ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 659 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13161 - 13180 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13161 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 และวันที่ 30 กันยายน 2559 | กษ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบการสอบบัญชี โดยขอให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรพิจารณาดำเนินการติดตามเร่งรัดการชำระหนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การชำระหนี้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเป็นไปตามแผนการชำระคืนเงินกู้ยืมอย่างเคร่งครัดมิให้มีหนี้ค้างนานจนเป็นเหตุให้เกิดหนี้สูญ รวมทั้งบริหารจัดการกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้จ่ายเงินในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว พร้อมทั้งได้แจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13162 | รัฐบาลสาธารณรัฐปารากวัยเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปารากวัยประจำประเทศไทย (นายเฟลมิง ราอุล ดูอาร์เต ราโมส) | กต | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฟลมิง ราอุล ดูอาร์เต ราโมส (Mr. Fleming Raul Duarte Ramos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปารากวัยประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายเคนาโร วิเซนเต ปัปปาลาร์โด อายาลา (Mr. Genaro Vicente Pappalardo Ayala) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13163 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรใช้อำนาจตามกฎหมาย ประกอบกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งของสำนักงาน ก.พ. พิจารณากำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับภารกิจ โดยได้เสนอข้อสังเกตดังกล่าวให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญในฐานะประธานองค์กรกลางบริหารงานบุคคลในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญรับทราบแล้ว ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13164 | รายงานภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และการตรวจเยี่ยมแรงงานไทย ณ สหพันธ์ สาธารณรัฐเยอรมนี | รง | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการเดินทางไปปฏิบัติราชการเพื่อยื่นจดทะเบียนสัตยาบันสารอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ฉบับที่ ๑๘๘ ว่าด้วยการทำงานในภาคการประมง พ.ศ. ๒๕๕๐ (ค.ศ. ๒๐๐๗) ต่อผู้อำนวยการใหญ่ ILO และร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแนวทางปฏิบัติที่ดีในการอนุวัติอนุสัญญาฯ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและเดินเรือทะเลของ ILO ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และหารือความร่วมมือกับสถาบันการเชื่อม SLV Mannheim พร้อมตรวจเยี่ยมการพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานไทยในต่างประเทศ กิจกรรมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ประกอบอาหารไทย และตรวจเยี่ยมแรงงานไทย ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๒๙ มกราคม-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13165 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2562 | กค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การจัดทำร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อใช้เป็นหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีของรัฐวิสาหกิจแทนหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ปี ๒๕๕๒ (๒) การพิจารณาอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น และ (๓) การแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ๖ แห่ง ได้แก่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หากประเด็นการควบรวมกิจการของทั้ง ๒ บริษัทมีความชัดเจนและได้ข้อยุติแล้ว เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการยุบเลิกบริษัท โครงข่ายบรอดแบรนด์แห่งชาติ จำกัด และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินภารกิจการให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13166 | การรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment | กค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ National-e-Payment ซึ่งได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ National-e-Payment อย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์และได้รับการยอมรับในระดับสากล ๑.๒ เห็นชอบให้ยุติบทบาทของคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ National-e-Payment เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถผลักดันและพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศไทยภายใต้กรอบภารกิจของตนเองให้เข้าสู่ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างครบวงจร จึงไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยการขับเคลื่อนในรูปแบบของคณะกรรมการอีกต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมีการติดตามและรวบรวมความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งบูรณาการฐานข้อมูลการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป นอกจากนี้ การประสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐมีความสำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน การมีกลไกดังกล่าวระหว่างหน่วยงานจะช่วยสนับสนุนให้การขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการดำเนินงานในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13167 | รายงานการเข้าร่วมการประชุม International Conference on Universal Child Grants ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมการประชุม International Conference on Universal Child Grants ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ ระหว่างวันที่ ๖-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) และสถาบันพัฒนาองค์กร (the Overseas Development Institute : ODI) ได้จัดการประชุมฯ ขึ้น เพื่อให้ผู้แทนรัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย นักวิจัย และผู้แทนหน่วยงานระหว่างประเทศได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อเด็กและความเป็นไปได้ในการให้เงินอุดหนุนเด็กแบบถ้วนหน้า โดยกิจกรรมในระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ การอภิปรายโต๊ะกลมเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนเด็กแบบถ้วนหน้า และการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่ออภิปรายในหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น นโยบายเงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้ากับการคุ้มครองทางสังคม การกำหนดนโยบายเพื่อขจัดความยากจนและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับเด็ก นโยบายเงินอุดหนุนเด็กแบบถ้วนหน้าในมุมมองเศรษฐศาสตร์การเมือง การออกแบบกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและความเป็นอยู่ของเด็ก รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของเด็กพิการหรือทุพพลภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (The Thailand Development Research Institute : TDRI) ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ในหัวข้อ “การแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเสี่ยงต่อความยากจนที่ยังตกหล่นจากโครงการเงินอุดหนุนเพื่อเด็กแรกเกิดในประเทศไทย” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13168 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าที่นำเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ร่างประกาศดังกล่าวควรมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ชัดเจน รัดกุม ตรวจสอบได้ รวมทั้งสอดคล้องกับกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และควรพิจารณากำหนดประเภทสินค้าที่มีการยกเว้นภาษีสรรพสามิตในร่างประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นไปตามมาตรา ๑๐๙ แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างประกาศดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13169 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดหนองคาย | กษ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประกวดราคากรณีรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดหนองคาย โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) จากบริษัทพระราม ๒ การโยธา จำกัด ในราคาค่าก่อสร้างรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๘๙๕,๘๘๘,๐๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าวงเงินงบประมาณและต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด อีกทั้งได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสำนักงบประมาณด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดหนองคาย ผู้เสนอราคารายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นสมควรจ้างเสนอราคาแตกต่างจากที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางคำนวณไว้ โดยเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกินกว่าร้อยละ ๑๕ ซึ่งตามเอกสารแนบท้ายประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดราคากลางงานก่อสร้าง กำหนดไว้ว่า “ในกรณีที่ราคาของผู้เสนอราคารายที่ส่วนราชการเห็นสมควรจ้างแตกต่างจากราคากลางที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางคำนวณไว้ ตั้งแต่ร้อยละ ๑๕ ขึ้นไป โดยใช้ราคาของผู้เสนอราคารายที่หน่วยงานของรัฐเห็นสมควรจ้างเป็นฐานในการคำนวณ ให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางหรือผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งรายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างนั้นให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบโดยเร็ว” รวมทั้งเห็นควรดำเนินการตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13170 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาววิมล ชาตะมีนา) | กค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นางสาววิมล ชาตะมีนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13171 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2561 | สวพส. | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ซี่งที่ประชุม กปส. ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ แบ่งเป็นเรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง และเรื่องพิจารณา จำนวน ๑๑ เรื่อง รวมถึงการปรับองค์ประกอบคณะทำงานสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และการปรับแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๒. เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ปรับเพิ่ม ๕ ตำแหน่ง คือ (๑) ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นที่ปรึกษา (๒) ที่ปรึกษาพิเศษของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นที่ปรึกษา (๓) ผู้แทนสำนักพระราชวัง เป็นกรรมการ (๔) เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ และ (๕) ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการ และปรับออก ๒ ตำแหน่ง คือ ราชเลขาธิการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วให้ดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่เฉพาะ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) และแผนปฏิบัติการโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ตามแบบโครงการหลวงเพื่อการพัฒนาศักยภาพชุมชนบนพื้นที่สูง ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) สำหรับรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้ว และหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๔. ให้ กปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น (๑) ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการของหน่วยงานในระดับพื้นที่ให้มากทั้งทรัพยากรและบุคลากรเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างสูงสุด (๒) ควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประชุมร่วมกันเพื่อหารือแนวทางขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการหลวง (โครงการพระราชดำริ) เพื่อให้หน่วยงานสามารถเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้กำหนดไว้โดยเร็วต่อไป (๓) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกิจกรรมหรือโครงการที่เข้าข่ายที่จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และ (๔) การขยายตัวของชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและขยายการเพาะปลูก รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับรับโครงการฯ ควรคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความสมดุลธรรมชาติในระยะยาว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13172 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น (๑) มาตรการระยะสั้น (ควรดำเนินการในช่วง ๑-๒ ปี) ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองพื้นที่ที่มีความสำคัญหรือมีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม และ (๒) มาตรการระยะยาว (ควรดำเนินการในช่วง ๓-๑๐ ปี) ได้แก่ การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การป้องกันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินศักยภาพการรองรับของพื้นที่ การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนากลไกความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสำนึกรักและหวงแหน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ การพิจารณาถึงความกลมกลืนและผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และการลดทอนคุณค่าของแหล่งศิลปกรรมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13173 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดให้คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาจประกาศยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติในภายหลังได้ เนื่องจากผู้นั้นขาดคุณสมบัติในเรื่องการมีสัญชาติไทยหรือเป็นผู้ขาดคุณธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีศิลปินแห่งชาติอาจขอลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติได้เมื่อมีเหตุขาดคุณสมบัติ และให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับกรณีศิลปินที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วต่อมาถูกยกเลิกการยกย่องเนื่องจากขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรม นั้น การยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติพิจารณาจากผลงาน ไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล เพื่อเป็นต้นแบบในการประพฤติหรือปฏิบัติเช่นรางวัลอื่นหรือไม่ ประกอบกับศิลปินบางท่านก่อนได้รับการยกย่องอาจมีวิถีชีวิตเฉพาะตัว ดังนั้น การกำหนดว่าขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรมได้กำหนดชัดเจนหรือไม่ว่าเป็น “คุณธรรม” เรื่องใด เช่น ดื่มสุราเมามาย เรื่องชู้สาว เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความในภายหลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13174 | การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ 4 (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) | นร13 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ ๔ (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมของข้อบทการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติ (Prohibition of Performance Requirements : PPR) เช่น กำหนดให้ใช้วัตถุดิบในประเทศ กำหนดสัดส่วนปริมาณหรือมูลค่าของการนำเข้าและส่งออก หรือการกำหนดปริมาณเงินตราต่างประเทศที่นำเข้ามาลงทุน ห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติที่มีระดับเกินกว่าที่ผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงว่าด้วยมาตรการการลงทุนที่เกี่ยวกับการค้า (Agreement on Trade-Related Investment Measures : TRIMs) ขององค์การการค้าโลก และกำหนดว่าสมาชิกอาเซียนจะต้องประเมินและทบทวนข้อบท PPR เพื่อพิจารณาเงื่อนไขหรือองค์ประกอบเพิ่มเติมเมื่อมีความจำเป็น เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๕ ในเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามร่างพิธีสารฯ ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารฯ ต่อไป ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว ๖. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนไทยทราบถึงขอบเขตการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติที่จะมีขึ้นจากการแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนดังกล่าว เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าของไทยกับประเทศในอนุภูมิภาคและภูมิภาคอาเซียนได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13175 | ขอความเห็นชอบโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก | กษ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้กับสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่มีสัญญาเงินกู้เพื่อการผลิตทางการเกษตร ปี ๒๕๖๑ ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ประสบภัยตามประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่นั้น ๆ และได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติจากพายุโซนร้อนปาบึก ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๒) กลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จำนวน ๖,๘๖๘ ราย ในพื้นที่ ๙ จังหวัดในภาคใต้และภาคตะวันออก ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๖๒๒,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ แผนงานยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคงและลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร งบเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลัง ปีการผลิต ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ยืนยันว่าดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีงบประมาณเหลือจ่าย จำนวน ๓๖,๒๖๖,๑๓๘.