ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 671 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13401 - 13420 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13401 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๐ มีสาระสำคัญ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และสรุปผลการปฏิบัติงานตรวจสอบการเงินแผ่นดินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยได้ตรวจสอบหน่วยงานของรัฐ (หน่วยรับตรวจ) ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบเชิงป้องปราม และการจัดเก็บรายได้ เป็นต้น ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ และในการเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีครั้งต่อ ๆ ไป ขอความร่วมมือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13402 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2561 | นร11 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13403 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2561 | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๒๔ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๓๖๔,๔๖๓.๑๔ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๓๑๗,๗๑๒.๐๐ ล้านบาท (๒) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ จำนวน ๒๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และ (๓) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๒๑,๗๕๑.๑๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13404 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุมระดับสูงด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ครั้งที่ 2 (The Second High-Level Conference on Aviation Security) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ | คค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุมระดับสูงด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ครั้งที่ ๒ (The Second High-Level Conference on Aviation Security : HLCAS/2) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยได้รับเลือกเป็นประธานการประชุม HLCAS/2 และได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยนำเสนอรายงานสรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยแผนงานการรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนระดับโลกสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ รวมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะประธานคณะมนตรี ICAO โดยได้ชี้เจงเกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติการเดินอากาศที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้ชี้แจงถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการตรวจสอบ Full ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) ในปี ๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดของ ICAO ตลอดจนการเตรียมการเพื่อจัดการประชุม Global Aviation Cooperation Symposium (GACS) ในปี ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13405 | รายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านธุรกิจพลังงาน ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ | พน | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านธุรกิจพลังงานของบริษัท Qatargas ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อหาแนวทางเกี่ยวกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยให้มั่นคงและยั่งยืน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรัฐกาตาร์เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยกับกาตาร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวขอบคุณฝ่ายกาตาร์ที่ได้มีการส่ง LNG จำหน่ายให้ไทยมาโดยตลอด โดยปัจจุบันไทยกำลังอยู่ในช่วงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือแผน PDP ฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเป็นร้อยละ ๕๓ ดังนั้น ไทยจึงยังมีความต้องการก๊าซธรรมชาติมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งฝ่ายกาตาร์ได้แจ้งว่าปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขยายธุรกิจด้าน LNG ทั้งต้นน้ำ (Upstream Business) และการสร้างโรงงานผลิต LNG เพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายไทย โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนกับฝ่ายกาตาร์ในธุรกิจดังกล่าว ทั้งนี้ ฝ่ายกาตาร์ได้ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนในเรื่องการตลาด LNG เพิ่มเติม และขอโอกาสในการเข้ามาลงทุนด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าในไทย รวมทั้งจะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อแสวงหาโอกาสในการร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่ามีความยินดีสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานของกาตาร์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13406 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ฝ่ายไทยได้แสดงความยินดีในโอกาสที่ละครโขลวัดสวายอันแดตของกัมพูชาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก และได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยและกัมพูชาซึ่งมีร่วมกัน เช่น มวยและหมอลำ รวมถึงความเป็นไปได้ในการขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ เช่น วัฒนธรรมข้าว เป็นต้น (๒) ฝ่ายไทยได้เชิญกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาส่งคณะเข้าร่วมกิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ๒๕๖๒ ที่ไทยจะจัดขึ้น รวมทั้งกิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลก เช่น การเดินทางไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปะการแสดงในนามของคณะนักแสดงอาเซียน ณ ประเทศคู่เจรจา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในทวีปยุโรป ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้น (๓) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการการอนุรักษ์ทางโบราณคดี เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีลักษณะแหล่งคล้ายคลึงกัน ซึ่งปัจจุบันไทยได้เสนอบัญชีรายชื่อเบื้องต้นในนามเส้นทางวัฒนธรรมที่มีคล้ายคลึงกับมรดกโลก เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ เป็นต้น และ (๔) กิจกรรมอื่น ๆ เช่น การฟังบรรยายเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการเรียนการสอน ของสถาบันเทคโนโลยีกัมปงเฌอเตียล