ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 678 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13541 - 13560 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13541 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการจัดทำกฎกระทรวงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดขนาดของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ควรพิจารณาคุณสมบัติด้านอายุของสมาชิกสหกรณ์เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของนานาประเทศ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ควรปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการให้เหมาะสมและเพิ่มการจัดอัตรากำลังให้เพียงพอต่อภารกิจและส่งเสริมระบบสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ ควรเร่งพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของการกำกับดูแลทั้งการติดตาม การรายงานข้อมูล ระบบบัญชี และบุคลากรในการกำกับดูแลสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรศึกษาและจัดเตรียมแผนฉุกเฉินรองรับปัญหาในกรณีที่ประชาชนขาดความมั่นใจและตื่นตระหนกถอนเงินอย่างรวดเร็วออกจากสหกรณ์ขนาดใหญ่ ตลอดจนควรกำหนดเพดานความเสี่ยงของสินเชื่อรวมในรูปร้อยละของทุนเรือนหุ้นและเงินฝาก ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13542 | สรุปผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย | มท | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (๒) การยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศด้านการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉิน (๓) การพัฒนาระบบสื่อสารและเทคโนโลยีในการจัดการสาธารณภัย (๔) การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการภาวะฉุกเฉิน (๕) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในระบบบัญชาการเหตุการณ์ และ (๖) การกำหนดแนวทางรับมือสาธารณภัยในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพิจารณาปรับปรุงเพิ่มศักยภาพการจัดการภาวะฉุกเฉิน ยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน การให้ความสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษในการกู้ภัยที่ได้มาตรฐานสากล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้จัดทำฐานข้อมูล (Big Data) เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมิติต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่าง ๆ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เครื่องมืออุปกรณ์การกู้ภัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อม แนวทาง ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น เป็นต้น ๒.๒ ให้กำหนดแนวทางการบูรณาการระบบการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถสื่อสารร่วมกันเป็นระบบกลุ่ม เช่น กลุ่มให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ (รถกู้ภัย รถพยาบาล) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจราจร เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ๒.๓ ให้นำผลการถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เผยแพร่ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทราบ รวมทั้งให้ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินการบริหารจัดการกรณีภัยพิบัติพายุปาบึก เพื่อนำผลการถอดบทเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบในการเตรียมความพร้อมหรือดำเนินการเพื่อรับมือเหตุภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับการกู้ภัยที่มีอยู่ให้ครบถ้วนและให้มีความพร้อมในการใช้งานได้ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากไม่ครบถ้วน เพียงพอ ให้พิจารณาดำเนินการจัดหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการกู้ภัยเพิ่มเติมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13543 | ผลการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 12 | กต | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๒ (12th Asia-Europe Meeting Summit : ASEM 12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการตามผลการประชุม เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุม ASEM 12 เต็มคณะ วาระที่ ๑ หัวข้อ “Building the future together : Promoting inclusive growth and sustainable connectivity” ที่ประชุมสนับสนุนการค้าเสรีที่เปิดกว้าง เป็นธรรม สนับสนุนการปรับปรุงองค์การการค้าโลกให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ รวมถึงได้เน้นย้ำการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและยุโรปในทุกด้านเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายไทยได้มีข้อเสนอ ๓ ประเด็น เพื่อเน้นความเป็นหุ้นส่วนของเอเชียและยุโรป ได้แก่ (๑) ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยความยั่งยืนทางทะเลเพื่อต่อยอดจากความก้าวหน้าการปฏิรูปภาคประมงของไทยไปสู่การแสดงบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศ (๒) สร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ (๓) ไทยจะเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างยุโรปกับเอเชียในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ และวาระที่ ๒ หัวข้อ “Reinforcing the multilateral system : Advancing the ASEM partnership on global challenges” ที่ประชุมสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมที่ยึดกฎกติกาและบรรทัดฐานระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ๒. ผลการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป-อาเซียน ที่ประชุมได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การก่อการร้ายและการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตเพื่อรับมือกับพัฒนาการและภัยคุกคามต่าง ๆ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่สำคัญ เช่น สถานการณ์ในรัฐยะไข่ เป็นต้น ๓. การหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศสมาชิก ASEM รวม ๘ ประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และเบลเยียม เป็นต้น โดยฝ่ายไทยได้เน้นย้ำถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจผ่านการรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป และการสนับสนุนการปลดใบเหลือง (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) ให้กับไทย (ไทยได้รับการปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปแล้วเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒) และเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13544 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา | กค | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งจัดส่งเรื่องพร้อมรายละเอียด เหตุผลและความจำเป็นในการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไปยังคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๑๑ ของพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ อีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13545 | ขออนุมัติผลการจัดซื้อจัดจ้างรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพและบริการสาธารณสุข 1 หลัง พร้อมที่จอดรถ จังหวัดเชียงใหม่ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | ศธ | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพและบริการสาธารณสุข ๑ หลัง พร้อมที่จอดรถ จังหวัดเชียงใหม่ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงิน ๑,๒๐๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๓๕๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๘๕๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยเงินงบประมาณให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗(๒) ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยพิจารณาถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ความคุ้มค่า รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขั้นอย่างรอบคอบด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการประเมินอัตราขยะติดเชื้อ การเพิ่มเติมรายละเอียดขั้นตอนและกระบวนการจัดการขยะติดเชื้อประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจน กระบวนการนำตะกอนแห้งไปทำปุ๋ยอย่างถูกหลักวิชาการ และการคืนพื้นที่โครงการ รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13546 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | นร | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เรื่องเสนอเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๑ รายงานผลการดำเนินงานคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๔ คณะ ๑.