ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 653 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13041 - 13060 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13041 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมาตรฐานในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ฯลฯ) | อก | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ๒. นายสุวิทย์ อมรนพรัตนกุล ๓. นางอัจฉรา เจริญสุข ๔. นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ๕. นายธวัช ผลความดี ๖. นางพรรณี อังศุสิงห์ ๗. นายเขมทัต สุคนธสิงห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13042 | การเตรียมความพร้อมในการทำน้ำอภิเษกของจังหวัด | มท | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมความพร้อมในการทำน้ำอภิเษกของจังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทยได้ประสานแจ้งจังหวัดเพื่อรับทราบเกี่ยวกับกำหนดการพิธีพลีกรรมตักน้ำ พิธีทำน้ำอภิเษก พิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก การเชิญคนโทน้ำอภิเษกไปเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย การซักซ้อมการเดินริ้วขบวน การเดินริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และรายละเอียดต่าง ๆ อาทิ เครื่องบวงสรวง บทเจริญพระพุทธมนต์ คาถาพลีกรรมตักน้ำ คาถาจุดเทียนชัย คาถาดับเทียนชัย คาถาตักน้ำใส่คนโท คำกล่าวโองการบวงสรวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13043 | แนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2562 (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) | วธ | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ ดำเนินการภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย” โดยมีแนวทางในการจัดกิจกรรมภาพรวมของประเทศ ๓ แนวทาง ได้แก่ (๑) การรณรงค์จัด “สงกรานต์แบบไทย” (๒) การรณรงค์ “ใช้น้ำคุ้มค่า” และ (๓) การรณรงค์ “ทุกชีวาปลอดภัย” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13044 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖๗/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13045 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | นร | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
๑. ที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๔ คณะ ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง วิเคราะห์โครงการ และติดตามประเมินผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (๒) ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีสัญจร และงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ (๓) แผนและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ และ (๔) ความก้าวหน้าการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณา กลั่นกรองข้อกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งระบบ ประกอบด้วยแผนหลัก ๖ ด้าน งบประมาณรวม ๕,๗๐๑.๕ ล้านบาท (ปี ๒๕๖๓-๒๕๗๒) และแผนปฏิบัติการเร่งด่วน ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณรวม ๑,๕๑๓.๕ ล้านบาท พร้อมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบและดำเนินการตามระเบียบงบประมาณต่อไป รวมทั้งมอบหมายกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมประมง เป็นหน่วยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในบึงบอระเพ็ด และมอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการปรับปฏิทินปลูกพืช พื้นที่บึงบอระเพ็ด ๓. ที่ประชุมรับทราบการจัดงานวันน้ำโลกและสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ และเรียนเชิญกรรมการทุกท่านและหน่วยงานเข้าร่วมงานดังกล่าวในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ Westgate hall ชั้น ๔ Central Plaza Westgate จังหวัดนนทบุรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13046 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด | นร01 | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ด้านการตลาด ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ด้านการตลาด ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (ยกเว้นภาคใต้) ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ๒. สรุปผลการดำเนินโครงการฯ เกษตรกรมีความพึงพอใจในนโยบายของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการเก็บรักษาข้าวไว้ขายในช่วงที่กลไกตลาดมีความต้องการให้ข้าวเข้าสู่ตลาดเพื่อให้ได้รับราคาขายที่สูงขึ้น และมีความต้องการให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนกระบวนการผลิตในการลดความชื้นของข้าว เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและราคาขายสูงขึ้น รวมทั้งต้องการให้สนับสนุนการสร้างลานตากข้าว เครื่องอบความชื้นที่มีขนาดใหญ่ให้กับสถาบันเกษตรกร (มีราคาสูงเกินกำลังการจัดซื้อของสถาบันเกษตรกรในพื้นที่) และต้องการให้ชลประทานจังหวัดมีการดำเนินการระบบชลประทานให้เข้าถึงการทำการเกษตรที่มีพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตข้าวและลดความเสียหายจากภัยแล้งให้แก่เกษตรกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13047 | รายงานสรุปผลการประชุม UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : For the Benefit of All ครั้งที่ 3 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กก | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมองค์การการท่องเที่ยวโลก (United Nations World Organization : UNWTO) และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization : UNESCO) World Conference on Tourism and Culture : For the Benefit of All