๔๒ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ร่วมโครงการฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ รวมทั้งมิให้เกิดความซ้ำซ้อนของการช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรระดับครัวเรือนที่มีพื้นที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากพายุโซนร้อนปาบึกอย่างแท้จริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบคุณสมบัติและสัญญาเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ อย่างครบถ้วน รวมถึงติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ภายหลังสิ้นสุดโครงการฯ ด้วย และนอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว ควรสนับสนุนให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับศักยภาพของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร และสอดคล้องกับสถานการณ์ความเสียหายและความต้องการในพื้นที่ เช่น การพักชำระหนี้เงินต้นให้กับสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร การลดต้นทุนในการดำรงชีพโดยการจัดหาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายให้กับสมาชิกในราคาต่ำกว่าท้องตลาด และการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายภายหลังประสบภัยธรรมชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13176 | ผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (IMG) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ สมาพันธรัฐสวิส | พณ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (Informal WTO Ministerial Gathering : IMG) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องกับการประชุมผู้นำเศรษฐกิจของโลก (World Economic Forum : WEF) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม IMG ได้มีการหารือเกี่ยวกับระบบการค้าพหุภาคีและการปฏิรูป WTO โดยเน้นย้ำความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคีโดยยึดถือกฎเกณฑ์ทางการค้าเป็นพื้นฐานสำคัญ (rule-based multilateral trading system) ซึ่งไทยเน้นย้ำความสำคัญของ WTO และระบบการค้าพหุภาคี โดยเชื่อมั่นว่าระบบการค้าพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยแก้ไขความตึงเครียด และประเด็นทางการค้า สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงระบบการค้าพหุภาคีให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อปรับปรุงกลไกการทำงานของ WTO ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขอุปสรรคของระบบการค้าพหุภาคี และเรียกร้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการปฏิรูป WTO อย่างครอบคลุม ๒. การประชุม WEF ได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและบทบาทของจีน และความร่วมมือเพื่อปฏิรูประบบอาหาร (food systems transformation) ระดับโลก ผ่านการเป็นหุ้นส่วน และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ รวมถึงการสนับสนุนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอาหาร การกำหนดนโยบายและความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วนเพื่อยกระดับนวัตกรรมด้านอาหาร ๓. การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรองอธิบดีสำนักงานเกษตรแห่งสมาพันธรัฐสวิสซึ่งมีประเด็นหารือเกี่ยวกับระบบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในสวิตเซอร์แลนด์ และการหารือกับประธานกรรมการบริหารภูมิภาคเอเชียของบริษัทเนสท์เล่ โดยไทยได้เชิญชวนให้บริษัทเนสท์เล่เข้ามาขยายการลงทุนในไทยในสาขาที่ใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพหรืออาหารจากพืช โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบทดแทนผลิตภัณฑ์นม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13177 | (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ | นร11 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13178 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยใช้มิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เสริมสร้างการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง และสานต่อความร่วมมือทางศาสนาและวัฒนธรรมให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือและยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือระหว่างกันในหลายประเด็น เช่น ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการมรดกโลก ความร่วมมือด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13179 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 4 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๔ (The fourth session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 4) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมกันหาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดมลพิษ ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย (เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำ UN ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา) ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม UNEA 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13180 | ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยเพิ่มเติมสิทธิพื้นฐานของผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นได้อย่างแท้จริง กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการให้มีความโปร่งใสโดยใช้หลักธรรมาภิบาล กำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การห้ามไม่ให้ถือหุ้นไขว้ในบริษัท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการควบบริษัท และกำหนดเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทเอกชน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย ๖ ประเด็น) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรกำหนดแนวปฏิบัติในด้านต่าง ๆ ในกฎหมายลำดับรองให้มีความชัดเจน เพื่อให้บริษัทมหาชนจำกัด ผู้ลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยได้ตระหนักถึงสิทธิและบทบาทหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
.....