ณ อำเภอปราสาทสมโบร์ จังหวัดกำปงธม ซึ่งเป็นสถาบันที่มุ่งเน้นการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเกษตร การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมชุมชน รวมถึงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดี เพื่อรองรับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13407 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยการขอรับจัดสรรงบประมาณจะจัดทำงบประมาณในลักษณะวาระแห่งชาติการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศ โดยมีกลไกการบูรณาการการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ ส่วนการปรับแผนยุทธศาสตร์ด้านวัคซีน ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นั้น จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไป และบรรจุเรื่องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศในระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ สำหรับการตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ จะพิจารณาให้มีตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการด้วย นอกจากนี้ จะจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และปรับปรุงแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและอุปสรรคต่าง ๆ ในการจัดหาและการกระจายวัคซีน เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและมีการกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งจะได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13408 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 สายหินกอง - อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง - บ้านเกาะยาง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และอำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13409 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญค่าทดแทน และการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขข้อ ๑๒ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เกี่ยวกับเงินเพิ่มสำหรับการสู้รบ (พ.ส.ร.) ดังนี้ “และในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยเหลือราชการ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ได้รับ พ.ส.ร. แต่เกินกว่า ๔ ครั้ง ให้สามารถขอรับ พ.ส.ร. ได้ โดยขอยกเลิกชั้นหรือขั้น พ.ส.ร. ครั้งที่เป็นจำนวนเงินน้อยที่สุดใน ๔ ครั้ง เพื่อมาขอรับ พ.ส.ร. ในชั้นหรือขั้นปัจจุบันที่สูงกว่าแทนได้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีการเปลี่ยนแปลงเงินเลื่อนชั้นหรือขั้นกรณีพิเศษ เป็น พ.ส.ร.” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรเผยแพร่สาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ และประเด็นที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทราบอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง รายการเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13410 | ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) ในขั้นตอนการเยือนประเทศ (Country Visit) | ปช | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ในขั้นตอนการเยือนประเทศ (Country Visit) ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญา UNCAC ในรอบที่ ๒ เรื่อง มาตรการและนโยบายเพื่อป้องกันการทุจริตระดับชาติ และเรื่อง การติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตกลับคืนมาสู่ประเทศ ซึ่งฝ่ายผู้ประเมินได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่สำคัญ เช่น ให้ประเทศไทยพิจารณาใช้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ เป็นฐานทางกฎหมายในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการติดตามทรัพย์สินของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการดำเนินการต่อต้านการทุจริตของประเทศไทยว่า การมีหน่วยงานต่อต้านการทุจริตหลายหน่วยงาน (คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ) อาจก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนด้านอำนาจและหน้าที่ และอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งควรดำเนินงานโดยปราศจากอิทธิพลและการแทรกแซงใด ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและเป็นไปตามหลักสากล จึงอาจไม่มีความจำเป็นในการกำหนดหน่วยงานพิเศษเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นการใช้อนุสัญญา UNCAC เป็นฐานทางกฎหมายในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อติดตามทรัพย์สินคืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13411 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ปช | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรายงานสรุปผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ๑.๒ ให้หัวหน้าส่วนราชการให้ความสำคัญกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาตนเองด้านคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ๑.๓ ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำเนินการด้านการกำกับดูแลการประเมิน ด้านส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน (๒) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน มีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมการยกระดับผลการประเมินด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ (๓) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ มีบทบาทหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะด้านส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีการรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐควบคู่กับการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการใด ๆ ให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนงบประมาณของหน่วยงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อใช้ในการดำเนินการไปพลางก่อน และให้จัดทำคำขอจัดตั้งงบประมาณแบบบูรณาการตามแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินการเนื่องจากเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ประเด็นที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน บทบาทและหน้าที่และแนวปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐที่ชัดเจน ควรจะสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ควรกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการ การกำกับดูแลการประเมิน และการส่งเสริมการยกระดับผลการประเมิน รวมทั้งควรเร่งปรับปรุงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับดัชนีอื่น ๆ ที่ยังมีคะแนนไม่สูงนักและยังสามารถปรับปรุงการทำงานเพื่อยกระดับคะแนนให้สูงขึ้นต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีคุณธรรมการทำงานในหน่วยงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13412 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2019 และการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2562 | นร12 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2019 (พ.