ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 594 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11861 - 11880 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11861 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ และ นายสุริยา จินดาวงษฺ์) | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา ๒. นายสุริยา จินดาวงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
11862 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (นางศรีสมร กสิศิลป์) | นร10 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศรีสมร กสิศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11863 | การแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กปร. (นางสาวอุศนีย์ ธูปทอง) | กร | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอุศนีย์ ธูปทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กปร. สำนักงาน กปร. ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงาน กปร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11864 | แต่งตั้งกรรมการ (ผู้แทนกองทัพอากาศและผู้ทรงคุณวุฒิ) ในคณะกรรมการกำกับ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 คน 1. นาวาอากาศเอก ศักรินทร์ ไชยวาน ฯลฯ) | คค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการ (ผู้แทนกองทัพอากาศและผู้ทรงคุณวุฒิ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นาวาอากาศเอก ศักรินทร์ ไชยวาน ผู้แทนกองทัพอากาศ ๒. นางสาริณี อังศุสิงห์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารกิจการการบินพาณิชย์ ๓. นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินหรือการคลัง ๕. นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11865 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการบินพลเรือน (จำนวน 7 คน 1. นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ ฯลฯ) | คค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการบินพลเรือน จำนวน ๗ คน แทนกรรมการเดิมที่ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ ๒. นายกฤชเทพ สิมลี ๓. นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ๔. นางสาริณี อังศุสิงห์ ๕. นายชยธรรม์ พรหมศร ๖. นายปฐม เฉลยวาเรศ ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต
|
|||||||||||||||||||||||||||
11866 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11867 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้า (จำนวน 5 คน 1. นายอิทธิพล ช้างหลำ ฯลฯ) | พณ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานสินค้า จำนวน ๕ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอิทธิพล ช้างหลำ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานสินค้า ๒. นายอภิชาติ วรรณวิจิตร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านห้องปฏิบัติการ ๓. นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ๔. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นางสาวเกื้อกูล ปิยะจอมขวัญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมันสำปะหลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
11868 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอนุชา บูรพชัยศรี) | ศธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายอนุชา บูรพชัยศรี ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11869 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 และ 10 กันยายน 2562 | นร | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ และ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและอุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งเห็นชอบต่อมาตรการพื้นที่เสี่ยงภัยอุทกภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ และพื้นที่เสี่ยงภาคใต้ ปี ๒๕๖๒ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเพื่อลดผลกระทบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้นำมาตรการดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาวางแผน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโครงการตามมาตรการดังกล่าว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบภารกิจและความซ้ำซ้อนของแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ จากแผนงาน โครงการ และมาตรการต่าง ๆ ที่เคยได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีหรือที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านมาให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงแผนการจัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดหาแหล่งน้ำสำรอง การขุดเจาะบ่อบาดาล รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ และหากยังมีโครงการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมภายหลังจากการตรวจสอบความซ้ำซ้อนแล้ว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรายงานข้อมูลในภาพรวมในลักษณะของการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมและเพียงพอในแต่ละพื้นที่ โดยไม่กระทบกับการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งสามารถลดผลกระทบจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
11870 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 4 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา [ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....] [ขอถอนร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ] | ยธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติที่ร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๑๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน ๔ ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เร่งดำเนินการเพื่อเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ตามขั้นตอนต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11871 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง) | ยธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11872 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 | นร04 | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ ณ จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑๑-วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
11873 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการตระหนักถึงเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชียผ่านแนวทางแก้ไขและมาตรการด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม | คค | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาฮานอยว่าด้วยการตระหนักถึงเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชียผ่านแนวทางแก้ไขและมาตรการด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกและหน่วยงานที่เข้าร่วมการประชุมด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย (Regional Environmentally Sustainable Transport (EST) Forum in Asia) ครั้งที่ ๑๒ รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ องค์กรทวิภาคี และพหุภาคีต่าง ๆ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งที่ยั่งยืน รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสนับสนุนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะและมีความทนทาน การพัฒนาการเคลื่อนที่ในเมืองโดยตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชีย การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และการสนับสนุนต่อข้อผูกพันและความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อการบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม EST ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11874 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 22 | พม | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น การสนับสนุนและขอบคุณการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทย การรับรองและรับทราบเอกสารผลลัพธ์เกี่ยวกับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน จำนวน ๙ ฉบับ ที่จะเสนอให้ผู้นำอาเซียนพิจารณาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ การยืนยันความสำคัญของการสร้างราชการพลเรือนที่มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล และการชื่นชมการดำเนินการในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิเด็กและข้อริเริ่มต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11875 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 11 | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของประชุม ได้แก่ (๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำประเทศสมาชิกในการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และ (๒) ร่างข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นเอกสารที่จะนำมาใช้แทนแผนปฏิบัติการทศวรรษที่มุ่งสู่การเป็นภูมิภาคลุ่มน้ำโขงสีเขียวซี่งได้รับการรับรองเมื่อปี ค.