ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 596 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11901 - 11920 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11901 | สรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน และได้มอบนโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๒ แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อำนวยการสั่งการ (Single command) โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามสถานการณ์และบูรณาการสั่งการป้องกันและควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด จัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ สนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟ กวดขันไม่ให้มีการเผาพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันปัญหาหมอกควันภาคเหนือของ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณจังหวัดละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้เสนอตั้งงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา จึงเห็นควรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการด้านการเผาและลดหมอกควันเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มฤดูแล้ง ตามความจำเป็น เหมาะสม ในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน และเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหักงบประมาณที่ได้รับในโครงการหรือรายการที่มีวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีกรณีที่เกิดภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างเครือข่ายภาคีในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มศักยภาพของภาคีให้มีความเข้มแข็งในการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11902 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | สว | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับจัดสรรงบประมาณภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน ๑,๘๒๙,๑๖๔,๗๐๐ บาท และได้จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ จำนวน ๑,๖๕๔,๖๑๗,๗๑๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๔๖ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11903 | รายงานการดำเนินการตามโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเฉพาะฤดูการผลิต 2561/2562 | กค | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเฉพาะฤดูการผลิต ๒๕๖๑/๒๕๖๒ โดยคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบได้ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ได้รับสิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕๙,๕๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท มีเกษตรกรได้รับสิทธิตามหลักเกณฑ์ในโครงการฯ จำนวน ๑๕,๐๕๖ ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓๓,๐๖๐,๐๓๓.๔๔ บาท ประกอบด้วย (๑) ผู้บ่มอิสระ จำนวน ๔๓ ราย (๒) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย (ขายใบยาสด) จำนวน ๒,๓๑๘ ราย (๓) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย จำนวน ๒,๓๖๒ ราย (๔) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ จำนวน ๖,๖๖๕ ราย และ (๕) เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบพันธุ์เตอร์กิช จำนวน ๓,๖๖๘ ราย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11904 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายบูรณาการ/รายจ่ายบุคลากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 2 ฉบับ (รายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562) | นร07 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ รายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ รายจ่ายบูรณาการ/รายจ่ายบุคลากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายงบกลางระหว่างรายการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ รายการ วงเงินรวม ๓,๗๐๐ ล้านบาท (๒) รายการการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ไม่มีการโอนงบประมาณ และ (๓) รายการการโอนงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ มีการโอนงบประมาณ จำนวน ๒๑ กระทรวง ๑๗๐ หน่วยงาน ได้แก่ รายการโอนออก จำนวน ๒๑ กระทรวง ๗๒ หน่วยงาน วงเงิน ๕,๐๘๑.๒๒๔๔ ล้านบาท และรายการรับโอน จำนวน ๒๑ กระทรวง ๙๘ หน่วยงาน วงเงิน ๕,๐๘๐.๖๙๗๕ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11905 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | ตช | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว เพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน ๑๕ วัน ต่อไปอีก ๖ เดือน จนถึงหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว อย่างจริงจัง หลังจากที่ได้มีการใช้มาตรการลักษณะนี้มาแล้วกว่า ๑๑ เดือน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยรวมมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด และควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีกำลังซื้อสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11906 | การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | นร08 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ๑.๒ การดำเนินการใด ๆ บริเวณจุดผ่านแดนจะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง และให้ส่วนราชการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ [เรื่อง ผลกระทบจากการก่อสร้างถนนเลียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณอำเภอเบตง จังหวัดยะลา (แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจการใด ๆ ตามบริเวณชายแดน)] และเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) อย่างเคร่งครัด ๑.๓ มอบหมายกระทรวงมหาดไทยดำเนินการและประสานจังหวัดตากกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์และการบริหารจัดการพื้นที่ โดยกำหนดให้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออกของบุคคล รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถบรรทุกขนาดใหญ่ และดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร บำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ (ร่วมไทย-เมียนมา) ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติการใช้สะพานแห่งที่ ๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดแผนบูรณาการและมาตรการเตรียมการเพื่อป้องกันผลกระทบอันเกิดจากการเปิดจุดผ่านแดนถาวรฯ เช่น การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การบุกรุกพื้นที่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของชุมชน และผลกระทบจากปริมาณรถยนต์และรถบรรทุกที่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งในด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11907 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ | กห | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Defence of the Ministry of Defence of the Russian Federation on Cooperation in the Naval Field) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซียในระดับกองทัพเรือ โดยมีขอบเขตความร่วมมือและรูปแบบกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารเรือหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารเรือสหพันธรัฐรัสเซียเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพเรือ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11908 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM Summit) ครั้งที่ 18 และร่างปฏิญญากรุงบากู | กต | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (The XVIII Summit of Heads of State or Government of the Non-Aligned Movement : NAM Summit) ครั้งที่ ๑๘ มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการประชุมซึ่งสะท้อนท่าทีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดต่อปัญหาและความเคลื่อนไหวในประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ อย่างครอบคลุม เช่น ด้านระหว่างประเทศ ด้านการเมืองภูมิภาคและอนุภูมิภาค และด้านการพัฒนาสังคมและสิทธิมนุษยชน และ (๒) ร่างปฏิญญากรุงบากู (Baku Declaration) มีสาระสำคัญเป็นการย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้ความสำคัญ เช่น การสร้างเสริมความเข้มแข็งและการฟื้นฟูกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การส่งเสริมระบอบพหุภาคี การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาที่ยั่งยืน และการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๘ (18th NAM Summit) ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ๑.