ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 655 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13081 - 13100 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13081 | ขอความเห็นชอบการขยายระยะเวลาและขยายฐานรายได้ของกลุ่มเป้าหมายการรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายระยะเวลาให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่แรกเกิด-๖ ปี แบบขยายฐานรายได้ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท/คน/ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งการขยายฐานรายได้ดังกล่าวสอดคล้องกับการใช้ฐานเกณฑ์รายได้ของผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ แต่จะมีผลทำให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งจะต้องคำนึงถึงแผนการคลังระยะปานกลางและการจัดเก็บรายได้แผ่นดิน ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ คาดการณ์กลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๑,๔๔๓,๔๙๖ คน งบประมาณทั้งสิ้น ๑๐,๓๙๓,๑๗๑,๒๐๐ บาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ตั้งรองรับไว้แล้ว จำนวน ๖,๙๐๘,๑๓๔,๔๐๐ บาท ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นไปตามข้อเท็จจริงของฐานรายได้ผู้มีสิทธิ์ในแต่ละปี และจำนวนเด็กที่มีสิทธิ์ให้มีความชัดเจน ถูกต้องและครอบคลุม โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้ได้รับสิทธิ์จากโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดกับโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงการคลังศึกษาการจ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลผู้มีสิทธิ์ไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับการจัดสวัสดิการของรัฐในกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน กำหนดให้มีกลไกและมาตรการการติดตามตรวจสอบที่รวดเร็ว ถูกต้อง สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายระยะเวลาให้เงินอุดหนุนและการขยายฐานรายได้ดังกล่าว เห็นควรให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนจัดทำรายละเอียด ข้อมูล กลุ่มเป้าหมาย พร้อมแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงกับฐานเกณฑ์รายได้ของผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับภาระงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการในระยะยาว รวมถึงพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้เงินจากการให้เงินแบบให้เปล่าไปสู่การให้เงินแบบมีเงื่อนไข (Conditional Cash Transfer) เช่น การให้พ่อแม่นำเด็กเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด การเข้ารับการตรวจสุขภาพตามระยะเวลา การเข้าเรียนตามเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงวัยเรียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13082 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ] | กค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีเกี่ยวกับสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Regional Operation Headquarters : ROH) สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center : ITC) ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามโครงการต่อต้านการกัดกร่อนฐานภาษีและการโยกย้ายกำไร (BEPS) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) อันสืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก Inclusive Framework on Base Erosion and Profit Shifting (Inclusive Framework on BEPS) ซึ่งจัดตั้งโดย OECD จึงต้องนำโครงการดังกล่าวมาปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการชักจูงให้บริษัทที่เป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ๒ (ROH2) สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) มาขออนุมัติเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13083 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาบรรพชาอุปสมบท โครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยไม่ถือเป็นวันลา | พศ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ โดยเตรียมการจนถึงวันลาสิกขา ระหว่างวันที่ ๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ รวมเป็นเวลา ๑๕ วัน ๑.๒ การใช้สิทธิการลาตามข้อ ๑ ดังกล่าว ให้สิทธิแก่ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เคยลาบรรพชาอุปสมบทระหว่างรับราชการแล้ว สามารถจะลาบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้อีก ๑.๓ ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เคยลาบรรพชาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาบรรพชาอุปสมบทในอนาคต ซึ่งเป็นการใช้สิทธิการลาบรรพชาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่รับราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยยังคงได้สิทธิการลาบรรพชาอุปสมบทและยังคงสิทธิในการรับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๔ การใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ผู้ลาบรรพชาอุปสมบทจะต้องเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชนร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นในโครงการอย่างชัดเจนและมีการจัดอบรมตามหลักสูตรสำหรับผู้บวชระยะสั้นที่คณะสงฆ์กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนดของโครงการแต่ไม่เกิน ๑๕ วัน หากบรรพชาอุปสมบทเป็นเอกเทศโดยไม่ได้เข้าร่วมโครงการตามที่กำหนด จะไม่ได้รับสิทธิในการลาตามมติคณะรัฐมนตรี ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของราชการหรือหน่วยงานที่จัดโครงการ และจากการร่วมบริจาคสมทบของพุทธศาสนิกชน และผู้ร่วมบรรพชาอุปสมบท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13084 | โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561 - 2570 (ดำเนินการเฉพาะในระยะที่ 1 พ.ศ. 2561 - 2564) | ศธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินงานโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ (ดำเนินการเฉพาะในระยะที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) และอนุมัติให้ดำเนินการ รวมทั้งเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณ โดยขอเบิกจ่ายในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายเป็นงบดำเนินการผลิตบัณฑิตและงบลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในสถาบันฝ่ายผลิตแพทย์ รวมจำนวนทั้งสิ้น ๓๔,๘๓๘.๔ ล้านบาท แบ่งเป็น (๑) งบดำเนินการผลิตบัณฑิตในอัตรา ๓๐๐,๐๐๐ บาท/คน/ปี หรือ ๑.๘ ล้านบาท/คน/หลักสูตร รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๐๒.๔ ล้านบาท และ (๒) งบลงทุนเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานการจัดการเรียนการสอนด้านการแพทย์ในอัตรา ๒ ล้านบาท/คน/หลักสูตร รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑๘,๓๓๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็นและความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ รวมทั้งพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้ดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้
