ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 625 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12481 - 12500 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12481 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการยุบเลิกสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการยุบเลิกสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื่องจากได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๑๕๖๑ เรื่อง กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กำหนดให้มีสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นส่วนราชการเพื่อทำหน้าที่ในการบูรณาการและปฏิบัติการ เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศตามแผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายการปฏิรูปของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนการสร้างความสามัคคีปรองดองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไว้เป็นการเฉพาะ ตามที่สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12482 | ร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. .... และร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. .... | นร07 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. .... และร่างระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถโอนงบประมาณรายจ่ายที่หน่วยรับงบประมาณไม่สามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรืองบประมาณรายจ่ายที่หมดความจำเป็น ไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณอื่นภายใต้แผนงานบูรณาการเดียวกัน หรือภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐได้ และกำหนดให้มีระเบียบสำหรับการบริหารงบประมาณรายจ่ายรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาให้มีการเพิ่มวงเงินผูกพันการใช้งบประมาณต้องคำนึงถึงภาระทางการเงินและข้อผูกพันการชำระเงิน และเป็นไปตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์การรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งการใช้จ่ายเงินของหน่วยรับงบประมาณจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส มีความคุ้มค่าและประหยัด รัฐได้รับประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12483 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | กค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๕๓๑ (บางส่วน) โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๙๘๓๖ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานค เนื้อที่ประมาณ ๒ งาน ๘๔ ตารางวา เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๙๐ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๖ เลขที่ ๒๒๖๓๒๐ เลขที่ ๒๒๖๓๑๙ เลขที่ ๒๒๖๒๙๑ เลขที่ ๒๒๖๒๘๘ และเลขที่ ๒๒๖๒๙๘ เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๒,๓๐๑ ไร่ ๑ งาน ๙๙ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๒๕๘ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๒ และเลขที่ ๒๒๖๓๑๒ เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๓๖๗ ไร่ ๐ งาน ๕๔ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๓๘๐ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๓ เนื้อที่ประมาณ ๖๑ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๓๘๗ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๙๕ เนื้อที่ประมาณ ๒๔๔ ไร่ ๓ งาน ๑๘ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๑๖ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๑๓๕ เนื้อที่ประมาณ ๑๔๐ ไร่ ๐ งาน ๗๖ ตารางวา แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๑๗ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๙๗ เนื้อที่ประมาณ ๑๐๘ ไร่ ๒ งาน ๒๘ ตารางวา แปลงหายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๒๒ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๘๔ เนื้อที่ประมาณ ๑๑๔ ไร่ ๒ งาน ๒๘ ตารางวา และแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๔๒๘ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๖๒๗๙ เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่ ๒ งาน ๓๘ ตารางวา ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12484 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 | กษ | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ ทั้งในส่วนของกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ และการเข้มงวดการตรวจติดตามการนำเข้าปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งรับทราบการทบทวนยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมการลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยการปลูกพืชทดแทนควรพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้เกษตรกรใช้ประกอบการตัดสินใจปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง เช่น ข้อมูลการผลิตพืชทางเลือก ข้อมูลด้านการตลาด องค์ความรู้และเทคโนโลยีรองรับ และมาตรการด้านสินเชื่อ เป็นต้น แทนการส่งเสริมภายใต้โครงการส่งเสริมของรัฐ เพื่อลดผลผูกพันที่รัฐต้องให้การอุดหนุนและช่วยเหลือด้านราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12485 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2562 | นร10 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซี่งมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการ จำนวน ๑๐ ประเด็น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12486 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 8/2562) | สลธ.คสช. | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘/๒๕๖๒ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รวมทั้งการขยายบริการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12487 | การดำเนินโครงการปฏิรูปกฎหมายและบูรณาการแนวปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมายภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) | นร09 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการดำเนินโครงการปฏิรูปกฎหมายและบูรณาการแนวปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมายภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ Implementing Regulatory Reform and Mainstreaming Good Regulatory Practice ได้จัดการสัมมนาภายใต้โครงการความร่วมมือกับ OECD ในหัวข้อเกี่ยวกับการพัฒนาข้อปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมาย ในระหว่างเดือนเมษายน-กรกฎาคม ๒๕๖๒ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกรณีศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๒-๔ เมษายน ๒๕๖๒ โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ OECD ได้นำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการออกกฎระเบียบที่ดีของ OECD และผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียและเยอรมนีได้นำเสนอประสบการณ์ของแต่ละประเทศในการดำเนินการเพื่อนำไปสู่ระบบการออกกฎระเบียบที่ดี ซึ่งไทยสามารถนำมาประกอบการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป ๒. การประชุม 5th Meeting of Southeast Asia Regional Policy Network on Good Regulatory Practices (ASEAN-GRPN) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑-๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยเป็นการประชุมเครือข่ายหน่วยงานในอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการปรับตัวของภาครัฐในการตรากฎหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือของหน่วยงานของรัฐในการกำกับดูแลด้านต่าง ๆ ๓. การประชุมวิชาการระหว่างประเทศ เรื่อง หลักเกณฑ์ด้านกฎระเบียบที่ดีของ OECD ในยุคเทคโนโลยีแห่งความเปลี่ยนแปลง : จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติ (Better Regulation Principles in the Age of Disruptive Technology : From Theory to Practice) ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยได้มีการถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางการปฏิรูปกระบวนการตรากฎหมายของต่างประเทศในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เพื่อเป็นองค์ความรู้ให้แก่หน่วยงานของรัฐในประเทศนำไปปรับใช้และพัฒนาการมีระบบการออกกฎระเบียบที่ดีต่อไป ๔. การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกลไกการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่ดีต่อเนื่องจากข้อ ๑ เน้นการฝึกปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัญหาและทางเลือกในการดำเนินการก่อนที่จะเสนอให้มีการตรากฎหมาย โดยผู้เชี่ยวชาญจาก OECD
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12488 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562) | นร11 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ มีหน่วยงานส่งแผนระดับที่ ๓ มายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๖๙ แผน รวม ๒๕ กระทรวง/หน่วยงาน โดยเป็นแผนระดับที่ ๓ ซึ่งผ่านกระบวนการพิจารณาและรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว จำนวน ๓๓ แผน และเป็นแผนระดับที่ ๓ ที่ผ่านการพิจารณาแล้ว และรอเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ จำนวน ๑๑ แผนงาน ได้แก่
๑. ร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ๒. แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย) ๓. แผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กระทรวงคนาคม) ๔. ร่างแผนการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงิน (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) (กระทรวงการคลัง) ๕. ยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔) (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๖. ร่างนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๗. ยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) (กระทรวงสาธารณสุข) ๘. ร่างแผนพัฒนางานสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕) (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๙. แผนพัฒนาศักยภาพกำลังคนภาครัฐให้พร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุ (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ๑๐. ร่างแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโมนิกส์ประเทศไทย (กระทรวงสาธารณสุข) ๑๑. แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12489 | การรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม | นร | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม และการยางแห่งประเทศไทยรวบรวมผลการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งหมดและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12490 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาและแหล่งชุมชนที่มีการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาการจราจร ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยให้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด หรือสะพานข้ามในบริเวณที่เป็นทางร่วมทางแยก ทั้งนี้ ต้องให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด และให้พิจารณาจุดติดตั้งสัญญาไฟจราจรและจุดกลับรถในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม เช่น จุดกลับรถบริเวณหน้าโรงพยาบาลต้องไม่ไกลจนเกินไป เพื่อให้สามารถรับ-ส่ง ผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในภาพรวมให้คำนึงถึงการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ ทางรางให้เป็นโครงข่ายที่ชัดเจน และนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการจราจรอย่างเป็นระบบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12491 | การดำเนินการภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพ้นจากตำแหน่ง | นร04 | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖๕ บัญญัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ ซึ่งเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีการประชุมและมีมติเกี่ยวกับการดำเนินการภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพ้นจากตำแหน่ง ดังนี้
๑. เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั้งหมดให้เก็บรักษาไว้ที่กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ในฐานะที่กองทัพบกเป็นสำนักเลขาธิการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. งบประมาณที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมาได้ขออนุมัติเบิกจ่ายเป็นครั้ง ๆ ไป จึงไม่มีงบประมาณคงค้างเหลืออยู่ ๓. บุคลากรที่มาช่วยราชการคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ส่งตัวกลับหน่วยงานต้นสังกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12492 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ) | กค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12493 | รายงานผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2562 | พม | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี ๒๕๖๒ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานการค้ามนุษย์ หรือ Trafficking in Persons Report (TIP Report) ประจำปี ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ โดยประเทศไทยยังไม่สามารถขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกา แต่ไม่เพิ่มความพยายามอย่างสำคัญในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยรวมมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงการรายงานที่ผ่านมา ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังคงถูกจัดระดับอยู่ในระดับ ๒ (Tier 2) เช่นเดียวกับปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12494 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน สมัยพิเศษ เรื่องการเจรจา RCEP ณ กรุงเทพฯ | พณ | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน สมัยพิเศษ เพื่อหารือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Special ASEAN Economic Ministers’ Meeting on RCEP) เมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัสร) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมในฐานะประธานการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะเร่งรัดสรุปผลการเจรจา RCEP ให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการค้าระหว่างประเทศของอาเซียน โดยมีเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาเปิดตลาดและจัดทำข้อบทให้ได้ทั้งหมด และหลังจากนั้นแต่ละประเทศจะดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อให้มีการลงนามความตกลงฯ ในปี ๒๕๖๓ และเมื่อ RCEP มีผลใช้บังคับแล้ว จึงจะพร้อมเปิดรับสมาชิกใหม่ นอกจากนี้ ที่ประชุมมอบให้ไทยในฐานะประธานอาเซียนร่วมกับสำนักเลขาธิการอาเซียน และอินโดนีเซียในฐานะประเทศผู้ประสานงานการเจรจาความตกลง RCEP รวมเป็นกลุ่มผู้ประสานงานฝ่ายอาเซียน (TROIKA) ร่วมหารือกับอินเดียเพื่อให้การเจรจา RCEP บรรลุเป้าหมายภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP (RCEP-TNC) ในเรื่องภาคผนวกบริการโทรคมนาคม และภาคผนวกบริการการเงิน โดยคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ในการประชุม RCEP-TNC ครั้งที่ ๒๖ ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย ๓. ที่ประชุมมอบนโยบายให้สมาชิกอาเซียนระดับเจ้าหน้าที่ร่วมหารือเกี่ยวกับท่าทีร่วมของอาเซียนในประเด็นสำคัญเพื่อใช้พบหารือกับคู่เจรจา ๖ ประเทศ (ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์) อาทิ กฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (PSRs) และการลงทุน ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัสร) ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรี ๔ ประเทศ (เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย) ซึ่งทุกประเทศยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่ต้องการให้สรุปผลการเจรจา RCEP ในปี ๒๕๖๒ โดยอินโดนีเซียขอให้ไทยพิจารณาแก้ไขมาตรการนำเข้ากาแฟที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า ซึ่งไทยแจ้งว่าทั้งสองประเทศมีสินค้าพืชสวนหลายชนิดที่ประสบปัญหาการส่งออกไปยังอีกฝ่าย จึงควรตกลงให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ (Taskforce) เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12495 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | คค | 09/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ และงบกระแสเงินสด โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่ารายงานดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงคมนาคม โดยสถาบันการบินพลเรือนเร่งรัดการจัดทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือนให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (ภายใน ๑๕๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี) เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12496 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤษภาคม 2562 | นร02 | 02/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) การแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า (๒) พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เน้นการประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ (๓) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำ เน้นการประชาสัมพันธ์ในมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี ๒๕๖๒ และมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม กรณีอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12497 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2561 | กค | 02/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๑ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทย รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๑ (๒) ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลของสำนักงาน คปภ. และนโยบายที่กำหนดโดย คปภ. ภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ใน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเสริมสร้างความรู้และการเข้าถึงการประกันภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย (๓) ผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดสำนักงาน คปภ. รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๑ และ (๔) ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการกับสำนักงาน คปภ. รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังกำกับสำนัก คปภ. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาภายใต้ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคล ระยะ ๓ ปี และระดับความสำเร็จของการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉบับที่ ๒ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๒ ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12498 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ บ.92/2558 คดีหมายเลขแดงที่ บ.119/2562 ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ฟ้องคณะรัฐมนตรี ที่ 3 กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง | นร05 | 02/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ บ. ๙๒/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ บ.๑๑๙/๒๕๖๒ ระหว่างนายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ ๓ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12499 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก | พม | 02/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้ง นายวันชัย รุจนวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก เป็นวาระที่ ๒ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๕ ๒. ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดการดำเนินการเสนอเรื่องแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละวาระ เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12500 | รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอความเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) | กค | 02/07/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนเรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอความเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) อีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การกำหนดนิยามของรัฐบาลประเทศเจ้าของโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย) ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement ให้หมายความรวมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เพื่อให้สามารถนำกรอบการเจรจาไปหารือกับประเทศสมาชิกภาคีให้ได้ข้อสรุปการดำเนินการตามข้อ ๑๔ ใน Basic Agreement ที่ชัดเจน และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการหารือมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป (๒) หาก Contracting State ของแต่ละประเทศสมาชิกภาคี มีความเห็นว่าการถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลอาจไม่ครอบคลุมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เห็นควรให้หารือประเด็นในการปรับปรุงแก้ไขสัดส่วนการถือครองหุ้นในส่วนของรัฐบาลของประเทศเจ้าของโครงการ ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement และให้กระทรวงการคลังนำผลการหารือดังกล่าวมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป และ (๓) ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการหารือตามข้อ ๑๔ ใน Basic Agreement เพื่อกำหนดให้นิยามของรัฐบาลประเทศเจ้าของโครงการ ตามข้อ ๓ ใน Basic Agreement ให้หมายความรวมถึงบริษัทที่จดทะเบียน (บริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในประเทศไทย) และกองทุนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมาย เพื่อให้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและสนับสนุนการดำเนินโครงการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
.....