ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 593 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11841 - 11860 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11841 | ร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2565) | ยธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ๑.๒ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGPs) ของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยหลักการพื้นฐาน ๓ เสาหลัก ได้แก่ การคุ้มครอง (Protect) การเคารพ (Respect) และการเยียวยา (Remedy) โดยหากจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในร่างแผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการให้บรรลุตามแผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมด้วยความยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) ควรให้ความคุ้มครองกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบแรงงานอย่างถูกต้อง และส่งเสริมการประกอบอาชีพ อาทิ กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี (๒) การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ควรคำนึงถึงสถานการณ์และแนวโน้มในอนาคต และ (๓) ควรมีการจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลเพื่อรายงานผลความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11842 | รายงานผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ. เรื่อง การพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท | นร10 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. หารือร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความจำเป็น เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน เช่น การนำหลักสูตรการสอบและเกณฑ์การตัดสินการสอบผ่านการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการสอบและการตัดสินการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเอง และการนำหนังสือรับรองผลการสอบผ่านฯ ของสำนักงาน ก.พ. ไปใช้แทนผลการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเองได้ เป็นต้น ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น สามารถนำหลักสูตรการสอบภาค ก ตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. มาปรับใช้กับการสอบแข่งขันบุคคลภายนอกวุฒิปริญญาทางสายสังคมศาสตร์ได้ แต่กรณีการรับสมัครนักเรียนนายสิบตำรวจประจำปี นักเรียนเตรียมทหาร กลุ่มคุณวุฒิพิเศษหรือขาดแคลน การบรรจุทายาทข้าราชการตำรวจซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้หลักเกณฑ์วิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการจัดการสอบ ลดขั้นตอนการสรรหาบุคลากร และอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางในการคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบราชการ เช่น สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้กลุ่มบุคลากรดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11843 | โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร | พน | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร ในวงเงินลงทุนรวม ๒,๒๖๕.๙๙ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๖๒ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๔๓.๐๙ ล้านบาท ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนและเร่งรัดการพิจารณาในขั้นตอนการขออนุญาต ขออนุมัติ และขอความเห็นชอบให้ กฟผ. เข้าดำเนินกิจการใด ๆ ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (PDP 2018) ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. เสนอโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธรต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้บรรจุไว้ในกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น (๑) กฟผ. ควรกำหนดมาตรการการดำเนินงาน การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงานด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และการกระจายภาระการชำระหนี้อย่างเหมาะสม (๒) การสนับสนุนและเร่งรัดการพิจารณาในขั้นตอนต่าง ๆ หน่วยงานต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๓) กฟผ. ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรฐานคุณภาพ อุปกรณ์ คุณลักษณะของผู้รับจ้าง ความเชี่ยวชาญในการดูแลบำรุงรักษา การบริหารอะไหล่สำรองให้เหมาะสม และ (๔) กฟผ. ควรศึกษาทบทวนบทบาทขององค์กรในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงผลกระทบที่องค์กรจะต้องเผชิญในอนาคต รวมทั้งวางแผนพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11844 | ผลการประชุมระดับสูงอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทุนมนุษย์ (The ASEAN High-level Meeting on Human Capital Development) | นร11 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับสูงอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทุนมนุษย์ (The ASEAN High-level Meeting on Human Capital Development) เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับธนาคารโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ และมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานสนับสนุน โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ มุ่งเน้นการอภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาทุนมนุษย์ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ๓ ด้าน คือ การศึกษา การสาธารณสุข และการพัฒนาทักษะแรงงาน ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกในมิติต่าง ๆ อาทิ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ ความเหลื่อมล้ำเชิงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการยกระดับความสามารถในการแข่งขันผ่านการพัฒนาทุนมนุษย์ นอกจากนี้ การประชุมฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับดัชนีมนุษย์ (Human Capital Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความสำเร็จและความท้าท้ายของการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11845 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2561 และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2562 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11846 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2562) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๒) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๒.๖ ลดลงจากช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๑ ที่ขยายตัวสูงที่ร้อยละ ๓.