ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 630 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12581 - 12600 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12581 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน 8 ฉบับ | นร | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำสะแกกรัง พ.ศ. .... (๒) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำท่าจีน พ.ศ. .... (๓) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก พ.ศ. .... (๔) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (๕) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน พ.ศ. .... (๖) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พ.ศ. .... (๗) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง พ.ศ. .... และ (๘) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จ และมีขอบเขตที่ชัดเจน ก่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาทุกฉบับมีการแสดงพื้นที่ที่มีเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานเจ้าของเรื่องอาจพิจารณาตรวจสอบแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อให้เส้นพรมแดนที่แสดงสอดคล้องกับแนวเส้นเขตแดนที่ฝ่ายไทยอ้าง และ/หรืออาจพิจารณาใส่ถ้อยคำ ว่า “แผนที่ฉบับนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตหรือแนวพรมแดนระหว่างประเทศ” ท้ายแผนที่แนบท้ายของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับที่แสดงเส้นพรมแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดกระบวนการจัดทำผังน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการปรับปรุงขอบเขตลุ่มน้ำในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12582 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารความร่วมมือ และร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 13 รวมทั้งร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 6 | กห | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารความร่วมมือในกรอบอาเซียน จำนวน ๖ ฉบับ และร่างปฏิญญาร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ที่จะมีการรับรองร่างเอกสารความร่วมมือ และลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ (13th ASEAN Defence Ministers’ Meeting : 13th ADMM) รวมทั้งร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา จำนวน ๑ ฉบับ ที่จะมีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ ๖ (6th ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus : 6th ADMM-Plus) โดยร่างเอกสารความร่วมมือ มีสาระสำคัญ เป็นการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงให้อาเซียนสามารถตอบสนองความท้าทายด้านความมั่นคงของภูมิภาคในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติ สำหรับร่างปฏิญญาร่วมฯ และร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ในการพัฒนาและขับเคลื่อนความร่วมมือให้อาเซียนมีความมั่นคง เข้มแข็ง และสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองให้กับภูมิภาคให้มีความยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12583 | การขออนุมัติงบประมาณสำหรับสมทบในกองทุน ACMECS ระยะ 5 ปี ภายในกรอบวงเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | กต | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณสำหรับสมทบในกองทุนยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ระยะ ๕ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ปีละ ๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกรอบวงเงิน ๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการจ่ายเงินสมทบในกองทุน ACMECS Development Fund ในปีแรก ให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12584 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิมิต ทัพวนานต์ และนางอรัญญา ทองน้ำตะโก) | ยธ | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายนิมิต ทัพวนานต์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางอรัญญา ทองน้ำตะโก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12585 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 71 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร | กค | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบข้อกำหนดของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาท ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗๑ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12586 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 18/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารในจังหวัดภูเก็ต ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งรัดการตรวจสอบและปรับปรุงสภาพ และขุดลอกคูคลองทางระบายน้ำทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นทางระบายน้ำได้อย่างคล่องตัว และสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรอการระบาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ทั้งนี้ ให้พิจารณาการว่าจ้างกรมราชทัณฑ์เพื่อให้นำผู้ต้องขังมาดำเนินงานเป็นลำดับแรก โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.