ศ. ๒๕๖๒) และการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ (๑) ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ : พัฒนา ปรับปรุง และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) (๒) ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง : พัฒนาระบบยื่นขออนุญาตก่อสร้าง การควบคุมการก่อสร้างอาคาร และการติดตั้งประปา (๓) ด้านการขอใช้ไฟฟ้า : ปรับปรุงอัตราค่าบริการขอใช้ไฟฟ้า (๔) ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน : เชื่อมโยงข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Zoning Layer) และผังเมืองในพื้นที่ทั่วประเทศ (๕) ด้านการได้รับสินเชื่อ : พัฒนาระบบข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจ ทางอิเล็กทรอนิกส์ และส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยในการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลในลำดับถัดไป เห็นควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาประเภทของข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้โดยชอบด้วยกฎหมายร่วมกัน และขยายไปยังหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งภาคเอกชนต่อไป (๖) ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย : ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย และเพื่อลดภาระต้นทุนในการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงปรับปรุงรายละเอียดของแผนการดำเนินการให้เป็นปัจจุบัน โดยให้เพิ่มกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจำกัด (๗) ด้านการชำระภาษี : ผลักดันการชำระภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์และการพัฒนาช่องทางการชำระเงินสมทบให้แก่กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน (๘) ด้านการค้าระหว่างประเทศ : พัฒนาระบบศุลกากรล่วงหน้า ระบบการขนส่งทางน้ำ และระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทย (๙) ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง : พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับศาล และ (๑๐) ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย : พัฒนาเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี/เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ระบบการยื่นคำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ และระบบข้อมูลบุคคลล้มละลายทุจริต ตลอดจนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13413 | ผลการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2561 (2018 High-level Political Forum on Sustainable Development - HLPF) | กต | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๘ (2018 High-level Political Forum on Sustainable Development-HLPF) ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีหม่อมหลวงสุภรัตน์ เทวกุล ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ฐานะผู้แทนพิเศษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน และมีผู้แทนจากหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมการประชุม ซึ่งสาระสำคัญของผลการประชุมครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ อาทิ (๑) การรับรองปฏิญญารัฐมนตรีการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๘ (๒) การอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสถิติในการอนุวัติเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่ต้องเน้นข้อมูลสถิติที่มีคุณภาพมากกว่าในอดีตในทุกระดับ การลดความเสี่ยงในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยที่ประชุมเห็นว่านโยบายการบริหารจัดการภัยพิบัติและความเสี่ยงต้องเป็นนโยบายระยะยาวที่มีหลักฐานอ้างอิง เชื่อถือได้ และสามารถวัดผลได้ รวมทั้งได้ทบทวนเชิงลึกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น เป้าหมายที่ ๖ (น้ำสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี) เป้าหมายที่ ๗ (พลังงานสะอาด) เป้าหมายที่ ๑๑ (เมืองยั่งยืน) เป้าหมายที่ ๑๒ (การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน) เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดวาระอภิปรายเรื่องใหม่ในการประชุมครั้งนี้ คือ “Leaving No On Behind” โดยที่ประชุมเห็นว่า การบรรลุ SDGs ยังดำเนินไปไม่ถูกทาง และมีกลุ่มคนหลายกลุ่มกำลังถูกละทิ้งไว้เบื้องหลัง เช่น กลุ่มชนพื้นเมือง ซึ่งถูกพรากจากที่ดินที่ตนทำกิน กลุ่มคนพิการ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องร่วมกันหาความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และสร้างการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม รวมทั้งควรมีการส่งเสริมเงินทุนให้ภาคประชาสังคม และมีระบบในการติดตามผลที่มีคุณภาพด้วย และ (๓) การรายงานผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชาติโดยสมัครใจ (Voluntary National Review : VNR) ของประเทศไทย ซึ่งเน้นย้ำการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (เรื่อง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของประเทศไทย) และรายงานให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทราบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเร่งรัดการดำเนินการของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13414 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | มท | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าล้อ ตำบลวังขนาย และตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมมากที่สุด โดยคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าด้วย การยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ รวมทั้งกรมโยธาธิการและผังเมืองควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานของเทศบาลในพื้นที่ กำกับ ดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13415 