ศ. ๒๐๐๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยจะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11876 | บันทึกช่วยจำว่าด้วยกรอบความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระยะที่สาม [Memorandum on Japan - Thailand Partnership Programme Phase 3 (JTPP3)] | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกช่วยจำว่าด้วยกรอบความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระยะที่สาม (Memorandum on Japan-Thailand Partnership Propramme Phase 3 (JTPP3) ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคที่มีพลังและมีประสิทธิผล เพื่อส่งเสริมการรวมตัวของประชาคมอาเซียนที่จะก่อให้เกิดแนวคิดอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ยุทธศาสตร์โตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๘ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และแผนแม่บทยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง [Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS)] ระยะ ๕ ปี (๒๕๖๒-๒๕๖๖) รวมทั้งสนับสนุนบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสวงหาการผสานข้อริเริ่มใหม่ ๆ ที่รวมถึงการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกช่วยจำฯ JTPP3 ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกช่วยจำฯ JTPP3 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11877 | ร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน (Joint Press Statement Between the Government of the People’s Republic of China and the Government of the Kingdom of Thailand โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ภายหลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรอบด้าน ได้แก่ (๑) ความสัมพันธ์ในภาพรวม (๒) เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว (๓) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๔) การศึกษา วัฒนธรรมและความเชื่อมโยงระดับประชาชน (๕) การเมืองและความมั่นคง และ (๖) ความร่วมมือในภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11878 | เอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา ครั้งที่ 9 ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็บชอบร่าง Santo Domingo Declaration ซึ่งมีภาคผนวกคือ Guideline for FEALAC Cooperation Projects ที่จะรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (Forum for East Asia-Latin America Cooperation : FEALAC) ครั้งที่ ๙ ที่กรุงซันโตโดมิงโก สาธารณรัฐโดมินิกัน ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยร่าง Santo Domingo Declaration มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิก FEALAC ที่จะร่วมกันกระชับความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารองค์กรและการทบทวนแผนปฏิบัติการ FEALAC ซึ่งเป็นพื้นฐานในการกำหนดทิศทางของการดำเนินโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และแสวงหาแนวทางเสริมสร้างประสิทธิภาพของเวทีความร่วมมือ FEALAC ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการยกระดับให้มีกลไกความร่วมมือระดับการประชุมสุดยอด การส่งเสริมให้คณะทำงานต่าง ๆ หารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง FEALAC กับองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ การส่งเสริมการค้าเสรีและเศรษฐกิจดิจิทัล การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมและการเมืองระหว่างภูมิภาค ส่วนร่าง Guideline for FEALAC Cooperation Projects มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ หลักการและแนวทางการดำเนินโครงการความร่วมมือภายใต้ FEALAC รวมถึงขั้นตอนการดำเนินโครงการ การประเมินและรายงานผลการดำเนินโครงการต่อคณะทำงานต่าง ๆ ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของประธานร่วมของคณะทำงาน ๑.๒ อนุมัติให้นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๙ ในฐานะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร่วมรับรองเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11879 | การรับรองแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารอาเซียน | กก | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารอาเซียน เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ จะให้การรับรองภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ก่อนนำเสนอผลสำเร็จและความคืบหน้าการดำเนินการให้ผู้นำอาเซียนรับทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของแผนแม่บทฯ ประกอบด้วย (๑) นิยามและองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร อาทิ การผลิตอาหารอย่างเพียงพอและคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับภาคการศึกษาเพื่อให้ความรู้และปลูกฝังค่านิยมและความเข้าใจเรื่องอาหารที่ดี การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ และการสร้างความเชื่อมโยงไปสู่ชุมชนตลอดจนมุ่งสู่ตลาดโลก (๒) การสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงอาหารจากหลากหลายสาขา อาทิ การเกษตร ศิลปะ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ศาสตร์และศิลปะเกี่ยวกับอาหารที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรูปแบบ (platform) สำหรับการแบ่งปันความรู้และร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารในอาเซียน และเชื่อมโยงสู่ชุมชนท้องถิ่น และ (๓) การสร้างเกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้นำไปคัดเลือกเมืองที่มีความโดดเด่นในการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรมบนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรับรองแผนแม่บทฯ ร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนแม่บทฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงอาหารเข้ากับการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ผ่านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนเป็นสำคัญ โดยให้อาหารเป็นอัตลักษณ์นำของพื้นที่ซึ่งสะท้อนแนวทางการทำการเกษตร วัฒนธรรมการบริโภคของชุมชน รวมทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ อันจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวพร้อมทั้งเพิ่มพูนกิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการกระจายรายได้สู่พื้นที่อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ เกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารควรให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ความสะอาดและความปลอดภัย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการเพิ่มคุณค่าห่วงโซ่อาหารและการยกระดับไปสู่สากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
11880 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าดี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๑๒ ฉบับ โดยเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่กิจการภาคการเกษตร เพื่อควบคุมดูแลปริมาณของน้ำ ตลอดจนเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง ในท้องที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี ตำบลอ่างหิน ตำบลปากท่อ และตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าดี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าดี จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำฝายคลองท่าดี กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางเหนือน้ำ ถึง กิโลเมตรที่ ๒๒.๙๓๘ ในท้องที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา และไปทางท้ายน้ำ กิโลเมตรที่ ๑๕.๓๘๕ ในท้องที่ตำบลมะม่วงสอนต้น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๖ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ซ้าย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๖ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อสุพรรณ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๑๕.๗๘๙ ในท้องที่ตำบลทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำวัง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำวัง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลปงดอน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ถึง กิโลเมตรที่ ๓๖.๐๐๐ ลงมาตามแม่น้ำวัง ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง ในท้องที่ตำบลวังใหม่และตำบลวังทอง อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยกซอย ๑ ซ้าย ของคลองซอย ๒ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยกซอย ๑ ซ้าย ของคลองซอย ๒ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๓ จากกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหลวง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๔๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลวัดหลวง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดลพบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองม่วง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองม่วง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ แยกตรง กิโลเมตรที่ ๓.๑๕๐ ของคลองหลวง ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๒๘.๑๕๐ ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง และตำบลบ้นายาง อำเภอวัดโบสถ์ และตำบลบ้านกลาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองผันน้ำ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองผันน้ำ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึง กิโลเมตรที่ ๐.๙๑๘ ในท้องที่ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลเขาน้อย อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๗๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลดอนแร่ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๒ ขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถึง กิโลเมตรที่ ๖๗.๗๗๒ ในท้องที่ตำบลหนองกลางนา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
.....