๒ ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินการจัดกิจกรรมการวิ่งแบบผจญภัยในพื้นที่ธรรมชาติ (Trail Running) ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยให้พิจารณาจัดเส้นทางวิ่งให้ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายในพื้นที่นั้น ๆ เช่น พื้นที่ป่า เขตอุทยานแห่งชาติ เนินเขา ทุ่งหญ้า และไร่นา เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ การกีฬา และการท่องเที่ยวในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12587 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | สผ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน เป็นต้น และรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วไม่แสดงความเห็นต่อรายงานการเงินดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอและมีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซี่งได้ประสานงานสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรทราบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและปรับปรุงแก้ไขบัญชีตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานการเงินดังกล่าวตามเนื้อหาที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ระบุไว้ในรายงานของผู้สอบบัญชี เพื่อให้การจัดทำรายงานทางการเงินในปีต่อ ๆ ไป ปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ สามารถแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่แท้จริง รวมทั้งแสดงถึงผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12588 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | ศย | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12589 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบลักษณะที่เป็นปัญหาข้ามพรมแดนของขยะทะเล ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคในระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงการขยายความร่วมมือกับประเทศภาคีเครือข่ายและองค์กรนานาชาติในการแก้ไขปัญหา ๒. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ความเห็น และประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการและข้อริเริ่มต่าง ๆ ในระดับประเทศของภูมิภาคอาเซียนในการแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่พันธมิตรจะให้การสนับสนุน หรือเสริมสร้างความร่วมมือ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการซ้ำซ้อน ๓. ประเทศไทยในฐานะประธานในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนฯ ได้ประกาศให้กลุ่มประเทศภาคีเครือข่ายและองค์กรนานาชาติทราบถึงผลการหารือและการตัดสินใจร่วมกันของรัฐมนตรีอาเซียนที่จะนำร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ร่างปฏิญญากรุงเทพมหานครว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และร่างกรอบการปฏิบัติงานอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล เสนอต่อที่ประชุมระดับผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นข้อผูกพันในการยืนยันท่าทีของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะพยายามจัดการกับปัญหาขยะทะเล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12590 | สรุปผลการประชุมในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 9 (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น และศูนย์พัฒนาภูมิภาคแห่งสหประชาชาติ (United Nations Centre for Regional Development : UNCRD) ในแนวคิด “3R เป็นหนทางในการก้าวไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง-ความเกี่ยวข้องต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นเวทีสำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่จะร่วมกันแสดงความเห็นและมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยหลักการ 3R โดยที่ประชุมได้รับรองปฏิญญา 3R กรุงเทพว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน ซี่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายร่วมกันของผู้แทนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมการนำหลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติก ทั้งนี้ ปฏิญญา 3R กรุงเทพฯ เป็นปฏิญญาแบบสมัครใจและไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะร่วมกันพัฒนานโยบาย 3R ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับของการรีไซเคิลพลาสติกในระบบเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มโอกาสในการนำกลับมาใช้ซ้ำและการป้องกันการรั่วไหลของขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล รวมถึงสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ และใช้นวัตกรรมสำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่และยั่งยืน ซึ่งจะส่งเสริมเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทางเลือกในการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้และการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12591 | การรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ และแนวทางดำเนินการขั้นต่อไปในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ | กต | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัย (Global Compact on Refugees : GCR) และข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Global Compact for Safe, Orderly and Regular Migration : GCM) ที่ได้ผ่านการรับรองในการประชุมเต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (United Nations General Assembly : UNGA) ครั้งที่ ๗๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ และการประชุมระหว่างรัฐเพื่อรับรอง GCM ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยเนื้อหาสาระของข้อตกลงดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยการรับรองข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถนำแนวทางต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในไทยได้ และภายหลังจากการรับรองข้อตกลงดังกล่าว ประเทศต่าง ๆ ได้เริ่มนำ GCR และ GCM ไปปฏิบัติ และองค์การสหประชาชาติได้จัดตั้งกลไกทบทวนติดตามผลการนำไปปฏิบัติดังกล่าว โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR กำหนดจัดการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ เพื่อทบทวนและติดตามผลการนำ GCR ไปปฏิบัติ และในขณะนี้ UN ได้เริ่มกระบวนการเจรจาเพื่อกำหนดรูปแปบบการหารือของเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ เพื่อทบทวนและติดตามผลการปฏิบัติตาม GCM โดยมุ่งสรุปผลการเจรจาในเรื่องรูปแบบการหารือให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยในส่วนของไทย กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการแต่งตั้ง “คณะทำงานขับเคลื่อนการนำข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ ไปปฏิบัติ” โดยยกเลิกคำสั่ง “คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการตามคำมั่นของไทยในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยและการโยกย้ายถิ่นฐาน” (องค์ประกอบเดิม) เนื่องจากเนื้อหาของ GCR และ GCM ครอบคลุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่แต่งตั้งขึ้นตามคำมั่นของไทยในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12592 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย (เจนไน-มุมไบ) ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเปิดงานสัมมนาเรื่อง “ธุรกิจบริการโรงแรมและวัสดุก่อสร้างและกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจ” จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสภาธุรกิจไทย-อินเดีย ณ นครมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย มีผู้เข้าร่วมงานจากภาคเอกชนของไทยและอินเดียรวมกันกว่า ๑๓๐ ราย ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ๔ สาขา ได้แก่ ที่พักอาศัยและอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ก่อสร้าง และโครงสร้างพื้นฐานชุมชนเมือง พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) รวม ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งบอมเบย์ หรือชื่อเดิมนครมุมไบ (Bombay Chamber of Commerce & Industry) (๒) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ มุมไบ (World Trade Center Mumbai) (๓) หอการค้าไทยและหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งรัฐคุชราตภาคใต้ (Southern Gujarat Chamber of Commerce & Industry) และ (๔) สภาธุรกิจไทย-อินเดีย และสภาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อมไทย-อินเดีย (Indo-Thai Chamber of MSMEs) ๒. การพบประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอินเดียภาคใต้ [Confederation of Indian Industry (CII)-Southern region] และสมาชิกสมาพันธ์ฯ ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ รวม ๙ สาขา ได้แก่ ยางและยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ ขนส่งและโลจิสติกส์ พืชน้ำมัน บริการ ร้านอาหารและโรงแรม เคมีภัณฑ์ ก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานและอากาศยาน เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) และธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและการลงทุน รวมทั้งผู้บริหารบริษัทชั้นนำอื่น ๆ ในรัฐทมิฬนาฑูและรัฐมหาราษฏระ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน โดยเฉพาะหารือแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยในอินเดียให้ขยายตัวเพิ่มยิ่งขึ้น ตลอดจนชักชวนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทยมากขึ้น ๓. การพบผู้บริหารบริษัท Emrald Resilient Tyre Manufacturers Ltd. ผู้ผลิตยางล้อ และบริษัท Parisons และสมาคมผู้สกัดตัวทำละลายแห่งอินเดีย ผู้นำเข้าน้ำมันปาล์ม เพื่อหาลู่ทางขยายการส่งออกยางพาราและน้ำมันปาล์มของไทยสู่ตลาดอินเดียให้เพิ่มขึ้น ๔. การมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้แก่ร้านอาหารไทยในเมืองเจนไนและนครมุมไบ รวม ๒ แห่ง ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในอินเดียที่ได้รับมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT รวมทั้งสิ้น ๘ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12593 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 21 [21st ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ จังหวัดเชียงใหม่ | พม | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ [21st ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council Meeting] ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยที่ประชุมคณะมนตรีฯ ได้มีมติร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) การสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทย ในปี ๒๕๖๒ (๒) การสนับสนุนการจัดตั้งหรือปรับปรุงพัฒนา ๔ ศูนย์อาเซียนภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ได้แก่ คลังสิ่งของช่วยเหลือและระบบโลจิสติกส์เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียนในประเทศไทย ศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน และศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม และ (๓) เห็นชอบเอกสารที่จะเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ กรอบปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล ถ้อยแถลงรัฐนมตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยเรื่องอนาคตของงาน : การส่งเสริมเทคโนโลยีและการเจริญเติบโตแบบมีส่วนร่วม และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยข้อริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อการประชุมใหญ่แรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๘ สำหรับการประชุมคณะมนตรีฯ ในครั้งต่อไป (ครั้งที่ ๒๒) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12594 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม 2562 | นร11 | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อน ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ การดำเนินงานในระยะต่อไป และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12595 | การปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี 2012 เป็นฉบับปี 2017 ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ) | พณ | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับกฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) จากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๒ (HS 2012) เป็นฉบับปี ๒๐๑๗ (HS 2017) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea Trade in Goods Agreement : AKTIGA) เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้บัญชี PSRs ในพิกัดศุลกากร HS 2017 ภายใต้ความตกลง AKTIGA มีผลบังคับใช้ภายในประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการปรับโอนพิกัดศุลกากรควรยึดตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงเดิม โดยหากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมพิกัด จำเป็นต้องกำหนดให้มีกระบวนการในการเจรจากับคู่ภาคีใหม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อนการดำเนินการตามกระบวนการภายในประเทศตามพันธกรณีของความตกลงการค้าเสรีนั้น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12596 