๔ สาเหตุมาจากการส่งออกสินค้าหดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญและประมาณการค้าโลก และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและรายจ่ายของนักท่องเที่ยวที่ลดลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ โดยกำลังซื้อของครัวเรือนขยายตัวในอัตราที่สูง ส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๑ สำหรับการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงเนื่องจากแนวโน้มการส่งออกและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจลดลง ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐโดยรวมขยายตัวและมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ๒. เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงตามราคาอาหารสำเร็จรูปและค่าเช่าบ้าน ขณะที่อัตราการว่างงานยังทรงตัวในระดับต่ำ สำหรับเสียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุล สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศอยู่ในระดับต่ำ และสัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้นอยู่ในระดับสูงตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11847 | รายงานประจำปี 2561 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของ สสวท. ในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เช่น (๑) การพัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (๒) การวิจัย วัดผล ประเมินผล การจัดการเรียนรู้ดานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (๓) การพัฒนาศักยภาพดานสะเต็มศึกษาเพื่อการขยายผล (๔) การยกระดับคุณภาพโรงเรียนระดับอำเภอ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (๕) การพัฒนาและส่งเสริมการผลิตครูและนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (๖) การปรับการเรียนเปลี่ยนวิธีการสอนของครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีตามแนวทางสะเต็มศึกษาในทุกจังหวัด และทุกเขตพื้นที่การศึกษาทุกสังกัด และ (๗) การสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น ๒. รายงานการเงินของ สสวท. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินของ สสวท. และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายทางการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด โดย สสวท. มีสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน จำนวน ๒,๑๑๔.๑๑ ล้านบาท และมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๖.๒๐ ล้านบาท ๓. แผนการดำเนินงานของ สสวท. ในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ เช่น (๑) พัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นปฏิบัติการและการสร้างความเข้าใจในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ และ (๒) ขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านเครือข่าย สสวท. ให้มีคุณภาพทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11848 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ครั้งที่ ๕ ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ รวม ๒๘ โครงการ (โครงการประเภทการผลิตพลังงานหมุนเวียน ๑๐ โครงการ และโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ๑๘ โครงการ) มูลค่ากว่า ๒ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๖ พันล้านบาท โดยผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย ๒๖ บริษัท และรัฐวิสาหกิจ ๑ แห่ง คือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. สถานภาพการดำเนินโครงการ ปัจจุบันโครงการต้นแบบ JCM ๒๘ โครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ๕ โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๕,๔๑๕ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และมีโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว ๑ โครงการ คือ โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองเท่ากับ ๓๐๐ ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11849 | ร่างกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 11 ฉบับ | นร | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๗ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบและร่างประกาศ จำนวน ๔ ฉบับ รวม ๑๑ ฉบับ ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้กฎหมายมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติหลักการ ๑.๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. .... ๑.๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ อันเนื่องมาจากเหตุบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ พ.ศ. .... ๑.๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจ และการดำเนินงานขององค์กรผู้ใช้น้ำ รวมทั้งหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ. .... ๑.๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนแก่บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องสูญเสียน้ำที่กักเก็บไว้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดค่าทดแทนการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง และชดเชยความเสียหายแก่ทรัพย์สินของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างจากการใช้ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง เพื่อการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้งและภาวะน้ำท่วม พ.ศ. .... ๑.๒ เห็นชอบในหลักการ ๑.๒.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนำเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายไปวางต่อศาล หรือสำนักงานวางทรัพย์ หรือฝากไว้กับธนาคารออมสิน และวิธีการรับเงินค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหาย พ.ศ. .... ๑.๒.๒ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสั่งให้บุคคลซึ่งกักเก็บน้ำไว้ต้องเฉลี่ยน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ พ.ศ. .... ๑.๒.๓ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒.๔ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบ พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑.๕-๑.๑.๗ ควรตัดข้อความที่กำหนดให้การจ่ายค่าทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายให้ใช้จากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11850 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อสร้างทางรถไฟ เครื่องประกอบทางรถไฟ ทาง และสิ่งจำเป็นอื่น ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11851 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน 18 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่ามท่าโบสถ์ จังหวัดชัยนาท พ.ศ. ....) | มท | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน ๑๘ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองปลิง ตำบลทรงธรรม ตำบลสระแก้ว ตำบลนครชุม ตำบลในเมือง ตำบลเทพนคร และตำบลท่าขุนราม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโพธ์ศรี ตำบลโพธิ์ไทร ตำบลพิบูล และตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่หลุมข้าว ตำบลลำคอหงส์ ตำบลโนนสูง ตำบลเมืองปราสาท ตำบลด่านคล้า และตำบลใหม่ อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางน้ำจืด ตำบลปากน้ำ และตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวดง จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนคลองขลุง-ท่ามะเขือ จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่ามะเขือ ตำบลคลองขลุง และตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนระโนด จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าบอน ตำบลบ้านใหม่ ตำบลระโนด ตำบลปากแตระ ตำบลระวะ และตำบลพังยาง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปง จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาปรัง ตำบลควร และตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา ๙. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเชียงคำ-สบบง-บ้านทราย จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสบบง อำเภอภูซาง และตำบลหย่วน ตำบลเวียง ตำบลฝายกวาง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ๑๐. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหนองบัวลำภู พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองภัยศูนย์ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลลำภู ตำบลนาคำไฮ ตำบลหนองสวรรค์ ตำบลหนองบัว ตำบลบ้านพร้าว และตำบลบ้านขาม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู ๑๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนคลองแม่ลาย จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลคลองแม่ลาย ตำบลอ่างทอง และตำบลวังทอง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ๑๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่นาเรือ ตำบลแม่ใส และตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ๑๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าโขลง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางขาม ตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ และตำบลเขาสมอคอน ตำบลโคกสลุด ตำบลมุจลินท์ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ๑๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครศรีธรรมราช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๕๖) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมและยกเลิกข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภท และยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวง และเพิ่มประเภท ชนิด และจำนวนของโรงงานที่ห้ามประกอบกิจการท้ายกฎกระทรวง ๑๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลไม้งาม ตำบลหนองบัวเหนือ ตำบลหัวเดียด ตำบลป่ามะม่วง ตำบลหนองหลวง ตำบลน้ำรึม ตำบลระแหง ตำบลแม่ท้อ ตำบลเชียงเงิน ตำบลวังหิน และตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ๑๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่ามท่าโบสถ์ จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่ามท่าโบสถ์ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ๑๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองนมวัว ตำบลสระแก้ว ตำบลลาดยาว และตำบลสร้อยละคร อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ๑๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าล้อ ตำบลวังขนาย และตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11852 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๑๒ ฉบับ โดยเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่กิจการภาคการเกษตร เพื่อควบคุมดูแลปริมาณของน้ำ ตลอดจนเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง ในท้องที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี ตำบลอ่างหิน ตำบลปากท่อ และตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าดี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าดี จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำฝายคลองท่าดี กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางเหนือน้ำ ถึง กิโลเมตรที่ ๒๒.๙๓๘ ในท้องที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา และไปทางท้ายน้ำ กิโลเมตรที่ ๑๕.๓๘๕ ในท้องที่ตำบลมะม่วงสอนต้น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๖ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ซ้าย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๖ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อสุพรรณ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๑๕.๗๘๙ ในท้องที่ตำบลทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำวัง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำวัง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลปงดอน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ถึง กิโลเมตรที่ ๓๖.๐๐๐ ลงมาตามแม่น้ำวัง ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง ในท้องที่ตำบลวังใหม่และตำบลวังทอง อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยกซอย ๑ ซ้าย ของคลองซอย ๒ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยกซอย ๑ ซ้าย ของคลองซอย ๒ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๓ จากกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหลวง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๔๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลวัดหลวง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดลพบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองม่วง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองม่วง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ แยกตรง กิโลเมตรที่ ๓.๑๕๐ ของคลองหลวง ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๒๘.๑๕๐ ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง และตำบลบ้นายาง อำเภอวัดโบสถ์ และตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองผันน้ำ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองผันน้ำ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึง กิโลเมตรที่ ๐.๙๑๘ ในท้องที่ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลเขาน้อย อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๗๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลดอนแร่ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๖๗.๗๗๒ ในท้องที่ตำบลหนองกลางนา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11853 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 3 | พณ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการของภูฏาน (นายล็อกนัท ชาร์มา) เป็นประธานร่วมการประชุมฯ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ภาพรวมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างไทยและภูฏานมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จาก ๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๕๗ เป็น ๓๙.๗๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๗๗ โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายการค้าระหว่างกันไว้ที่ ๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๔ และไทยยินดีสนับสนุนภูฏานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยไทยยินดีให้การสนับสนุนภูฏานในการส่งเสริมการส่งออกสินค้ามายังไทย ซึ่งภูฏานสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้โครงการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Duty Free Quota Free : DFQF) ซึ่งครอบคลุมทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมกว่า ๖,๙๙๘ รายการ (๒) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่กระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การแจ้งกฎระเบียบกานำเข้าสินค้าเกษตรของภูฏานมายังไทย และการสนับสนุนด้านหัตถกรรมแก่ภูฏาน โดยศูนย์ส่งเสริมศิลปชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ของไทย กับกรมอุตสาหกรรมครัวเรือนของภูฏาน และ (๓) ประเด็นอื่น ๆ โดยไทยยินดีสนับสนุนความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ภูฏานในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาระบบต่าง ๆ เช่น การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า