ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 675 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13481 - 13500 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13481 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2560 | นร09 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเป็นประเด็นข้อหารือเกี่ยวกับคำสั่งทางปกครอง หลักการมีส่วนได้เสียและหลักความเป็นกลางในการพิจารณาทางปกครอง การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง การก้ไข การเยียวยา และการเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง ตลอดจนการนับระยะเวลาตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เช่น (๑) จัดวิทยากรของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (๒) เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้กับประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ และ (๓) สัมมนาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง รวมทั้งรับทราบปัญหาอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ๓. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เช่น (๑) ควรมีการศึกษาและทบทวนปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเฉพาะในส่วนที่พระราชบัญญัตินี้ยังมิได้บัญญัติไว้ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติที่ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ และ (๒) ควรมีการจัดให้มีการอบรมบุคลากรในภาครัฐเพื่อพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักกฎหมายปกครองให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13482 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรมสรรพากรได้นำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มาประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการใช้บังคับกฎหมายในระยะแรก ๆ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และให้คำปรึกษาในเรื่องการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาโอน (TP documentation) เป็นสำคัญ และได้มีการประกาศกำหนดแบบรายงานมาตรฐานอย่างรอบคอบ เพื่อให้มีรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความ และกรณีร่างมาตรา ๗๑ ทวิ และร่างมาตรา ๗๑ ตรี ซึ่งเป็นบทบัญญัติในส่วนของภาษีเงินได้ย่อมไม่นำมาใช้บังคับกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนพิจารณาความเหมาะสมในการยกเว้นหน้าที่การจัดทำเอกสารให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันภายในประเทศที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราเท่ากัน และไม่มีผลขาดทุนจากการประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีหรือผลขาดทุนสะสมยกมาจากกรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13483 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเห็นสมควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการภายในตามร่างมาตรา ๑๐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงบทบาท หน้าที่ และหลักดุลยภาพของการบริหาร Checks and Balances ระหว่างฝ่ายบริหารคือ อธิการบดี และฝ่ายกำกับดูแลด้านนโยบายคือ สภาสถาบัน และควรกำหนดให้มี “สำนักงานสภาสถาบัน” ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ ของสภาสถาบันเป็นการเฉพาะในลักษณะเดียวกันกับสำนักงานอธิการบดีซึ่งเป็นหน่วยธุรการของฝ่ายบริหาร เพื่อมิให้เกิดปัญหาการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และกรณีที่สถาบันอาจจัดการศึกษาหรือดำเนินการวิจัยร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูง หรือสถาบันอื่น ๆ ตามความในวรรคหนึ่งหรือวรรคสามของร่างมาตรา ๑๓ นั้น ซึ่งคำว่า “สถาบันอื่น” ตามร่างมาตรา ๑๓ นี้ มีความมุ่งหมายกว้างเพื่อเปิดโอกาสให้สถาบันสามารถแสวงหาความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันอื่น ๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชนได้ รวมทั้งหากต่อไปมีกฎหมายกลางที่เกี่ยวข้องใช้บังคับกับกรณีการบริหารงานบุคคลและตำแหน่งทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษาไว้เป็นการเฉพาะแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาหรือดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสถาบันพระบรมราชชนกให้มีความสอดคล้องกับหลักการและแนวทางดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13484 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2561 | นร01 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ โดย ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐโดยสอดส่องแผนงาน/โครงการ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (เรื่องร้องเรียน) ตามอำนาจหน้าที่ จำนวน ๑,๓๗๖ แผนงาน/โครงการ ปรากฏว่า มีโครงการ จำนวน ๓๖๕ โครงการ/เรื่อง ที่ไม่เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยมีโครงการที่ไม่เป็นไปตามด้านที่ ๔ การปฏิบัติภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าเป็นจำนวนมากที่สุด รองลงมาเป็นด้านที่ ๓ การปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และด้านที่ ๒ การปฏิบัติภารกิจเพื่ออำนวยความสะดวก ให้บริการ และสนองความต้องการของประชาชน ตามลำดับ โดย ก.ธ.จ. มีมติเป็นข้อเสนอแนะสำหรับโครงการที่ไม่เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จำนวน ๔๗๒ ข้อ ซึ่งจังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะไปดำเนินการแล้ว จำนวน ๒๐๘ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๔.๐๗ และ ก.ธ.จ. จะได้ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในส่วนที่เหลือต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13485 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา โดยมีผลการดำเนินการรวม ๕ ประเด็น คือ (๑) ส่งเสริมและสนับสนุน ด้านการผลิตผู้นำการออกกำลังกายและกีฬา กรมพลศึกษาได้จัดอบรมครูสอนพลศึกษาที่ไม่มีวุฒิพลศึกษาเพื่อเข้ารับการอบรมผู้นำการออกกำลังกายที่ถูกต้องในสถานศึกษาและในชุมชน (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง ให้กรมพลศึกษาเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนด้านสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชนของกรมพลศึกษาไปใช้ในการประเมินผล (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนให้มวลชนมีการออกกำลังกาย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกีฬา ให้แต่ละหน่วยงานกำหนดนโยบายหรือส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมทางกาย/กิจกรรมการออกกำลังกายแก่ประชาชนบุคลากรในหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง และต้องมีการติดตามและรายงานผล