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กต | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทยและกรมพลศึกษา ออกไป ๑ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และให้ติดตามประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีต่าง ๆ ซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงวิเคราะห์เปรียบเทียบผลประโยชน์จากการดำเนินการมาตรการกับผลการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงและประมาณการสูญเสียรายได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12597 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ เห็นควรเปรียบเทียบผลการดำเนินมาตรการกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริง และประมาณการสูญเสียรายได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12598 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) และร่างแผนปฏิบัติงานวนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสัก (Work Plan Efficient silvicultural practices for promoting teak plantation) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) และร่างแผนปฏิบัติงานวนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสัก (Work Plan Efficient silvicultural practices for promoting teak plantation) รวมทั้งอนุมัติให้อธิบดีกรมป่าไม้หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และแผนปฏิบัติงานฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานอัยการสูงสุด และข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น (๑) ในการจัดทำแผนงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศด้วย (๒) ควรมีข้อความกำหนดห้ามการส่งตัวอย่างชีวภาพของไม้สักภายใต้โครงการวิจัยร่วมจากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และ (๓) ควรตรวจสอบกับ JIRCAS ให้ชัดเจนว่า กรณีใดจึงจะถือว่าเป็นนักวิจัยระยะยาว เนื่องจากตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ หัวข้อการสนับสนุนทั่วไปมีข้อความกำหนดว่า “นักวิจัยแลกเปลี่ยนของ JIRCAS ตามที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานสำหรับโครงการในระยะสั้นและระยะยาว คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะทำการตกลงร่วมกันในการเสนอชื่อและนัดหมายการทำงานของนักวิจัยระยะยาวของ JIRCAS” เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปรับช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติงานฯ ให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้การดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนเสร็จทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะองค์ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรพันธุกรรมของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบครอบคลุมทุกมิติ ๓.๒ พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการจัดทำกฎหมายกลางที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้การบริหารจัดการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เกิดการบูรณาการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่ชุมชนหรือประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดทรัพยากรชีวภาพ ในกรณีที่ประเทศอื่นหรือบริษัทข้ามชาติจะนำองค์ความรู้จากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพในชุมชนไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้า หรือนำองค์ประกอบทางพันธุกรรมหรือทางชีวเคมี หรือการใช้เทคโนโลยีชีวภาพต่อทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทยไปศึกษา วิจัย และนำมาผลิตเป็นสินค้าต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12599 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก The Asia Protected Areas Partnership (APAP) | ทส | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมเป็นสมาชิก The Asia Protected Areas Partnership (APAP) ซึ่งเป็นเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่คุ้มครอง (เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตอนุรักษ์ต่าง ๆ) และหน่วยงานอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเข้าร่วมเป็นสมาชิก APAP หากมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น ควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว และ/หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณดำเนินการเป็นลำดับแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และภายหลังการสมัครเป็นสมาชิก APAP แล้ว ควรมีกระบวนการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยเฉพาะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการสนับสนุนกระบวนการหรือโครงการต่าง ๆ ที่กำหนดโดยเครือข่ายสมาชิก APAP เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12600 | ขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2562 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย | กค | 11/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ในรูป Credit Line โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (Bank Overdraft : OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note : P/N) เพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ (ภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ รวมถึงเงินลงทุนตามแผนงานในโครงการโรงงานผลิตยาสูบโรจนะ ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบแผนสำหรับการก่อหนี้ของการยาสูบแห่งประเทศไทย วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยการยาสูบแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ และพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประกวดราคา (e-bidding) เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนทางการคลัง ตามนัยมาตรา ๔๙ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาทบทวนเบิกใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระด้านดอกเบี้ยขององค์กรในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....