๒ หากถ้อยคำเรื่องทะเลจีนใต้ในเอกสารสุดท้ายไม่สอดคล้องกับท่าทีร่วมของอาเซียนในเรื่องนี้ ขออนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามในหนังสือแจ้งข้อสงวน (reservation) หรือหนังสืออื่น ๆ ที่เป็นการแจ้งท่าทีของอาเซียนต่อถ้อยคำในเอกสารสุดท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่น ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อเอกสารสุดท้ายของการประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๗ ณ เกาะมาร์การิตา สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา เมื่อปี ๒๕๕๙ ๑.๓ หากปรากฏว่า เนื้อหาหรือถ้อยคำของเอกสารสุดท้ายและปฏิญญากรุงบากูที่ได้รับรองในที่ประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๘ ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีของไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ หรือมีถ้อยคำรุนแรงประมาฌประเทศอื่นใด ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือข้อสงวน (reservation) หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือถ้อยคำดังกล่าวได้ ซึ่งการแจ้งข้อสงวนเป็นแนวทางที่ไทยปฏิบัติมาโดยตลอด ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11909 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 | กค | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๑ ระยะที่ ๒ จำนวน ๔ มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่าย โดยจะขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ และดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๑.๒ มาตรการลดภาระภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๓ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดย ธอส. จะสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย วงเงินสินเชื่อรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้แก่ ธอส. วงเงิน ๑,๑๘๒.๑๘ ล้านบาท และให้ ธอส. ทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๔ มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน (Front Load) โดยเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับวงเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ เพื่อให้มีเม็ดเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ (๒ เดือน) ๒. สำหรับภาระงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในภาพรวมว่าสามารถช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของระบบเศรษฐกิจในประเทศตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ และพิจารณาเป้าหมายการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ที่กำหนดเป้าหมายผู้ลงทะเบียนเติมเงินสำหรับใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก รวมถึงบริการต่าง ๆ จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ตลอดจนแสวงหาทางเลือกอื่นที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรการดังกล่าว และให้นำผลการประเมินมาพิจารณากำหนดมาตรการให้ครบถ้วนยิ่งขึ้นตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบรายละเอียดและเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ถูกต้อง และทั่วถึงด้วย ๓. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ และ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่เสนอในครั้งนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11910 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางประกอบการวางแผนการดำเนินงานและกำหนดแผนการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11911 | ราชอาณาจักรเบลเยียมขอปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดลำปาง และขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายณรงค์ ตนานุวัฒน์) | กต | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดลำปาง ๒. การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน และตาก ๓. การแต่งตั้ง นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ จังหวัดเชียงใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11912 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายไพศาล วรสถิตย์) | สธ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล วรสถิตย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11913 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. สืบเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๗-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายท่านได้อภิปรายพาดพิงถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ เช่น การจัดสวัสดิการทางสังคม การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารทรัพยากรน้ำ การดำเนินโครงการด้านดิจิทัลเทคโนโลยี การจัดสรรงบประมาณสำหรับท้องถิ่น และการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษา ซึ่งการอภิปรายในลักษณะดังกล่าวจะส่งผลต่อการรับรู้ของประชาชนและก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น จึงให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ ที่ได้ถูกหยิบยกขึ้นอภิปรายดังกล่าวข้างต้น แล้วเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาใช้ช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้เหมาะสมด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการจัดทำแผนการจัดสรรน้ำ จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และขุดเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก มาเป็นการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ๒๒ จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งเร่งชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์น้ำที่ถูกต้อง ตลอดจนแนวทางการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลต่อสถานการณ์น้ำดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11914 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นางกาญจนา ภัทรโชค และคณะ รวม 6 ราย) | กต | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางกาญจนา ภัทรโชค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน ๒. นายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ๓. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๔. นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ๕. นายเชิดเกียรติ อัตถากร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ ๖. นายเอกพล พูลพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11915 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายนิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์) | กก | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันทีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11916 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายรัตนะ สวามีชัย และคณะ รวม 5 ราย) | กษ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายรัตนะ สวามีชัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอรุณชัย พุทธเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางดาเรศร์ กิตติโยภาส ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายประยูร อินสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11917 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ และคณะ รวม 8 ราย) | ศธ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งที่ว่างและตำแหน่งที่จะว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายศรีชัย พรประชาธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายประชาคม จันทรชิต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางปัทมา วีระวานิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ ดำรงตำแหน่องรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายธีรพงษ์ สารแสน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายพีระ รัตนวิจิตร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายอรรถพล ตรึกตรอง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11918 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพงศ์เกษม ไข่มุกด์ และคณะ รวม 3 ราย) | สธ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายพงศ์เกษม ไข่มุกด์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาววิพรรณ สังคหะพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11919 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอนุชา บูรพชัยศรี) | ศธ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอนุชา บูรพชัยศรี) คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11920 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายปริญญา พัฒนภักดี) | กค | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปริญญา พัฒนภักดี เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทน นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....