คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักปกครองระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมจะเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๗ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
               ๑. พลอากาศเอก ธนู ปานสุวรรณ              ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
                                                                   (รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
               ๒. นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ                         ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
                                                                   (รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม)
               ๓. พลตำรวจโท พิจาร จิตติรัตน์                ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
                                                                   (รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม)
               ๔. นายพลพีร์ สุวรรณฉวี                         ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
                                                                   (รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
               ๕. นางใยอนงค์ ทิมสุวรรณ                      ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
                                                                   (รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
               ๖. นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ                   ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
                                                                   (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ)
               ๗. นายธงชัย ลืออดุลย์                          ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
                                                                   (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่อไป ดังนี้
               ๑. นายประสาน หวังรัตนปราณี
               ๒. นายรณภพ ปัทมะดิษ
               ๓. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี
               ๔. นายนภินทร ศรีสรรพางค์
               ๕. นายนพดล พลเสน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางวีวรรณ ภูริเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑ ราย คือ นายภูผา ลิกค์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายภิรมย์ พลวิเศษ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายธนกร วังบุญคงชนะ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๘/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๖,๖๕๑.๓๘๙๐ ล้านบาท โดยเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินงานเป็นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน กท. ๑๙๘๙ (บางส่วน) เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ ๑๘-๐-๑๗ ไร่ และวงเงินงบประมาณต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๓,๗๓๕.๕๕๕๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการฯ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการฯ ให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน โดยคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ และควรเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของผังแม่บทการพัฒนาศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งความเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
               ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
               ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ในการเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงได้มีการพิจารณาในภาพรวมอันจะทำให้การแต่งตั้งมีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นควรมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการรวบรวมการเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงต่อคณะรัฐมนตรีของทุกหน่วยงานเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเสนอร่างกฎหมายและการตรากฎหมาย จึงมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานกับทุกหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระเพื่อจัดทำแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ การจัดทำแผนการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องสำรวจกฎหมายที่หน่วยงานนั้นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือรองรับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วน โดยจัดลำดับความสำคัญและกรอบระยะเวลาในการเสนอร่างกฎหมายในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับอัตราค่าตอบแทนรายเดือนผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง ในข้อ ๓ ว่า ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมีความประสงค์จะแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งที่ปรึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้พิจารณาดำเนินการได้เท่าที่จำเป็น โดยให้ใช้ชื่อตำแหน่งว่า “คณะทำงานรัฐมนตรี” นั้น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เห็นสมควรยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในข้อ ๓ และมีมติให้ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีมีความประสงค์จะแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งที่ปรึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมิได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามระเบียบของทางราชการ ให้พิจารณาดำเนินการได้เท่าที่จำเป็น โดยอาจใช้ชื่อตำแหน่งว่า “คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี” หรือ “คณะทำงานรัฐมนตรี” ตามความเหมาะสม
               ๒. เห็นชอบและให้ยกเลิกข้อ ๓. ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับอัตราค่าตอบแทนรายเดือนผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมาของรัฐมนตรีในการเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ปลัดกระทรวงการคลังชี้แจงเกี่ยวกับเรื่อง แนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ราการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเพิ่มช่องทางยืนยันหรือแจ้งมติคณะรัฐมนตรีไปยังหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่อง หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น โดยจะแจ้งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) (เฉพาะเรื่องที่ไม่มีชั้นความลับ) คู่ขนานกับการแจ้งในรูปแบบหนังสือราชการปกติ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และสามารถนำมติคณะรัฐมนตรีไปปฏิบัติต่อไปได้ทันตามกำหนดเวลา เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลด้วย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) โดยมอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาและประสานงานในการเลือกสรรผู้สมควรดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ตลอดจนองค์ประกอบ หน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการ และนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้ง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป