ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 604 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 12061 - 12080 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12061 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการระดมทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ) | กค | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยสลากออมทรัพย์และรางวัลสลากออมทรัพย์ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป และเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำหรับดอกเบี้ยที่คำนวณตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12062 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | กต | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์แลวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักรสำหรับคนที่เกิดในต่างประเทศโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นคนสัญชาติไทย คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือคนต่างด้าวหรือคนไร้สัญชาติซึ่งเดินทางไปหรืออาศัยอยู่นอกราชอาณาจักร โดยใช้เอกสารการเดินทางที่รัฐบาลไทยเป็นผู้ออกให้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. อนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนคนเกิดและคนตายที่มีขึ้นนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอได้ แล้วแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12063 | ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม | กค | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเนื่องมาจากกองทุนรวมหรือที่เกี่ยวกับกองทุนรวมบางกรณี ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔๔ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ เพื่อกำหนดอัตราหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12064 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 จำนวน 3 ฉบับ | อก | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการขออนุญาต การตรวจสอบ และการออกใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการขออนุญาต การตรวจสอบ และการออกใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอและการออกใบแทนใบอนุญาตการย้ายสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอและการออกใบแทนใบอนุญาต การย้ายสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเครื่องหมายมาตรฐานและหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12065 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร01 | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมที่ได้รวบรวมผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน จำนวน ๘ คณะ ที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาในประเด็นต่าง ๆ เช่น ปัญหาที่ดิน ปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง ปัญหาเกี่ยวกับสถานะและสิทธิของบุคคล ปัญหาที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ ปัญหาด้านคดีความ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม และปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกิน รวมจำนวน ๑๕๙ คดี โดยพบว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของภาคประชาชนจนได้ข้อยุติ จำนวน ๖๔ กรณี และอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๙๕ กรณี โดยปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและมีความยุ่งยากซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นกรณีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจของหลายหน่วยงาน และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการดำเนินการ รวมทั้งใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย อีกทั้งบางประเด็นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในระดับนโยบาย ซึ่งถึงแม้ว่าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ จะได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจนเป็นที่ยุติบางส่วนแล้ว แต่ยังคงมีหลายกรณีที่อยู่ระหว่างรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหา และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ปัญหาที่ดิน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนและโฉนดชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และกระบวนการรังวัดสำรวจรายแปลงร่วมกับราษฎรในพื้นที่และผู้แทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามข้อ ๑ รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมให้คณะกรรมการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของมวลชนทราบ และประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12066 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | พน | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพลังงานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ตามกำหนดอัตราค่าเช่ารถประจำตำแหน่งรองอธิบดีหรือเทียบเท่า ไม่เกินเดือนละ ๒๖,๑๐๐ บาท/คัน/เดือน (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๒,๐๐๐ ซีซี) ระยะเวลา ๕ ปี ภายในวงเงิน ๑,๔๐๙,๔๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๕๖,๖๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗ จำนวน ๑,๒๕๒,๘๐๐ บาท โดยให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับวงเงินสัญญาต่อไป และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี ด้วย หากการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานดังกล่าวมีระยะเวลาต่ำกว่า ๕ ปี ทั้งนี้ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม อันสอดคล้องกับเงื่อนเวลาของภารกิจดังกล่าว และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12067 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 | ทส | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (United Nations Framework Convention on Climate Change, the 25th Session of the Conference