ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 610 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12181 - 12200 จากข้อมูลทั้งหมด 123998 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12181 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 | คค | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมาธิการบริหารและบำรุงรักษาสะพาน (ฝ่ายไทย) และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างความตกลงฯ จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดพื้นฐานทางกฎหมายที่จำเป็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ความร่วมมือทางกฎหมาย การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพาน บนพื้นฐานของความร่วมมือและความเคารพในเอกราชอธิปไตยและความเสมอภาคระหว่างกัน โดยฝ่ายเมียนมาพร้อมลงนามร่างความตกลงฯ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ กันยายน ๒๕๖๒ ที่กรุงเนปยีดอ ในช่วงเวลาที่สองฝ่ายสะดวกร่วมกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญจากการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ รวมทั้งเร่งพิจารณาเปิดจุดผ่านแดนถาวรบริเวณสะพานดังกล่าว และแนวทางการใช้ประโยชน์สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ ๑ ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12182 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประทีป เพ็งตะโก) | วธ | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประทีป เพ็งตะโก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12183 | ผลการประชุมด้านกลไกการปฏิรูปกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี | นร09 | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมด้านกลไกการปฏิรูปกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๖๒ ในรูปแบบการอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เชิงลึกระหว่างรองนายกรัฐมนตรี กรรมการกฤษฎีกา กรรมการพัฒนากฎหมาย ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวม ๑๐ คน กับผู้บริหาร นักวิจัย และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกลไกการปฏิรูปกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี แห่งสถาบันรัฐประศาสนศาสตร์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Institute of Public Administration : KIPA) สถาบันวิจัยกฎหมายแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Legislation Research Institute : KLRI) สำนักงานปฏิรูปกฎระเบียบ (Regulatory Reform Office : RRO) กระทรวงกฎหมายของรัฐบาล (Ministry of Government Legislation : MOLEG) และสำนักงานบริการวิจัยประจำสภานิติบัญญัติ (National Assembly Research Service : NARS) โดยมีหัวข้อการอภิปรายเกี่ยวข้องกับภาพรวมของระบบการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการทางกฎหมาย (Regulatory Impact Analysis : RIA) การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย การวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายและการตรวจสอบความถูกต้องของการวิเคราะห์ต้นทุนและประโยชน์ การปฏิรูปมาตรการทางกฎหมายเพื่อรองรับนวัตกรรมและนโยบายการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ ๔ ของสาธารณรัฐเกาหลี ตลอดจนการใช้เครื่องมือและแนวปฏิบัติในการรับฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำผลการประชุมดังกล่าวมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อรองรับการปฏิรูปกฎหมายของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12184 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 | นร04 | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้เลื่อนการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ และการตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ในระหว่างวันที่ ๗-๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12185 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) | กต | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Political Declaration of the SDG Summit) ที่ไทยจะร่วมรับรองในการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) หรือการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีเนื้อหาแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้เกิดสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุม มีความเสมอภาค และมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12186 | การรับรองร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ | กต | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Draft Final Declaration and Measures to Promote the Entry Into Force of the Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty) ที่จะมีการรับรองในการประชุมเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการทลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Conference on Facilitating the Entry into Force of the Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ในช่วงระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly : UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๔ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเพื่อย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของรัฐผู้ให้สัตยาบันและรัฐผู้ลงนามสนธิสัญญาฯ ที่จะร่วมกันรักษาไว้ซึ่งพลวัตในการส่งเสริมและผลักดันการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาฯ และการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติและทุกระดับ เพื่อสร้างการดำเนินงานภายใต้กรอบสนธิสัญญาฯ ที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ร่างปฏิญญาฯ ได้กล่าวถึงการให้สัตยาบันของไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมความเป็นสากลของสนธิสัญญาฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12187 | ปฏิญญาทางการเมืองระดับสูงของการประชุมทบทวนระยะกลางของแผนเร่งรัดการปฏิบัติการสำหรับรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก | กต | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้เ
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองระดับสูง (High Level Political Declaration) ของการประชุมทบทวนระยะกลางของแผนเร่งรัดการปฏิบัติการสำหรับรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก (Mid-Term Review of the Small Island Developing States Accelerated Modalities of Action Pathway : SAMOA Pathway) และเห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ ในการประชุมระดับสูงของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly : UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๔ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการสนับสนุนรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็กในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงระบบการค้ามหภาคและแหล่งเงินทุน การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12188 | การบริจาคเงินอุดหนุนตามความสมัครใจให้องค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก | กต | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนสำหรับศูนย์ทุ่นระเบิดภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Regional Mine Action Centre-ARMAC) จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๓๒๐,๐๐๐ บาท สำหรับแต่ละปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑.๒ ให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนสำหรับสถาบันอาเซียนว่าด้วยสันติภาพและความสมานฉันท์ (ASEAN Institute for Peace and Reconciliation-ASEAN-IPR) จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการ เงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12189 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง | กษ | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังไม่ให้แพร่ระบาดไปยังพื้นที่แห่งใหม่ และเพื่อชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒ ให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ จะต้องตรวจสอบพื้นที่และจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบให้ถูกต้อง โดยคำนึงถึงภารกิจของหน่วยงาน ความพร้อม ศักยภาพและความสามารถ วิธีการดำเนินการที่โปร่งใส ส่วนแหล่งเงินและอัตราค่าใช้จ่าย เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรกก่อน และ/หรือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วแต่กรณี และเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินโครงการฯ ควบคู่กับมาตรการอื่น ๆ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสใบด่างไปยังพื้นที่อื่น อาทิ การควบคุมการนำเข้าหัวมันสด การจัดเตรียมและการใช้ท่อนพันธุ์ปลอดเชื้อโรค การป้องกันและกำจัดแมลงหวี่ขาวซึ่งเป็นพาหะนำโรค ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรในเรื่องโรคระบาด เพื่อประโยชน์ในการดูแลเฝ้าระวังในพื้นที่ของตนเอง และควรสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ภาคเอกชนหรือสมาคมที่เกี่ยวข้องในการป้องกันโรคใบด่างมันสำปะหลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะกรณีการขอใช้งบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12190 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12191 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ และคณะ รวม 4 ราย) (นางสาววนิดา สาดตระกูลวัฒนา) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสาววนิดา สาดตระกูลวัฒนา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสิงห์บุรี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. ร้อยตำรวจเอก รุ่งเรือง กิจผาติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ๔. นายอุดม ภู่วโรดม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12192 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ และคณะ รวม 4 ราย) (นางอุดม ภู่วโรดม) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสาววนิดา สาดตระกูลวัฒนา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสิงห์บุรี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. ร้อยตำรวจเอก รุ่งเรือง กิจผาติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ๔. นายอุดม ภู่วโรดม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12193 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ และคณะ รวม 4 ราย) (ร้อยตำรวจเอก รุ่งเรือง กิจผาติ) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสาววนิดา สาดตระกูลวัฒนา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสิงห์บุรี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. ร้อยตำรวจเอก รุ่งเรือง กิจผาติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ๔. นายอุดม ภู่วโรดม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12194 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล และคณะ รวม 4 ราย) (นายไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาประสาทศัลยกรรม) กลุ่มงานประสาทศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. นายสธน บุญลิขิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูตินรีเวชกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. นายไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ๔. นางสาวพรทิพย์ ศิริภานุมาศ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12195 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล และคณะ รวม 4 ราย) (นายสธน บุญลิขิต) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาประสาทศัลยกรรม) กลุ่มงานประสาทศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. นายสธน บุญลิขิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูตินรีเวชกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. นายไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ๔. นางสาวพรทิพย์ ศิริภานุมาศ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12196 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล และคณะ รวม 4 ราย) (นางสาวพรทิพย์ ศิริภานุมาศ) | สธ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาประสาทศัลยกรรม) กลุ่มงานประสาทศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. นายสธน บุญลิขิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูตินรีเวชกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. นายไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ๔. นางสาวพรทิพย์ ศิริภานุมาศ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12197 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางนภัสชล ทองสมจิตร) | นร11 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางนภัสชล ทองสมจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12198 | การประชุมคณะรัฐมนตรี (วันอังคารที่ 24 กันยายน 2562) | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๔ [UN General Assembly (UNGA 74)] ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ กันยายน ๒๕๖๒ ดังนั้น การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแทนนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามนัยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๑/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน และปฏิบัติราชการแทนกันในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12199 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิยกร อภิบาลศรี และร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) (ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปิยกร อภิบาลศรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12200 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีกรณีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ เมืองพัทยา | กต | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กรณีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ เมืองพัทยา โดยปรับเขตกงสุลจากเดิมมีเขตกงสุลครอบคลุมเฉพาะเมืองพัทยา เป็น ให้มีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....