การประชาสัมพันธ์กฎระเบียบด้านการลงทุนและโครงการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของภูฏานให้กับนักลงทุนไทยที่สนใจ เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ เพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับภูฏานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ สสว. กำหนดนโยบายและประสานการขับเคลื่อนการพัฒนาความร่วมมือด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ของไทย เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ และเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดหน่วยงานหลักรับผิดชอบในแต่ละประเด็นความร่วมมือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน รวมทั้งควรมีการติดตามความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินงาน และรายงานคณะรัฐมนตรีรับทราบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11854 | รายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร12 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประเมินองค์กรในระดับคุณภาพ จำนวน ๔๖ แห่ง เช่น ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และคุรุสภา และระดับมาตรฐาน จำนวน ๘ แห่ง เช่น สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่มีองค์การมหาชนใดได้รับการประเมินอยู่ในระดับต้องปรับปรุง และไม่มีการประเมินองค์การมหาชน จำนวน ๑ แห่ง คือ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เนื่องจากระบบการประเมินคุณภาพการศึกษายังไม่เป็นที่ยุติ จึงไม่สามารถประเมินผลงานที่เป็นภารกิจหลักได้ ๑.๒ ผลการประเมินผู้อำนวยการองค์การมหาชน มีผลการประเมินในระดับคุณภาพ จำนวน ๔๕ แห่ง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระดับมาตรฐาน จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สถาบันรับรองคุรภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) และศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ต้องปรับปรุง จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และไม่มีการประมิน จำนวน ๕ แห่ง เหตุผลส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านของผู้อำนวยการที่ได้รับการแต่งตั้งในช่วงใกล้สิ้นปีงประมาณ เช่น สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ๑.๓ ผลการประเมินตัวชี้วัดบังคับและตัวชี้วัดของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีตัวชี้วัด ๕ ตัวชี้วัด โดยในภาพตัวชี้วัด (๑) ระดับความพึงพอใจและพัฒนาการให้บริการ (๒) ร้อยละของการเบิกจ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงิน (๓) ระดับการพัฒนากำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน) (๔) ผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (ITA) ขององค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีค่าคะแนนตัวชี้วัด (๔ ตัวชี้วัด) มากกว่าองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11855 | คำชี้แจงในคดีหมายเลขดำที่ อ.228/2559 ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดี | นร05 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำชี้แจงพร้อมทั้งพยานหลักฐานเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคมของกระทรวงการคลัง ที่จัดทำร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และให้ถือว่าคำชี้แจงดังกล่าวเป็นคำชี้แจงของคณะรัฐมนตรีที่จะยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ.๒๒๘/๒๕๕๙ ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดีต่อไป ๒. มอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำคำชี้แจงพร้อมแสดงพยานหลักฐานในนามคณะรัฐมนตรี เพื่อยื่นต่อศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๒๒๘/๒๕๕๙ และให้มีอำนาจทำคำชี้แจงเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมทั้งการให้ถ้อยคำต่อศาล ตลอดจนให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้นิติกรไปดำเนินการใด ๆ ด้วย ทั้งนี้ หากกรณีต้องทำคำชี้แจงเพิ่มเติมหรือต้องไปให้ถ้อยคำต่อศาล ให้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงในการไปให้ถ้อยคำหรือยกร่างคำชี้แจงยื่นต่อศาลปกครองจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11856 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อคณะกรรมการจากเดิม เป็น “คณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย โครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของคณะกรรมการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง คือ “ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ” เป็น “อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ” และ “ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” เป็น “ผู้อำนวยการบริหาร โครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11857 | การรับรองร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง (Declaration on Forest Cooperation for Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและให้คำมั่นระหว่างกันว่าจะร่วมมือกันในการดำเนินการด้านการป่าไม้ของอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี เช่น (๑) เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (๒) สนับสนุนการป้องกันพิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับป่าไม้ และ (๓) สนับสนุนโครงการความร่วมมือด้านการป่าไม้สำหรับแนวชายแดนพื้นที่รอยต่อ เป็นต้น โดยร่างปฏิญญาฯ จะต้องได้รับการรับรองในการประชุม The ASEAN-Republic of Korea (ROK) High-Level Meeting on Forestry 2019 ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11858 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกัญญารักษ์ ศรีทองรุ่ง) | นร11 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกัญญารักษ์ ศรีทองรุ่ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11859 | ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปพลางก่อน ของสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กษ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปพลางก่อนของสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๘๐.๘๐๗ ล้านบาท [ช่วง ๖ เดือนแรก (ตุลาคม ๒๕๖๒-มีนาคม ๒๕๖๓)] ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายบุคลากร (เงินเดือนพนักงานและลูกจ้าง) และค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ตามที่สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ๒. ในการดำเนินการตามภารกิจของสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ให้สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติประสานการดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11860 | กำหนดวันหยุดราชการเพื่มเป็นกรณีพิเศษ ในปี 2562 (30 ธันวาคม 2562) | นร05 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้มีวันหยุดราชการอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ อันจะเป็นผลดีต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการท่องเที่ยวของประชาชน จึงมีมติ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันจันทร์ที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๒ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก ๑ วัน ในปี ๒๕๖๒ ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๓. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป
|
.....