และ (๕) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมและสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับกรมพลศึกษาตรวจสอบและติดตามสถานะความพร้อมของสถานที่สำหรับออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬา และสรุปผลการจัดเก็บข้อมูลสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชนทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13486 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561) | นร11 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีรายชื่อแผนระดับ ๓ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑) ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาแล้ว จำนวน ๕ แผน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ร่างแผนพัฒนาด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงวัฒนธรรม ๒. แผนแม่บทด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนปฏิบัติการโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๑ ฉบับปรับปรุงและขยายระยะเวลาดำเนินงาน ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กระทรวงศึกษาธิการ ๓. ร่างแผนยุทธศาสตร์วัคซีน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงสาธารณสุข ๔. แผนแม่บทพัฒนาแรงงานไทยในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน ๕. แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13487 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕๒ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า และ ๖ บริการ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล โดยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ควรพิจารณาให้ครอบคลุมผู้แทนจากกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ ของคณะอนุกรรมการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปดำเนินการให้เหมาะสมและรอบคอบต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับการประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุม รวมทั้งการกำหนดมาตรการที่ใช้สำหรับสินค้าหรือบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13488 | การปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. | นร51 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. (ก.พ.กอ.รมน.) ได้มีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรา จำนวน ๒๐๐ อัตรา โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร โดยปรับเกลี่ยจากเดิม จำนวน ๑๗๓ อัตรา เป็น จำนวน ๑๗๑ อัตรา และต่อมาในการประชุม ก.พ.กอ.รมน. เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีเลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการดำเนินการปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรากำลัง จำนวน ๑๗๑ อัตรา (คงเดิม) โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร ตามที่ กอ.รมน. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13489 | รายงานผลการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) | รง | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทาง “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ตกงาน และส่งเสริมการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ยังไม่มีงานทำ ให้มีรายได้ตรงตามความต้องการและความสามารถของตนเอง โดยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งว่างงาน การพัฒนาทักษะอย่างเท่าเทียมได้รับการคุ้มครอง และมีหลักประกันเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผลการดำเนินการในภาพรวม (๑๙ กรกฎาคม-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑) มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสมัครงานผ่านศูนย์ฯ ได้รับการบรรจุงาน จำนวน ๑๗,๓๖๔ คน และได้งานทำผ่านแอปพลิเคชัน LINE JOBS จำนวน ๗,๕๕๘ คน รวมทั้งสิ้น ๒๔,๙๒๒ คน ก่อให้เกิดรายได้ จำนวน ๓๗๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13490 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชนกรณีกล่าวอ้างว่าการระงับการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยงอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ถึงอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน) | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิมนุษยชนกรณีกล่าวอ้างว่าการระงับการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยงอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ถึงอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน) ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางหลวงในพื้นที่อำเภออุ้มผาง โดยปรับปรุงทางหลวงหมายเลข ๑๐๙๐ อำเภออุ้มผาง-อำเภอแม่สอด ให้มีมาตรฐานที่สูง และกระทรวงมหาดไทยมีแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ของจังหวัดตาก ซึ่งมีโครงการเกี่ยวกับการสนับสนุนและส่งเสริมการเข้าถึงสาธารณูปโภค สำหรับกระทรวงศึกษาธิการมีแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ของจังหวัดตาก เน้นเรื่องการขยายและสร้างโอกาสในการเรียนรู้อย่างทั่วถึงตลอดชีวิตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง และพัฒนากำลังและเพิ่มขีดความสามารถรองรับการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการศึกษาการนำมาตรการทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ค่าบริการทางระบบนิเวศ (Payments for ecosystem services : PES) หรือการแบ่งปัน (Benefit sharing) มาใช้เป็นมาตรการชดเชยและส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13491 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์) | สธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13492 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก และโครงสร้างทางธุรกิจของกิจการที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำบทนิยามที่กำหนดขึ้นไปใช้ในการกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป้าหมายสำหรับการดำเนินมาตรการ แผนงาน และโครงการในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผู้รับบริการและข้อมูลผลการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานได้อย่างเป็นระบบ เป็นประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผลและการปรับปรุงการดำเนินงานให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13493 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปูโยะ และตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปูโยะ และตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สามารถจัดซื้อที่ดินและนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีที่ดินไม่เพียงพอแก่การครองชีพหรือต้องเช่าที่ดินของผู้อื่นประกอบเกษตรกรรมจำนวนมาก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ส.