้รับเงินชดเชยเงินปันผล หรือเงินชดเชยดอกเบี้ย เนื่องจากการ โอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกัน ต้องยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินชดเชย เงินปันผลที่ได้รับ หรือในอัตราร้อยละ 15 ของเงินชดเชยดอกเบี้ยที่ได้รับ จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เงินชดเชยเงินปันผล ให้หมายถึง เงินที่ผู้รับโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันจะต้องจ่ายให้แก่ผู้ที่วางทรัพย์สิน เป็นประกัน เนื่องจากมีการจ่ายเงินปันผลของทรัพย์สินที่วางเป็นประกัน และได้ถือครองไว้ก่อนที่จะโอนคืน แก่ผู้ที่ว่างทรัพย์สินเป็นประกัน และเงินชดเชยดอกเบี้ยให้หมายถึง เงินที่ผู้รับโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกัน จะต้องจ่ายให้แก่ผู้วางทรัพย์สินเป็นประกัน เนื่องจากมีการจ่ายดอกเบี้ยของทรัพย์สินที่วางประกัน และได้ถือ ครองไว้ก่อนที่จะโอนคืนแก่ผู้ที่วางทรัพย์สินเป็นประกัน 1.3 ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ให้แก่ผู้โอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันตามสัญญา ซื้อขายล่วงหน้า สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันให้แก่ผู้รับโอนทรัพย์สิน ทั้งนี้ ไม่ ว่าจะเป็นการโอนทรัพย์สินเพื่อไปวางเป็นประกันหรือการรับโอนทรัพย์สินที่วางเป็นประกันนั้น 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากร แสตมป์ให้แก่ผู้โอนและผู้รับโอนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามกฎหมาย ว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3430 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดรายชื่อธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 331) พ.ศ. 2541] | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลด
อัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติ บุคคลสำหรับการทำธุรกรรมยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีเครื่องมือที่สามารถนำมาบริหารนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดย รวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3431 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการ เงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และการลงนามในสัญญาเงินกู้และสัญญาค้ำประกันเงินกู้สำหรับโครงการปรับ ปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ ใน นามรัฐบาลไทย และเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งได้มีการลงนาม ในสัญญาเงินกู้ระหว่างหัวหน้าผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทยในฐานะ ผู้ให้กู้ และผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ในฐานะผู้กู้ และการลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ทั้งนี้ รายละเอียดหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำ ประกันเงินกู้ดังกล่าว มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติทุกประการ 2. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับรายงานผลการกู้เงินดังกล่าว โดยไม่มี ข้อสังเกตเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3432 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์นั่งประหยัดพลังงานประเภทพลังงานผสมชนิดพลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Vehicle) ในประเทศ] | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้น อากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) [มาตรการภาษีเพื่อ ส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์นั่งประหยัดพลังงานประเภทพลังงานผสมชนิดพลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Vehicle)] ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณามาตรการสนับ สนุนและส่งเสริมในภาพรวมทั้งหมดให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ประหยัดพลังงานทุกประเภท เช่น มาตรการภาษี สิทธิ ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2553 แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3433 | ขอขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมและการชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกัน | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันปีแรกของโครงการ Portfolio Guarantee Scheme จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เป็นจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2553 1.2 ชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ยก เว้นไม่เรียกเก็บจากลูกค้าในปีแรกของโครงการ Portfolio Guarantee Scheme โดยคำนวณค่าชดเชยในอัตราร้อย ละ 1.75 ของวงเงินค้ำประกันที่ บสย. อนุมัติจริงตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2553 ในวงเงินไม่เกิน 525 ล้านบาท โดยให้ บสย. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรเป็นงบประมาณชดเชยราย ได้ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2. สำหรับเงินชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3434 | รายงานการรับและใช้จ่ายเงินกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานการรับและใช้จ่ายเงินกองทุนบริหารเงิน
กู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ดังนี้ ฐานะการเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม 940,834.61 บาท ในส่วนของรายได้ กองทุน ฯ มี รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน 940,834.61 บาท และมีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 940,834.61 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3435 | รายงานการรับและใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานการรับและใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อการ
ชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ดังนี้ ฐานะการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์จำนวน 463,275,229,746.94 บาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 1.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.0003 ในส่วนของรายได้ กอง ทุน ฯ มีรายได้จำนวน 0.0002 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีจำนวน 0.02 ล้านบาท โดยลด ลงคิดเป็นร้อยละ 98.88 และมีเงินคงเหลือ ณ วันปลายงวด 0.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 0.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.07
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3436 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 รุ่นอายุ 7 ปี ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออม
ทรัพย์ช่วยชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 รุ่นอายุ 7 ปี ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 จำนวน 54,245.73 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินพันธบัตรออมทรัพย์ ฯ บางส่วน จำนวน 6,083.735 ล้านบาท จาก "บัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน" และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้วงเงินที่เหลือ จำนวน 48,161.995 ล้านบาท โดยทดรองจ่าย จากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวน 11,065.355 ล้านบาท รวมทั้งกู้ เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อายุเงินกู้ไม่เกิน 2 เดือน จำนวน 13,934.645 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,000 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 10,000 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 934.645 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 1.18- 1.22 ต่อไป และกู้เงินระยะยาวจากสถาบันการเงิน อายุเงินกู้ 4 ปี จำนวน 23,161.995 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพ ฯ จำนวน 10,000 ล้านบาท และธนาคารออมสิน จำนวน 13,161.995 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ FDR บวก Spread ร้อยละ 0.70-0.89 ต่อปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3437 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2553 | กค | 05/01/2553 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2553 ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,897 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 5,493 โครงการ วงเงิน 52,728.64 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,404 โครงการ วงเงิน 146,617.71 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน 10,592 โครงการ วงเงิน 71,176.50 ล้านบาท 3.2 ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 5,812 โครงการ วงเงิน 75,441.21 ล้านบาท 3.3 มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 5,812 โครงการ วงเงิน 75,308.32 ล้านบาท 4. การดำเนินการ 4.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 736 โครงการ วงเงิน 48,968.31 ล้านบาท 4.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 4,922 โครงการ วงเงิน 10,881.05 ล้านบาท 4.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 154 โครงการ วงเงิน 15,458.96 ล้านบาท 4.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 5,076 โครงการ วงเงิน 26,340.01 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3438 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 | กค | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลใน
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 ดังนี้ 1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังให้เป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 23,000 ล้านบาท โดยออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย 1.1 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 (LB155A) อายุ 5.60 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.625 ต่อปี จำนวน 13,000 ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2552 1.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 (LB406A) อายุ 30.70 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี จำนวน 3,000 ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2552 1.3 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 3 (LB24DA) อายุ 15.15 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปี จำนวน 7,000 ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2552 2. ภายหลังจากดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 23,000 ล้านบาท แล้ว ทำ ให้ ณ สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสด จ่ายของรัฐบาลจำนวน 258,000 ล้านบาท ประกอบด้วยตั๋วเงินคลังเพื่อการบริหารเงินสด-รับจ่าย ของรัฐบาล จำนวน 80,000 ล้านบาท และตั๋วเงินคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 178,000 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3439 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2552 | กค | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 21,897 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 6,135 โครงการ วงเงิน 57,721.71 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 15,762 โครงการ วงเงิน 141,209.30 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 10,340 โครงการ วงเงิน 69,950.70 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,233 โครงการ วงเงิน 59,641.74 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 3,107 โครงการ วงเงิน 10,308.96 ล้านบาท 3.2 ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 5,422 โครงการ วงเงิน 71,258.60 ล้านบาท 3.3 มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 5,422 โครงการ วงเงิน 71,125.71 ล้านบาท 4. การดำเนินการ 4.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 836 โครงการ วงเงิน 45,762.49 ล้านบาท 4.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 4,432 โครงการ วงเงิน 9,904.26 ล้านบาท 4.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 154 โครงการ วงเงิน 15,458.96 ล้านบาท 4.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 4,586 โครงการ วงเงิน 25,363.22 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 3440 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 149,999.8371 ล้านบาท) | กค | 29/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 149,999.8371 ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบ ประมาณภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 100.00 ของวงเงินตามแผนที่ได้รับอนุมัติ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 1.2 ให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินให้แล้วเสร็จภายในวัน ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้ รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2553 1.3 ให้หน่วยงานที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ บันทึกข้อมูลแผนงาน งวด งานและงวดเงินตามระบบที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายงานผลความก้าวหน้าตามแผนงาน งวดงาน และงวดเงินที่สอดคล้องกับความสำเร็จของงานในแต่ละเดือน ไตรมาส เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเร่งรัด การใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ 1.4 ให้นำอัตราการเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ตามเป้าหมายที่คณะ รัฐมนตรีกำหนดเป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน 1.5 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหน่วยงานในสังกัดที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ การ ฯ ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินอย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานและเร่งรัดให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการบันทึก ข้อมูลการดำเนินงานในระดับพื้นที่และจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติแผนและ จัดสรรงบประมาณโครงการ ฯ ตามขั้นตอนต่อไปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