๒ ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีสัญจร และงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง ๒.๑ แผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ จำนวน ๒ โครงการ ๒.๒ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี ๒.๓ หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี ๒.๔ การทบทวนการแบ่งพื้นที่ลุ่มน้ำที่เหมาะสมสำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผลกระทบการแบ่งพื้นที่ลุ่มน้ำ ๓. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๓ เรื่อง ๓.๑ การขับเคลื่อนแผนงานโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ๓.๒ การมอบหมายผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๑๖ ๓.๓ แผนปฏิบัติการ ๕ ปี สาขาทรัพยากรน้ำ ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๒ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Five-years Action Plan for Mekong-Lancang Water Resources Cooperation)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13547 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 | นร11 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ได้แก่ (๑) พัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่เน้นความโดดเด่นและเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด (๒) เพิ่มศักยภาพการค้า การลงทุน การค้าชายแดนและการค้าต่างประเทศ (๓) พัฒนาเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม (๔) พัฒนาการบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (๕) บริหารจัดการ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ (๖) อื่น ๆ เช่น ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในกำกับเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชนท้องถิ่นให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ติดตามการดำเนินงานร้านธงฟ้าประชารัฐ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงาน และประชุมติดตามโครงการสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13548 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 | นร11 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยราชกัฏลำปาง ตำบลชมพู อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง และเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13549 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ของกระทรวงคมนาคม | คค | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) ของกระทรวงคมนาคม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพัฒนาโครงข่ายถนน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีนโยบายที่จะสร้างถนนทุกสายให้เป็นเส้นทางแห่งความสุขเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้า ตลอดจนการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงทั้งในประเทศและอนุภูมิภาคให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เป็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง การยกระดับความปลอดภัยทางถนน ปรับปรุงทุกจุดเสี่ยงอุบัติเหตุบนทางหลวงสายหลัก และการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตเมือง รองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางถนน และการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมือง ๒. การพัฒนาโครงข่ายทางราง ให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ กระทรวงคมนาคม โดยได้ดำเนินการเร่งรัดการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง (การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่) เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งทางราง ลดระยะเวลาในการโดยสารและการขนส่งสินค้า ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ใช้ระบบขนส่งทางราง ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและประหยัดการใช้พลังงานของประเทศได้ในระยะยาว สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของภาคโดยรวม โดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทางประมาณ ๒๘๐.๖๐ กิโลเมตร โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ ๑๘๙ กิโลเมตร ๓. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทางอากาศ ให้ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยมีนโยบายที่จะพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศให้เป็นประตูแห่งโอกาสการเดินทาง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยมีแผนพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ท่าอากาศยานลำปาง ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน และท่าอากาศยานปาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13550 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 | กก | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่ ให้บรรลุเป้าหมายตามแนวนโยบายของรัฐบาลต่อไป ประกอบด้วย (๑) แนวทางการพัฒนาระดับจังหวัด เป้าหมายการพัฒนา “เมืองท่องเที่ยว เชิงธุรกิจสร้างสรรค์ สะท้อนเอกลักษณ์ของอารยธรรมล้านนา สู่การเป็นเมืองมรดกโลกด้านวัฒนธรรม” โดยเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นใช้ฐานของวัฒนธรรมล้านนาที่โดดเด่น มาต่อยอดการพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มมูลค่าและพัฒนาขีดความสามารถในการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ และ (๒) แนวทางการพัฒนาระดับจังหวัด โดยกำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ (strategic position) ของแต่ละจังหวัด ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13551 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการฐานข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศประเทศไทย กรณีเร่งด่วน | กห | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินโครงการฐานข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศประเทศไทย ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๘๓,๐๐๕,๗๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย และยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กองบัญชาการกองทัพไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และ/หรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน จำนวน ๑๑๒,๓๗๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๗๗๐,๖๓๕,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป การดำเนินโครงการดังกล่าวให้กองบัญชาการกองทัพไทยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบกลางของประเทศ (NGIS) และความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการเผยแพร่ความรู้ด้านข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศและการนำไปประยุกต์ใช้ทุกสาขา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13552 | มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุชา โมกขะเวส ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๒. นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี) ๓. นายวิเชียร จงชูวณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี) ๔. พลตำรวจตรี ธารา ปุณศรี ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๕. นายวิรัช ร่มเย็น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี)] ๖. นายสุกรี มะเต๊ะ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี)]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13553 | ขออนุมัติหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก | นร07 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณฯ ให้ความเห็นชอบเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ (๑,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในช่วงก่อนและหลังวันที่ ๔-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ด้วย ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13554 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระ) (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์ตีรณ์ พงศ์มฆพัฒน์ ฯลฯ) | กค | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นางเพชรศรี ศิรินิรันดร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๓. ศาสตราจารย์ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๔. รองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๕. รองศาสตราจารย์เนาวรัตน์ พลายน้อย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๖. นายพีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๗. รองศาสตราจารย์ชยันต์ ตันติวัสดาการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13555 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นายพงศธร สัจจชลพันธ์) | นร04 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๒ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13556 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรเบลเยียม ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) และคณะ | กษ | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรเบลเยียม ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) และคณะ ระหว่างวันที่ ๖-๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ เพื่อประชุมหารือทวิภาคีระหว่างคณะผู้แทนไทยและผู้แทนสหภาพยุโรป รวมถึงการร่วมแถลงข่าวของคณะกรรมาธิการยุโรปประกาศปลดใบเหลืองประเทศไทยในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องต่อไป รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือ ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มต่าง ๆ ให้ชัดเจนทั้งในส่วนของการทำการประมงพื้นบ้าน ประมงในน่านน้ำ และประมงนอกน่านน้ำ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับเหตุผล ความจำเป็น และประโยชน์ของการแก้ไขปัญหาการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ของไทยที่ผ่านมาและที่จะดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13557 | สรุปงบประมาณและผลการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลในช่วง 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2562) | นร07 | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒) เป็นไปตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้นำเสนอผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ โดยจำแนกตามยุทธศาสตร์ ๖ ด้าน คือ (๑) ด้านความมั่นคง (๒) ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน (๓) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ (๔) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม (๕) ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๖) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเร่งจัดทำสรุปข้อมูลวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรสำหรับการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการสำคัญต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของหน่วยงานในช่วงระยะเวลา ๕ ปีที่ผ่านมา-ปัจจุบัน (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) ผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงผ่านทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13558 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ประสบปัญหาทางการเงิน นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากปัญหาดังกล่าวด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามลภาวะดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและในจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐาน ทั้งนี้ ในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13559 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) (เขตบริหารพิเศษฮ่องกง) | พณ | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ ๒๑-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การจัดกิจกรรม “Thailand-Korea Business Partnership 2018” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำความพร้อมของไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการเป็นสะพานเชื่อมสู่อนุภูมิภาคต่าง ๆ ของเอเชีย และได้มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทผู้นำเข้าเกาหลี รวมทั้งมอบเกียรติบัตรร้านอาหารไทยที่ได้มาตรฐาน (๒) การหารือกับผู้บริหารและเยี่ยมชมบริษัท Coupang (บริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในเกาหลี) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ขยายความร่วมมือกับบริษัทฯ ในการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับจำหน่ายสินค้าไทยบนเว็บไซต์ และ (๓) การหารือกับประธานสมาคมผู้นำเข้าเกาหลี (KOIMA) เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศให้เกิดการขยายการค้าสินค้าและบริการระหว่างไทยและเกาหลี ๒. ผลการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การต่อยอดความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนในการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์สองภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นประตูการค้าซึ่งกันและกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้มีการหารือกับบุคคลสำคัญต่าง ๆ เพื่อเน้นย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยในการรองรับการค้าการลงทุนจากจีน การจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย และการจัดให้มีความตกลงเสรีการค้าอาเซียน-ฮ่องกง (๒) การขยายตลาดข้าวไทยในฮ่องกง ได้มีการพบกับผู้บริหารสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกงเพื่อหารือแนวทางผลักดันการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้บริหารสมาคมฯ มีความสนใจที่จะทำ Co-Branding กับผู้ประกอบการท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ ของไทย และ (๓) การเชิญบริษัท Tom Group เยือนไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุนยกระดับร้านค้าปลีกดั้งเดิมของไทยเป็นร้านค้าขายผ่านระบบออนไลน์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13560 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด | กค | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก เนื่องจากกองทุนฯ เป็นการขยายวัตถุประสงค์เพิ่มเติมจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคณะกรรมการนโยบายฯ มีข้อสังเกตเพิ่มเติม เช่น ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการให้ชัดเจน เป็นต้น ๑.๒ เห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก ไปประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....