๑. พิจารณาทบทวนการเป็นนักศึกษาคู่สัญญาของนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ แล้วนำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๒ และมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยไม่ให้นำเหตุแห่งการบรรจุแพทย์เข้ารับราชการเพื่อชดใช้ทุนมาใช้ในการขออัตรากำลังแพทย์เพิ่มขึ้นอีก ๒. ในการดำเนินโครงการฯ ให้พิจารณาดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเรื่อง การกระจายกำลังคนไปยังพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งการธำรงรักษาแพทย์ไว้ในระบบราชการด้วย ๓. พิจารณากำหนดแนวทางการร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลิตบุคลากรสาขาแพทย์และสาขาอาชีพอื่นที่ยังขาดแคลน ให้สอดคล้องกับความต้องการในภาพรวมทั้งระบบ รวมทั้งสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13085 | แผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย | สธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) เป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์มาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์และสาธารณสุข และมีเป้าหมายที่จะบูรณาการการใช้ข้อมูลพันธุกรรมในด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชน และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทำคำของบประมาณและจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผนภายใต้งบบูรณาการ รวม ๔,๕๗๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๕ ปี และอนุมัติให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นหน่วยงานกลาง และมีโครงสร้างองค์กรเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรวบรวมความต้องการพัฒนาจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนที่เหมาะสม ให้มีอุตสาหกรรมการแพทย์ เกิดการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยมีถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูง และมีการเพิ่มตำแหน่งงานสำหรับคนไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงสาธารณสุข สวรส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่า และประโยขน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข สวรส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรพิจารณาเพิ่มรายชื่อ “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ศลช.)” ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์โดยตรงตามภารกิจเข้าร่วมในรายชื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ควรกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนผลลัพธ์ของการยกระดับสุขภาพของประชาชนที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีการแพทย์แบบจีโนมิกส์ และการเกิดอุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การกำหนดกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานวิจัย/สถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพจากต่างประเทศ และการปรับโครงสร้างองค์กรของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยการจัดตั้งองค์กรเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13086 | การรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของการประชุมระหว่างประเทศ เรื่องประชากรและการพัฒนา ในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนา สมัยที่ 52 | กต | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ของการประชุมระหว่างประเทศเรื่องประชากรและการพัฒนา ในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนา สมัยที่ ๕๒ ซึ่งสหประชาชาติกำหนดให้มีการรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยไม่มีการลงนามในช่วงการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนา (Commission on Population and Development : CPD) ครั้งที่ ๕๒ ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความสำคัญของแผนปฏิบัติการของการประชุมระหว่างประเทศเรื่องประชากรและการพัฒนา (Programme of Action of the International Conference on Population and Development : PoA of ICPD) ซึ่งมีส่วนช่วยอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ และความจำเป็นของการได้รับเงินสนับสนุนที่เพียงพอในการอนุวัติ PoA of ICPD สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการอนุวัติ PoA of ICPD ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐบาล หน่วยงานสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศ องค์การระดับภูมิภาค ภาคประชาสังคม และองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐ ร่วมกันอนุวัติ PoA of ICPD และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนฯ ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13087 | การรับรองเอกสารหลักการแวนคูเวอร์ในการรักษาสันติภาพและการป้องกันการเกณฑ์และการใช้ประโยชน์จากทหารเด็ก (Vancouver Principles on Peacekeeping and the Prevention of the Recruitment and Use of Child Soldiers) | กห | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองเอกสารหลักการแวนคูเวอร์ในการรักษาสันติภาพและการป้องกันการเกณฑ์และการใช้ประโยชน์จากทหารเด็ก (Vancouver Principles on Peacekeeping and the Prevention of the Recruitment and Use of Child Soldiers) มีสาระสำคัญในการส่งเสริมหลักการในการคุ้มครองเด็กและการปกป้องเด็กจากการเกณฑ์และบังคับให้เป็นทหารในสถานการณ์การขัดกันด้วยอาวุธ โดยได้เน้นย้ำความสำคัญของการคุ้มครองเด็กในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพทั้งของสหประชาชาติและภายใต้องค์การระหว่างประเทศระดับภูมิภาค โดยเอกสารหลักการแวนคูเวอร์ฯ ได้เสนอให้บรรจุประเด็นการคุ้มครองเด็กและการปกป้องเด็กจากการเกณฑ์และบังคับให้เป็นทหารในการกำหนดอาณัติ (Mandate) การวางแผนกองกำลัง การฝึกอบรม การเฝ้าระวังและรายงาน มาตรการในการคุ้มครองและดูแลเด็ก