ครั้งที่ ๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ นครอิสตันบลู สาธารณรัฐตุรกี ระหว่างวันที่ ๒-๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม UNWTO/ UNESCO จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาแนวทางการพัฒนาด้านสังคมและการอนุรักษ์วัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นการสร้างหุ้นส่วนภาคการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ ภายใต้การเกื้อหนุนซึ่งกันและกันโดยการใช้ประโยชน์จาก Digital Transformation โดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมอลตาได้กล่าวเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยได้เน้นย้ำว่าวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยว และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงคนทั่วโลก ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การสร้างเสริมความร่วมมือระหว่างประกอบการด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม” (Strengthening Collaboration between Tourism and Culture Stakeholders) โดยที่ประชุมรับทราบว่าวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของความเจริญเติบโตของการท่องเที่ยวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ดังนั้น การปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวสามารถดำเนินการร่วมกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ความท้าทายหลัก คือ การสร้างความน่าสนใจให้กับแหล่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้น ๓. การหารือระดับทวิภาคีกับฝ่ายตุรกี ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือ การส่งเสริมและแลกเปลี่ยนสินค้าด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายตุรกีได้แสดงความยินดีกับไทยเกี่ยวกับบทบาทของไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและชื่นชมที่ไทยเป็นสถานที่ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วนฝ่ายไทยได้แจ้งถึงผลงานการท่องเที่ยวของไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ และแจ้งให้ทราบถึงโครงการรณรงค์ใช้ภาชนะหมุนเวียนในเขตอุทยาน โดยมีแคมเปญ “อเมซิ่ง ปิ่นโต” เพื่อสนับสนุนการลดใช้พลาสติกให้ฝ่ายตรุกีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13048 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13049 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งควรให้นายทะเบียนกลางหรือนายทะเบียนประจำจังหวัดพิจารณากำหนดแนวทางให้สภาองค์กรของผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนงานตามร่างมาตรา ๖ เร่งดำเนินการจัดทำแบบและวิธีการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และตรวจสอบลักษณะขององค์กรของผู้บริโภคและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดในการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตลอดจนควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทำงานร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดในกรณีการดำเนินคดีของสภาองค์กรของผู้บริโภค สำหรับการจัดสรรเงินอุดหนุนให้เพียงพอต่อการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ให้รวมถึงการดำเนินงานของสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภคกับหน่วยงานประจำจังหวัดด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13050 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า การสร้างความร่วมมือของเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อการดูแลรักษาป่ามีความจำเป็น และคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดควรอนุญาตให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนยืนยันการใช้แผนจัดการป่าชุมชนเดิมได้ หากแผนเดิมยังมีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นแผนได้ในระยะต่อไป เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชน รวมถึงควรคำนึงถึงพื้นที่ป่าชุมชนที่มีซากดึกดำบรรพ์มิให้ได้รับความเสียหายจากการใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ป่าชุมชนด้วย นอกจากนี้ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมป่าไม้ได้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำแผนจัดการป่าชุมชนด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13051 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขปรับปรุงเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรภายในรัฐวิสาหกิจ การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ หน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจ การจัดทำโครงสร้างกรอบอัตรากำลัง และการกำหนดงบประมาณรองรับภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนกำหนดนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ไว้เป็นการเฉพาะ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13052 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ควรแยกการกำหนดบทบัญญัติที่เป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการประกาศกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดและค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บไว้ต่างหากออกจากหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับการออกประกาศเพื่อการควบคุมเครื่องมือแพทย์หรือการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ควรจัดให้มีระบบการแจ้งเตือนเป็นระยะก่อนใบจดทะเบียนสถานประกอบการ ใบอนุญาต ใบรับแจ้งรายการละเอียด หรือใบรับจดแจ้ง สิ้นอายุ ควรมีการบริหารจัดการเงินที่จัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอและค่าขึ้นบัญชีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยค่าใช้จ่ายและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บดังกล่าวต้องไม่เป็นการสร้างภาระแก่ผู้ประกอบการเกินสมควร และเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาต้องกำหนดมาตรการที่ยกเว้นหรือผ่อนคลายการควบคุมนวัตกรรมและเทคโนโลยีดังกล่าวตามความเหมาะสม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13053 | รายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว | ศย | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว (Electronic Monitoring : EM) ระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จากศาลที่เข้าร่วมโครงการ ๑๖๔ ศาล (ศาลนำร่อง ๒๓ ศาล และกลุ่มศาลที่มีการขยายเพิ่มเติม ๑๔๑ ศาล) โดย (๑) มิติประสิทธิผล มีการสั่งใช้ EM ๖,๒๖๗ ครั้ง ผู้ใช้ EM มารายงานตัวต่อศาลตามวันนัดและไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ๖,๑๐๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๗ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕) หลบหนี ๑๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒.๕๒ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่เกินร้อยละ ๕) (๒) มิติประสิทธิภาพ ระยะเวลาในการติดตั้งอุปกรณ์รวดเร็วขึ้น ด้านการประหยัด จากเดิมที่มีการใช้ EM จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑๑๐.๑๔ ล้านบาท ในศาลนำร่อง ๒๓ ศาล สามารถขยายบริการไปอีก ๑๔๑ ศาล โดยใช้งบประมาณในการเช่าอุปกรณ์ระบบเท่าเดิม (๓) มิติผลกระทบ สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม คนยากจนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน และ (๔) ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการใช้ EM ไม่ควรเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้ EM ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) การเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้อุปกรณ์จะต้องพิจารณาถึงคดีที่ต้องโทษ ฐานะ ความเป็นอยู่เป็นกรณีไป การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการลงโทษแบบใช้อุปกรณ์รับส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวดังกล่าวต่อคนในสังคมให้มากขึ้น และการปรับปรุงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งในด้านรูปแบบและระบบติดตามที่มีประสิทธิภาพใช้งานได้อย่างเที่ยงตรง (๒) การบริหารจัดการให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด และ (๓) การพิจารณาเพิ่มเติมการรายงานตัวของผู้ใช้อุปกรณ์กับผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว การประเมินการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว รวมถึงการประเมินผลกระทบโดยการสัมภาษณ์ครอบครัวซึ่งมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดที่จะสะท้อนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตหรือการปฏิบัติของผู้ต้องหา เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมอันนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหามิให้กลับไปกระทำความผิดซ้ำ และการเปรียบเทียบงบประมาณการดำเนินงานระหว่างการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับกรณีที่ไม่ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปล่อยชั่วคราว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13054 | รายงานประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา | ศธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานประจำปี ๒๕๕๙ และประจำปี ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามพันธกิจของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ๖ พันธกิจ ประกอบด้วย (๑) แผนงานกำหนด กำกับ ดูแลมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา (๒) แผนงานออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (๓) แผนงานส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพ ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ (๔) แผนงานส่งเสริม สนับสนุน การวิจัย และการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา (๕) แผนงานส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง และผดุงเกียรติวิชาชีพและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และ (๖) แผนงานการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ ๒. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13055 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปีงบประมาณ 2561 | นร63 | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงาน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองแบบไม่มีเงื่อนไข ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13056 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ส่วนช่องนนทรี-สาทร) ของสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (๒) โครงการทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ สายร้องกวาง-น่าน ตอนที่ ๒ ของกรมทางหลวง (๓) โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑-ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี (๔) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ (๕) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ประชานิเวศน์ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๖) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ๒. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ (๒) สรุปผผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (๓) การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และ (๔) ผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13057 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับเกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฟูกูโอกะ ณ อาคาร Hakataza Nishigin, Hakata-Riverain-East-Site ชั้น ๑๑ Shimokawabatabashi, Hakata-ku เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนญี่ปุ่นและไทยถึงเหตุผลในการเปิดที่ทำการ ททท. แห่งที่ ๓ ในประเทศญี่ปุ่น นโยบายในการรองรับและดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปประเทศไทย รวมทั้งแนวทางในการเพิ่มความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและญี่ปุ่นในอนาคต โดยภารกิจหลักของ ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ คือ ส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ คือ เน้นการส่งเสริมการตลาดที่มุ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มที่สนใจการกีฬาโดยเฉพาะกอล์ฟและมาราธอน เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เป็นประธานในงานเลี้ยง Networking Lunch ณ ห้องเฮอัน ขั้น ๔ โรงแรมโอคุระ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยรองผู้ว่าการด้านการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ได้นำเสนอรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเด่นที่จะดำเนินการในปี ๒๕๖๒ ของ ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ ให้แก่ผู้มีเกียรติภายในงานได้รับทราบ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กล่าวแสดงความยินดีในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานในหลายมิตินอกเหนือจากด้านการท่องเที่ยวซึ่งได้พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นลำดับ และประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะสร้างความเจริญเติบโตในภูมิภาคนี้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (Two way tourism) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13058 | สรุปผลการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศ ครั้งที่ 81 ของ UNECE | คค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศ ครั้งที่ ๘๑ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับยุโรป (United Nations Economic Commission for Europe : UNECE) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) การกล่าวเปิดการประชุมโดยเลขาธิการบริหารของ UNECE (๒) การอภิปราย (Panel Debates) โดยผู้แทนระดับสูง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “ความท้าทายและความร่วมมือในการพัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับการขนส่งทุกรูปแบบ” (๓) การรับรองข้อมติรัฐมนตรี เรื่อง “การส่งเสริมความร่วมมือ การประสานและบูรณาการในยุคของการขนส่งอัตโนมัติ” (Ministerial Resolution on Enhancing Cooperation, Harmonization and Integration in the Era of Transport Digitalization and Automation) มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศของ UNECE โดยการจัดให้มีเวทีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการนำระบบดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อพัฒนาความปลอดภัยในการขนส่ง และสมรรถนะในการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม และ (๔) การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับเลขาธิการบริหาร International Transport Forum (ITF) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13059 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานพินิจ สำหรับใช้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อนำตัวเยาวชนออกมานอกสถานที่ควบคุม หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเองหรือบุคคลอื่นในกรณีที่เกิดความไม่สงบในสถานที่ควบคุม อันเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และนำข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้เครื่องพันธนาการแก่เด็กและเยาวชนตามที่กำหนดในร่างข้อ ๓ อาจยังไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องโทษหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำความผิดหญิง ข้อ ๒๔ ที่กำหนดหลักการห้ามใช้เครื่องพันธนาการไม่ว่ากรณีใด ๆ กับผู้ต้องโทษหญิงในระหว่างที่หญิงนั้นเจ็บครรภ์ใกล้คลอดบุตรหรือในระหว่างคลอดบุตร รวมถึงภายหลังจากคลอดบุตรโดยพลันด้วย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้ต้องโทษหญิงและบุตรของผู้ต้องโทษหญิงนั้น จากภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องพันธนาการ ซึ่งหลักการดังกล่าวย่อมนำมาใช้กับเด็กและเยาวชนหญิงที่กระทำความผิด ซึ่งอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13060 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามข้อผูกพันในการกู้เงินจากต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามข้อผูกพันในการกู้เงินจากต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๑ และยกร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๘๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินทดรองราชการตามโครงการเงินกู้ต่างประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขข้อความในร่างข้อ ๑๑ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับกรณีที่ค่าเงินเปลี่ยนแปลง โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศในรูปของเงินบาทไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้ เห็นควรให้กรมบัญชีกลางและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การบริหารเงินงบประมาณเป็นไปตามที่วางแผนไว้และไม่กระทบการจัดสรรเงินงบประมาณในปีต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
.....