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในต่างประเทศในระหว่างที่ยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13416 | ร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการใช้งานในระบบ GFMIS เพื่อรองรับการปรับปรุงระบบ New GFMIS Thai และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรแก้ไขบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” จากศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และเห็นว่า การจะนำระเบียบที่ออกโดยฝ่ายบริหารมาใช้บังคับกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ธุรการให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญ ควรผ่านความเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อความเหมาะสมต่อหลักการเป็นอิสระของศาลรัฐธรรมนูญในฐานะฝ่ายตุลาการผู้ใช้อำนาจตุลาการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และควรให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปด้วยความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13417 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำเงินทดรองราชการใช้ทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยในการปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ และแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำตามร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ข้อ ๑๕ จาก “กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี” เป็น “กรณีที่มีความเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้อนุมัติเงินจัดสรร” และจาก “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ได้” เป็น “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับอนุมัติเงินจัดสรรก็ได้” เพื่อให้สอดคล้องกับบทนิยาม มาตรา ๔ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ให้กับส่วนราชการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13418 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | อก | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือโรงงานผลิตเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ซึ่งรวมถึงโรงงานที่ใช้เครื่องจักรที่สามารถนำไปใช้รีดเหล็กเส้นได้ ทุกขนาด ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา ๕ ปี นับแต่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13419 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล 4 คณะ (ประจำเดือนกันยายน - ธันวาคม 2561) | ดศ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ (ประจำเดือนกันยายน-ธันวาคม ๒๕๖๑) โดยการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การจัดเตรียมเครื่องมือ Big Data Sandbox เพื่อให้หน่วยงานทดลองเข้ามาใช้บริหารจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แก่ ๑๘ หน่วยงาน และการจัดทำ (ร่าง) มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านสารสนเทศเพื่อการประมวลผลข้อมูลภาครัฐ เป็นต้น ส่วนความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการฯ เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศข่าวกรอง ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานเพื่อขอเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพระบบวิเคราะห์ผลการซักถามเชื่อมโยงข้อมูลความมั่นคง ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และได้จัดการอบรมให้แก่หน่วยงานรับผิดชอบการนำเข้าข้อมูล และหน่วยงานใช้ประโยชน์จากระบบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดแผนการผลิตบุคลากรด้านการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศให้เหมาะสม โดยในระยะแรกควรพิจารณาผลิตเพื่อรองรับความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐก่อน รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถดังกล่าวมาปฏิบัติงานในหน่วยงานของภาครัฐด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13420 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม 2561 | นร02 | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๒ ระยะที่ ๑ และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๒,๘๗๙ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๓,๖๖๑,๘๓๖ คน จำนวนการกดไลท์ ๑๙๗,๓๑๑ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๒๒,๑๗๑ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๓,๔๔๒ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๖๒ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๓๘ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น ควรให้ความสำคัญและให้การช่วยเหลือแก่คนชราที่ไม่มีผู้ดูแล รวมถึงคนพิการที่ยังขาดโอกาสทางสังคมในเรื่องต่าง ๆ ๒. การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistics) เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านการค้า การลงทุน การค้าชายแดน และการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๔๙๘ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๒,๘๑๒,๒๗๑ คน จำนวนการกดไลท์ ๖,๘๖๒ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๓๘,๘๘๐ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๒๘๖ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๔๙ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๕๑ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น ไม่ควรนำเงินภาษีไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงรัฐไม่ควรดำเนินนโยบายประชานิยมที่ไม่ส่งผลต่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง ๓. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร (ปาล์มน้ำมัน/ยางพารา) และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน (ระยะสั้น) และสร้างความเข้มแข็ง (ระยะยาว) โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๖๑,๗๘๒ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๕๗๔,๘๐๕ ครั้ง จำนวนการกดไลท์ ๕๑,๔๔๘ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๑,๐๐๖ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็ฯ ๒,๒๖๕ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๓๗ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๖๓ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น รัฐบาลควรกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยางพาราและปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมาตรการและการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
|
.....