การสอบสวน การรักษาวินัยของกองกำลังที่เข้าร่วมภารกิจ การส่งเสริมบทบาทสตรี การปลดอาวุธและการกลับคืนสู่สังคม และการสนับสนุนให้ประเด็นการบังคับเด็กเป็นทหารเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณามาตรการลงโทษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือกับกลไกของสหประชาชาติและประเทศสมาชิกในการจัดทำแนวปฏิบัติที่ดี และให้ผู้แทนกระทรวงกลาโหมที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารหลักการแวนคูเวอร์ฯ ในการประชุม “2019 United Nations Peacekeeping Ministerial on Uniformed Capabilities, Performance and Protection” ในวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รวมทั้งมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13088 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการตรวจคนเข้าเมือง | กค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการตรวจคนเข้าเมือง ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการตรวจคนเข้าเมืองตามร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น (๑) การกำหนดให้นำเงินกองทุนเพื่อการตรวจคนเข้าเมืองไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองระหว่างรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ควรจะดำเนินการเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนั้นได้ และหากเป็นกรณีที่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปก่อน เงินค่าใช้จ่ายที่ได้รับคืนในภายหลังนั้น จะต้องพิจารณาว่าสมควรที่จะนำกลับเข้ากองทุนเพื่อการตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ (๒) การกำหนดให้มีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางอากาศระหว่างประเทศ ไม่ควรหมายความรวมถึงผู้โดยสารซึ่งถือหนังสือเดินทางไทย และผู้โดยสารชาวต่างชาติที่เดินทางในราชอาณาจักร และ (๓) กรณีการเรียกค่าธรรมเนียมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรเรียกเก็บเท่าที่จำเป็นต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการจัดทำร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13089 | รัฐบาลราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทย (นายษามิร อัลอัดวาน) | กต | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายษามิร อัลอัดวาน (Mr.Thamer Al-Adwan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายมุฮัมมัด ชะเราะรี บะคีต เอล ฟะเยซ (Mr.Mohamad Sharari Bakheet El Fayez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13090 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (นายไมตรี อินทุสุต) | พม | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไมตรี อินทุสุต เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13091 | การแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวงชุดใหม่ (จำนวน 14 คน 1. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ฯลฯ) | กษ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิฝนหลวงชุดใหม่ แทนคณะกรรมการชุดเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งไว้เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีองค์ประกอบ รวม ๑๔ คน ส่วนอำนาจหน้าที่ให้คงเดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก ประธานกรรมการ ๒. นายจรัลธาดา กรรณสูต รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๔. เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน กรรมการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๕. ผู้บัญชาการทหารอากาศ กรรมการ ๖. เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ กรรมการ ๗. อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการ ๘. อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการ ๙. อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรรมการ ๑๐. ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรรมการ ๑๑. นายรอยล จิตรดอน กรรมการ ๑๒. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการ ๑๓. อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรรมการและเลขานุการ ๑๔. นายวัฒนา สุกาญจนาเศรษฐ์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13092 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 (นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล) | วธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย สาขาทัศนศิลป์ในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13093 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 | มท | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย หัวข้อในการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ช่วงเวลาการดำเนินการ “ระหว่างวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒-๑๗ เมษายน ๒๕๖๒” และมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ (๑) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน (๒) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม (๓) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ (๔) มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ (๕) มาตรการความปลอดภัยทางน้ำ (๖) มาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และ (๗) มาตรการบริหารจัดการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13094 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มียุ้งฉางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรเป็นของตนเองได้รวมกลุ่มกันและจัดให้มียุ้งฉางกลางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรร่วมกันหรือขอรับการสนับสนุน/ช่วยเหลือด้านต่าง ๆ จากภาครัฐ ทั้งนี้ ให้นำกรณีการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการธนาคารข้าวมาเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีที่ภาครัฐดำเนินมาตรการที่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชชนิดต่าง ๆ แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงเกษตรกรรายย่อย เกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เพาะปลูก รวมทั้งเกษตรกรที่บุกรุกพื้นที่ของทางราชการ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งประสานงานและบูรณาการการบริหารจัดการน้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำในฤดูแล้ง โดยเร่งดำเนินการบูรณะฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก รวมทั้งให้ควบคุมดูแลการบริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยด่วนเพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๒ เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพิ่มแหล่งน้ำในเขตชุมชนให้มากขึ้น เช่น การขุดเจาะน้ำบาดาล ระบบประปาหมู่บ้าน ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเกี่ยวกับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจสังคม และเทคโนโลยีในอนาคต โดยกำหนดสัดส่วนการบรรจุอัตรากำลังสำหรับบุคคลที่มีศักยภาพดังกล่าวกับระบบการสรรหาปกติให้มีความเหมาะสม ตลอดจนกำหนดมาตรการจูงใจ ทั้งด้านค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในสายอาชีพสำหรับบุคคลที่จะเข้ามาสู่ระบบการสรรหาและเลือกสรรดังกล่าว รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้เกษียณอายุราชการที่มีศักยภาพสามารถปฏิบัติงานในสาขาที่ยังมีความต้องการผู้มีทักษะหรือความสามารถเฉพาะด้านอีกทางหนึ่งด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจสำหรับสถาบันการศึกษาในการผลิตนักศึกษาให้รองรับกับความต้องการบุคลากรในแต่ละสาขาให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย ๒.๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางรับไปประสานงานกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อรวบรวมผลงานสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการตามแนวพระราโชบายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือโครงการที่ส่วนราชการดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น การปรับปรุงสภาพลำน้ำ คูคลอง การปรับภูมิทัศน์ของสายทางต่าง ๆ รวมทั้งการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของประชาชนริมฝั่งคลองต่าง ๆ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13095 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลังสอดคล้องกับสภาพการณ์และโครงสร้างปัจจุบันของส่วนราชการ และเพื่อให้การดำเนินคดีตามกฎหมายการเงินการคลังเป็นไปอย่างรัดกุม รวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13096 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านพรมแดนบ้านเขาดินของด่านศุลกากรอรัญประเทศ) | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เป็นด่านพรมแดนบ้านเขาดินของด่านศุลกากรอรัญประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13097 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 ณ เมืองเสียมราฐราชอาณาจักรกัมพูชา | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๑-๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมในฐานะประธานการประชุมและปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยร่วมการประชุมดังกล่าว โดยที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และได้ให้ความเห็นชอบแผนการทำงานในปี ๒๕๖๒ (RCEP Work Plan for 2019) ที่ระบุเป้าหมายผลสำเร็จของการประชุมแต่ละรอบ โดยรัฐมนตรีทุกประเทศยืนยันที่จะให้มีการสรุปผลการเจรจาทั้งหมดภายในปี ๒๕๖๒ และได้มอบแนวทางผลักดันการเจรจาเปิดตลาด โดยขอให้เพิ่มความเข้มข้นในการหารือสองฝ่ายทั้งในและระหว่างรอบการประชุมเพื่อหาข้อสรุปที่พึงพอใจร่วมกันโดยเร็ว รวมทั้งได้มีการลงนามพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement : AJCEP) เพื่อผนวกบทการค้าบริการ บทการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และบทการลงทุนกับความตกลง AJCEP ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13098 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2561 | นร11 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ การจ้างงานขยายตัวดีขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานลดลง รายได้และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเจ็บป่วยยังต้องเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี ๒๕๖๒ ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ ลดลง คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่ตามมา การเกิดอุบัติเหตุลดลง แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ การเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานในอนาคต และการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นอย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13099 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2561 | สธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ที่ผ่านการเห็นชอบโดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยรายงานดังกล่าวครอบคลุมสาระสำคัญรวม ๘ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านความครอบคลุมค่าใช้จ่าย (๒) ด้านความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๓) หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๔) ด้านความครอบคลุมการใช้บริการสุขภาพ (๕) คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข (๖) การคุ้มครองสิทธิ (๗) การมีส่วนร่วมพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ (๘) ความท้าทายในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13100 | การแต่งตั้งคณะกรรมการ PISA แห่งชาติ [โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA)] | ศธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ PISA แห่งชาติ [โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA)] รวม ๑๕ คน โดยมีนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองประธานกรรมการ และผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อให้มีคณะกรรมการดำเนินงานด้านนโยบายในการกำหนดทิศทางและการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาการศึกษาของประเทศ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษาของประเทศในทุกภาคส่วนได้ประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจังและสร้างเครือข่ายการดำเนินงานแบบบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของชาติ รวมทั้งเพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการดำเนินงานสำหรับการเข้าร่วมโปรแกรม PISA ในรอบการประเมิน PISA 2021 ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกร่วมขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) แล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้จ่ายในการประชุม และค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการ เห็นควรให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไป
|
.....