of the Parties : UNFCCC COP 25) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ (๑) เน้นย้ำความมุ่งมั่นของรัฐภาคีต่อกรอบอนุสัญญาฯ ภายใต้การดำเนินการที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ ของภูมิภาคอาเซียน (๒) เน้นย้ำผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากรายงานการประเมินและรายงานพิเศษของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเรียกร้องให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามการประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (๓) ยินดีต่อข้อตัดสินใจที่รับรองในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๒๔ และที่ประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑ ที่เมืองคาโตวิเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ และเรียกร้องให้เร่งดำเนินการเพื่อหาข้อยุติในการเจรจาในประเด็นสำคัญที่กำหนดให้มีข้อสรุปภายในปีนี้ (๔) ตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับการดำเนินงานก่อนปี ๒๕๖๓ และข้อกำหนดกลไกการดำเนินงานของรัฐภาคีประเทศพัฒนาแล้ว (๕) เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการเสริมสร้างการสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๖) เน้นย้ำความจำเป็นของการสนับสนุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนด้านการพัฒนาและถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพต่อประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมเห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ ๗-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ ๑.๓ มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ต่อที่ประชุม UNFCCC COP 25 ในวันที่ ๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ตามความเหมาะสมในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12068 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านสื่อมวลชนอาเซียน-จีน | นร02 | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านสื่อมวลชนอาเซียน-จีน (Joint Statement on Strengthening Media Exchanges and Cooperation between ASEAN and China) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน-จีน ผ่านกิจกรรมความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนที่หลากหลายเพื่อมุ่งให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการสื่อสารระหว่างรัฐบาลของอาเซียนและจีนเกี่ยวกับนโยบายและประเด็นด้านสื่อสารมวลชน (๒) ความร่วมมือด้านการรายงานข่าวและการผลิตข่าว (๓) การยกระดับความร่วมมือด้านการผลิตเนื้อหาสื่อ (๔) การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันในการเผยแพร่ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่มีคุณภาพ (๕) การส่งเสริมให้สื่อมวลชนจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่จัดขึ้นในจีนและประเทศสมาชิกอาเซียน (๖) การเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และ (๗) การส่งเสริมการศึกษาและการฝึกอบรมด้านสื่อสารมวลชน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของไทยรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ แบบเวียน (Ad-referendum Endorsement) โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรองของไทย และเสนอให้ผู้นำรับรองในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๒๒ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12069 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2561 | ยธ | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเรียบร้อยแล้วโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ การจัดทำงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12070 | รายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2561 | สสส. | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๖๑ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อสุขภาพและผลงานเด่นในปี ๒๕๖๑ เช่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลดผู้ป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ สร้างสังคมปลอดบุหรี่ ชุมชนเข้มแข็งสู้เหล้า และส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ไทย สู่ผู้นำสุขภาวะ (๒) ผลการดำเนินงาน ประกอบด้วยเป้าประสงค์ ๖ ประการ ได้แก่ ลดปัจจัยเสี่ยงหลัก พัฒนากระบวนการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอื่น ๆ พัฒนาต้นแบบสุขภาวะ สร้างความตื่นตัวและค่านิยมใหม่ในสังคม ขยายโอกาสในการสร้างนวัตกรรม และส่งเสริมสมรรถนะของระบบสุขภาพและบริการสุขภาพ และ (๓) การตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ ในส่วนของรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ ๒. ในการจัดทำรายงานประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ให้กองทุนฯ เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12071 | แนวทางการกำหนดราคาน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร | อก | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการกำหนดราคาน้ำตาลทรายเพื่อใช้บริโภคในราชอาณาจักร ของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยการกำหนดราคาน้ำตาลทราย ณ หน้าโรงงานตามมาตรา ๑๗ (๑๘) เป็นสูตรคำนวณราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในราชอาณาจักร ที่ประกอบด้วยข้อมูลต้นทุนการผลิตอ้อย ต้นทุนการผลิตน้ำตาลทราย ค่าจัดการจำหน่าย และผลตอบแทนการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย และแนวทางปฏิบัติในการใช้ข้อมูลและวิธีการคำนวณเพื่อการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในราชอาณาจักร และขอใช้แนวทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราว จนกว่าการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายออกประกาศราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในราชอาณาจักรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดก่อนเริ่มต้นฤดูการผลิต ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาจัดเตรียมแนวทางการชี้แจงต่อฝ่ายบราซิลถึงเหตุผลความจำเป็นในการกำหนดราคาน้ำตาลทราย โดยใช้สูตรคำนวณวิธี ที่เสนอเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันก่อน จนกว่าการแก้ไขกฎหมายของไทยจะแล้วเสร็จ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นกับฝ่ายบราซิลว่าจะแก้ไขข้อพิพาทในประเด็นนี้ตามแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย เพื่อไม่ให้การดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบต่อพัฒนาการล่าสุดของการปรึกษาหารือระหว่างไทยกับบราซิลภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12072 | ขอความเห็นชอบต่อร่างคำมั่นของไทยที่จะประกาศในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ | กต | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างคำมั่นของไทยที่จะประกาศในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ ในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นการประชุมวันแรกของการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๗๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๗-๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และเห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมให้คำมั่นของไทยต่อการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ โดยร่างคำมั่นของไทยฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อพัฒนากระบวนการแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นบนพื้นฐานของกฎหมายและระเบียบที่มีอยู่ และให้ครอบคลุมกลุ่มที่ตกหล่นจากการแก้ไขปัญหาในอดีต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับ เปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์การประกาศคำมั่นและความก้าวหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยตระหนัก และให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12073 | ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ | นร12 | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (โครงการ นปร.) ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ให้เหมาะสมชัดเจน ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) ทั้งในด้านวิชาการและการฝึกปฏิบัติราชการควรจะต้องสอดคล้องและตรงตามความต้องการของแต่ละส่วนราชการซึ่งมีบทบาทและภารกิจที่แตกต่างกัน มากยิ่งขึ้น ๑.๒ การบรรจุและแต่งตั้ง นปร. เข้ารับราชการ ควรพิจารณาดำเนินการให้มีการกระจายตัวไปยังส่วนราชการต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและทั่วถึง (ไม่กระจุกตัวอยู่ในส่วนราชการเดิม ๆ เพียง ๒-๓ แห่ง เท่านั้น) ๑.๓ นอกเหนือจากการพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการขยายกรอบอัตรากำลังของ นปร. เป็นจำนวน ๑๕๐ อัตราแล้ว ควรพิจารณาแนวทางการกำหนดอัตรากำลังรองรับการบรรจุและแต่งตั้ง นปร. ของแต่ละส่วนราชการให้เหมาะสมและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นด้วย ๑.๔ เมื่อ นปร. ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้รับราชการแล้ว ควรมีกลไกการติดตาม กำกับ ดูแล เพื่อให้ นปร. ดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ส่วนราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคงไว้ซึ่งความเป็นข้าราชการที่มีความสามารถสูง มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้แก่องค์กร ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ควรมุ่งเน้นส่งเสริมสร้างขีดสมรรถนะในการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Management) ในการพัฒนา นปร. รวมทั้งควรศึกษาและกำหนดกรอบแนวทางจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ตลอดจนรูปแบบ วิธีการประเมินผล และแนวทางการบรรจุ นปร. กลับไปยังส่วนราชการนั้น ๆ ภายหลังเสร็จสิ้นโครงการอย่างเป็นระบบ และ (๒) ควรเพิ่มการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติทางด้านเทคโนโลยีในอนาคตที่มีผลต่อการพัฒนาระบบราชการ เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างนวัตกรรมในระบบราชการ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการดังกล่าวด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการพัฒนาและบริหารจัดการบุคลากรภาครัฐในภาพรวม ตั้งแต่กระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบราชการ การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรภาครัฐที่อยู่ในระบบราชการแล้วให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะต่าง ๆ ที่สอดคล้องและเท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรักษาบุคลากรภาครัฐไว้ในระบบราชการ เพื่อให้กลุ่มบุคลากรดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12074 | แถลงการณ์ของการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการบริหารศูนย์การพัฒนาขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ครั้งที่ 5 | กต | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแถลงการณ์ของการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ ๕ (5th High-Level Meeting of the Governing Board HLM) ของศูนย์การพัฒนา (Development Centre หรือ DEV) ภายใต้องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งที่ประชุมได้ให้การรับรองแถลงการณ์ให้เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าว โดยมีการปรับถ้อยคำบางส่วนของร่างแถลงการณ์ให้มีความเหมาะสมและให้เป็นปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12075 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2562 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒ แผนงาน โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นรายปีจนกว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จ ได้แก่ แผนงานพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก ระยะที่ ๑ วงเงินกู้ภายในประเทศ ๘๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และแผนงานระยะยาวการก่อสร้างเคเบิลใต้ดิน