ป.ก. พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งควรติดตามดูแลให้เกษตรกรสามารถรักษาที่ดินที่ได้รับให้เป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และควรกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13494 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗๕ กับทางหลวงชนบท นฐ. ๕๐๒๒ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13495 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน 500 ล้านบาท | พม | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท เพื่อไว้ใช้เป็นเงินทุนในการหมุนเวียนและรองรับธุรกรรมการรับจำนำของประชาชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อประกันการขาดสภาพคล่องทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานธนานุเคราะห์ รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง การวางแผนการเงินล่วงหน้า และการพัฒนาระบบการบริหารทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ในทุกช่วงเวลา และไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13496 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเห็นสมควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และข้อสังเกตให้สำนักงานศาลยุติธรรมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้สอดคล้องกับการปรับเพดานโทษที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องมีประกัน รวมทั้งกำหนดให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน ๑๐ ปีขึ้นไป และข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรา ๑๖๑/๑ ที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามเฉพาะโจทก์ที่ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต รวมทั้งเห็นควรดำเนินการจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฐานข้อมูลเรื่องการฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องไว้ต่างศาลกัน ให้มีการรวบรวมและเชื่อมโยงระหว่างศาลเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี และควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยวิธีการที่ไม่ต้องมีหลักประกันให้มากขึ้น เพื่อให้โอกาสผู้ต้องหาหรือจำเลยไปแสวงหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี ซึ่งอาจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือให้ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้นำทางศาสนาสามารถประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13497 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนมีสิทธินำเงินบริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ การบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้โดยให้ครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าในเมือง และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ที่ต้องการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่า ตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนที่ผ่านมา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ ควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ภาคเอกชนและภาคประชาชนเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เพื่อกระตุ้นให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนให้มากขึ้น รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาหากมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13498 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13499 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมภายใต้รัฐมนตรีว่าการแห่งรัฐว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านของระบบนิเวศน์และการพัฒนาสังคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมภายใต้รัฐมนตรีว่าการแห่งรัฐว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านของระบบนิเวศน์และการพัฒนาสังคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการคมนาคมสาขาต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งระบบราง การขนส่งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงการขนส่งมวลชนในเมืองและการขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด โดยทั้งสองประเทศจะจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ตามขอบเขตความร่วมมือ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้เชี่ยวชาญ การเยือนของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคระดับสูง การจัดสัมมนาและการประชุมร่วมกัน ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดวันที่จะมีการลงนามในร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ที่ชัดเจน แต่จะได้ประสานงานกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสเพื่อเร่งรัดให้มีการลงนามได้โดยเร็วต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับกรณีการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13500 | ร่างบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) | ทส | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Standard Letter of Agreement : LOA) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ : การสร้างความยั่งยืนผ่านกลไกทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในประเทศไทย [Nationally Determined Contribution (NDC) Support Project : Delivering Sustainability through Climate Finance Actions in Thailand] และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ เพื่อดำเนินโครงการ NDC โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเรื่องการให้การสนับสนุนแก่โครงการ NDC เช่น สนับสนุนสำหรับความช่วยเหลือตามที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC (ความช่วยเหลือเชิงวิชาการ การอำนวยความสะดวกในการจัดประชุมหรือการฝึกอบรม การตีพิมพ์รายงานการวิเคราะห์ ฯลฯ) และสนับสนุนการให้งบประมาณช่วยเหลือ จำนวน ๙๓๑,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ เป็นต้น ส่วนโครงการ NDC มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายได้ตามแนวทางการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๒๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำแผนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแผนด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณากำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC
|
.....