วงเงินกู้ภายในประเทศ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑,๘๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ กฟภ. เร่งจัดทำแผนความต้องการกู้เงินตามแบบฟอร์ม และนำส่งมายังสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเพื่อขอบรรจุความต้องการกู้เงินดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะต่อไป และให้ กฟภ. จัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านการเงิน การลงทุน ให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าวไปเป็นภาระทางการคลังและงบประมาณในอนาคต รวมถึงการพิจารณาแหล่งเงินโดยเฉพาะกำไรสะสม เพื่อมิให้กระทบต่อเงินนำส่งรายได้แผ่นดินตามสัดส่วนที่กระทรวงการคลังถือหุ้น นอกจากนี้ กฟภ. ควรพิจารณากู้เงินเพื่อการลงทุนตามความจำเป็นโดยพิจารณาฐานะการเงินในปีนั้น ๆ ประกอบด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากภาระหนี้สินขององค์กรในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12076 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 5 ราย) | นร05 | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายไชยยศ จิรเมธากร ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ๒. นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๓. นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงคมนาคม ๔. นายอดิศร นุชดำรงค์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12077 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิชัย ไชยมงคล) | ยธ | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิชัย ไชยมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12078 | รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย (นายคาซูยะ นาชิดะ) | กต | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคาซูยะ นาชิดะ (Mr. Kazuya Nashida) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายชิโระ ซะโดะชิมะ (Mr. Shiro Sadoshima) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12079 | ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 | นร07 | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีหลักการและสาระสำคัญของระเบียบทำนองเดียวกับที่กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. กำหนดกรณีที่จะขอรับจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ได้แก่ เป็นรายจ่ายเพื่อการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ เป็นรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง เป็นรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว แต่มีจำนวนไม่เพียงพอ และมีความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐต้องใช้จ่ายเพื่อก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโดยเร็ว และเป็นรายจ่ายที่ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ แต่มีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและต้องใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโดยเร็ว ๒. การขอรับจัดสรรงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณเสนอเรื่องให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งคำขอให้สำนักงบประมาณ ๓. การจัดสรรงบประมาณ สำนักงบประมาณจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ กรณีวงเงินไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบ กรณีวงเงินเกิน ๑๐ ล้านบาท แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และกรณีวงเงินเกิน ๑๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วจะแจ้งให้หน่วยรับงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๔. การใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อหน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรแล้ว หรือดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้วมีงบประมาณเหลือจ่ายต้องดำเนินการนำงบประมาณส่งคืน ๕. การรายงาน หน่วยรับงบประมาณจะต้องรายงานผลการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณต่อสำนักงบประมาณ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นไตรมาสและวันที่การใช้จ่ายงบประมาณแล้วเสร็จ รวมทั้งจัดทำสรุปผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการกรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี ๖. กำหนดให้ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ถือปฏิบัติในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12080 | การลงทุนโครงการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3) | อก | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงทุนโครงการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตามโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ในกรอบวงเงิน ๕๕,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนในพื้นที่และบริเวณโดยรอบให้ถูกต้องและทั่วถึง รวมทั้งพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการฯ ให้เหมาะสม ชัดเจนด้วย ๒. ให้ กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และ กนอ. ควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในกรณีที่การลงทุนโครงการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทำให้ กนอ. มีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติมที่ไม่ได้เป็นส่วนประกอบของโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ กนอ. ต้องขออนุมัติการลงทุนตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ ก่อนดำเนินการต่อไป รวมทั้งหากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในการลงทุนโครงการฯ มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนและขยายพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาาระสำคัญของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ให้ กนอ. ดำเนินการขออนุมัติการลงทุนและการขยายพื้นที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป |
.....