ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 598 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11941 - 11960 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11941 | ขอเสนอมาตรฐานสถิติเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ | ดศ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรฐานสถิติที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และประกาศใช้เป็นมาตรฐานในการผลิตสถิติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐนำมาตรฐานดังกล่าวใช้เป็นแนวทางในการจัดทำข้อมูลสถิติของหน่วยงานต่อไป เพื่อให้ข้อมูลสถิติของประเทศสามารถแลกเปลี่ยนเชื่อมโยง และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่จัดทำขึ้นต่างช่วงเวลาและต่างแหล่งข้อมูลได้ร่วมกัน สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจในการกำหนดนโยบายหรือตอบโจทย์ตัวชี้วัดต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เกิดความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรในการผลิตสถิติของประเทศ ๑.๒ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐจัดทำสถิติให้เป็นไปตามแผนกำหนดความรับผิดชอบในการดำเนินงานทางสถิติตามแผนแม่บท และดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรฐานสถิติ ๑.๓ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐจัดส่งข้อมูลการใช้มาตรฐานสถิติ รวมถึงรายละเอียดของข้อมูล (Metadata) ตามมาตรฐานที่สำนักงานสถิติแห่งชาติกำหนด ทั้งข้อมูลระดับย่อย (Microdata) และข้อมูลสถิติเพื่อให้สำนักงานสถิติแห่งชาติรวบรวมเป็นข้อมูลในการจัดทำศูนย์กลางรายการข้อมูลภาครัฐ (National Data Catalogue and Directory services) และเพื่อให้สามารถติดตามและประเมินสถานการณ์การพัฒนาสถิติของประเทศให้มีคุณภาพตามหลักการพื้นฐานสถิติทางการและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล สามารถนำมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลร่วมกันได้อย่างคุ้มค่า ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) พิจารณากำหนดให้หน่วยงานสามารถผลิตสถิติใหม่เพิ่มเติมได้นอกเหนือจากที่กำหนดภายใต้มาตรฐานสถิติ หากพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นที่ต้องจัดทำและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ (๒) สำนักงานสถิติแห่งชาติอาจพิจารณานำเสนอการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) ปี ๒๕๔๔ เพื่อเป็นมาตรฐานในการจัดทำข้อมูลสถิติของประเทศ (๓) ให้มีการหารือและแลกเปลี่ยนการทำ mapping ข้อมูลสถิติระหว่างหน่วยงาน เพื่อจัดทำทะเบียนข้อมูลสถิติกลาง และให้สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงาน (๔) คำนึงถึงนโยบายการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ กรอบการกำกับดูแลข้อมูล และประเด็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (๕) เร่งรัดการจัดทำมาตรฐานสถิติอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดทำสถิติทางการให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน (๖) มีการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของข้อมูลเนื้อหา รูปแบบ และวิธีการในการจัดทำศูนย์กลางรายการข้อมูลภาครัฐให้ชัดเจน และ ๗) ประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนมีการจัดทำข้อมูลสถิติที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่มาตรฐานสถิติได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. การนำเสนอมาตรฐานสถิติและมาตรฐานการผลิตสถิติต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณานำตัวแปรที่สอดคล้องกันเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน เพื่อให้หน่วยงานผู้จัดทำและใช้ข้อมูลสถิติสามารถวางแผนการปรับเปลี่ยนระบบสถิติได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11942 | ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2562 | พม | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี ๒๕๖๒ จำนวน ๓ ประเด็น รวม ๒๐ ข้อ เกี่ยวกับเรื่องการสื่อสารในครอบครัวเชื่อมสัมพันธ์ทุกช่วงวัย เรื่องเพศคุยได้ในครอบครัว และครอบครัวรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งจากความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในที่ประชุมสมัชชาครอบครัวฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) ได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อน โดยจำแนกเป็น ๓ กระบวนงาน ได้แก่ (๑) การพัฒนาองค์ความรู้ หลักสูตร นวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการสื่อสารในครอบครัว (๒) การส่งเสริมการสร้างพื้นที่เรียนรู้เพื่อครอบครัว และ (๓) การส่งเสริมการผลิตสื่อสร้างสรรค์เพื่อครอบครัว และได้มีการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ ๑/๑๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ แล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาเชื่อมโยงกับโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ พร้อมทั้งกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักและรับผิดชอบรอง รวมถึงเป้าหมายและระยะเวลาในการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยใช้กลไกที่จัดตั้งภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ในการขับเคลื่อนข้อเสนอแนะฯ ควบคู่กับการมีกระบวนการในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามมติสมัชชาฯ ในปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรค และปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จสำหรับนำไปใช้เป็นบทเรียนต่อการขับเคลื่อนในปีต่อ ๆ ไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการขับเคลื่อนข้อเสนอมติสมัชชาครอบครัวฯ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11943 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวน องค์ประกอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มา คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการมาตรฐาน การอุดมศึกษา พ.ศ. .... | อว | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวน องค์ประกอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มา คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวน องค์ประกอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มา คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นการกำหนดให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมคนหนึ่ง เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมิได้ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมคณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการมาตรฐานกรอุดมศึกษา นั้น อาจไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา ๖๗ แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โดยความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมคณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11944 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกันยายน 2562 | นร11 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11945 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ ) | รง | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวดวงพร พรพิทักษ์พันธุ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11946 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 10 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมนครศรีธรรมราช พ.ศ. ....) | มท | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน ๑๐ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวรที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมือง ในท้องที่ตำบลปากพูน ตำบลท่าชัก ตำบลนาเคียน ตำบลท่าวัง ตำบลปากนคร ตำบลโพธิ์เสด็จ ตำบลคลัง ตำบลในเมือง ตำบลมะม่วงสองต้น ตำบลท่าเรือ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และตำบลนาสาร ตำบลข้างซ้าย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช ๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเมืองปัก จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลธงชัยเหนือ ตำบลตะคุ ตำบลเมืองปัก ตำบลนกออก ตำบลงิ้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางคู้ ตำบลท่าวุ้ง และตำบลโพตลาดแก้ว อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโพชนไก่ ตำบลแม่ลา ตำบลเชิงกลัด ตำบลสิงห์ ตำบลไม้ดัด และตำบลบ้านจ่า อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเหนือเมือง ตำบลในเมือง ตำบลดงลาน ตำบลรอบเมือง ตำบลขอนแก่น อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองเต่า ตำบลหัวดง ตำบลเขาดิน ตำบลเก้าเลี้ยว และตำบลมหาโพธิ อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโคกสำโรง ตำบลถลุงเหล็ก ตำบลคลองเกตุ และตำบลวังขอนขว้าง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมือง ในท้องที่ตำบลดอนมะโนรา ตำบลบางนกแขวก ตำบลบางคนที ตำบลยายแพง ตำบลบางยี่รงค์ ตำบลจอมปลวก ตำบลกระดังงา ตำบลโรงหีบ ตำบลบ้านปราโมทย์ ตำบลบางกระบือ ตำบลบางสะแก ตำบลบางกุ้ง และตำบลบางพรหม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ๙. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมและยกเลิกข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภท และยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวง และเพิ่มประเภท ชนิด และจำพวกของโรงงานที่ห้ามประกอบกิจการท้ายกฎกระทรวง ๑๐. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสรรพยา จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11947 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวนุชจรี วงษ์สันต์) | นร11 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนุชจรี วงษ์สันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11948 | การเข้าเป็นสมาชิกสภาน้ำแห่งเอเชีย (Asia Water Council : AWC) | นร | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเข้าเป็นสมาชิกสภาน้ำแห่งเอเชีย (Asia Water Council : AWC) ซึ่งการเข้าเป็นสมาชิก AWC จะทำให้ประเทศไทยได้รับสิทธิต่าง ๆ เช่น การออกเสียงและเลือกตั้งกรรมการบริหารและการสมัครเป็นกรรมการบริหารและกรรมการวิชาการ รวมทั้งการสมัครแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทางวิชาการ โดยเมื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก AWC แล้ว ประเทศไทยจะต้องจ่ายค่าบำรุงสมาชิก ปีละ ๓,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๙๐,๐๐๐ บาท (คำนวณจาก ๑ ดอลลาร์สหรัฐ : ๓๐ บาท) ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการเข้าเป็นสมาชิก AWC ปีละ ๓,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณในขั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รองรับการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11949 | ขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีต่อขอบเขตอำนาจหน้าที่ (TOR) องค์กรเฉพาะสาขาภายใต้รัฐมนตรีแรงงานอาเซียน | รง | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบขอบเขตอำนาจหน้าที่ (TOR) จำนวน ๔ ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบการดำเนินงานของกลไกภายใต้รัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers Meeting : ALMM) เช่น พันธกิจ องค์ประกอบ โครงสร้าง กลไกการดำเนินงาน รวมทั้งบทบาทและหน้าที่ของประธาน เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานร่วมรับรอง (โดยไม่มีการลงนาม) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ TOR เจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน (ASEAN Senior Labour Officials Meeting : SLOM) ๑.๒ TOR คณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนว่าด้วยแนวปฏิบัติที่ก้าวหน้าด้านแรงงานเพื่อเสริมสร้างการแข่งขันในอาเซียน (The Senior Labour Officials Meeting Working Group on Progressive Labour Practices to Enhance the Competitiveness of ASEAN : SLOM-WG) ๑.๓ TOR คณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยการปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว (ASEAN Committee on the implementation of the ASEAN Declaration on the Protection and Promotion of the Rights of Migrant Workers : ACMW) ๑.๔ TOR เครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอาเซียน (ASEAN Occupational Safety and Health Network : ASEAN-OSHNET) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน TOR ทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้กระทรวงแรงงานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11950 | การปรับเพิ่มโควตาผู้เข้าร่วมโครงการตรวจลงตราทำงานและท่องเที่ยวไทย - ออสเตรเลีย | กต | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการตอบรับข้อเสนอเพิ่มโควตาผู้เข้าร่วมโครงการตรวจลงตราทำงานและท่องเที่ยวไทย-ออสเตรเลีย (Work and Holiday Visa : WHV) ของฝ่ายออสเตรเลียในลักษณะต่างตอบแทน จาก ๕๐๐ คน เป็น ๒,๐๐๐ คนต่อปี และให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบฝ่ายออสเตรเลียแจ้งความเห็นชอบต่อการปรับเพิ่มโควตาผู้เข้าร่วมโครงการ WHV จาก ๕๐๐ คน เป็น ๒,๐๐๐ คนต่อปี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานที่ดำเนินการคัดเลือกผู้ข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีหลักเกณฑ์และกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครที่ชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และควรมีการจัดอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ ก่อนการเดินทาง นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดมาตรการและแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในเรื่องต่าง ๆ เช่น ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11951 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์) เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันรับรอง/เห็นชอบเอกสาร ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑) แผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (๒) แนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะ/ผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ (๓) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ (๔) แนวทางในการส่งเสรมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน (๕) การปรับปรุงข้อบทืว่าด้วยระเบียบวิธีปฏิบัติด้านหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (๖) การปรับปรุงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน และ (๗) ขอบเขตการดำเนินงานของการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการหารือกับคู่เจรจาของอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ตลอดจนการหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council : ASEAN-BAC) และการหารือทวิภาคีกับสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย รัสเซีย และอินเดีย ทั้งนี้ การประชุมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศสมาชิกคู่เจรจาต่างให้การสนับสนุนไทยในฐานะประธานอาเซียนในการผลักดันประเด็นต่าง ๆ ให้บรรลุตามเป้าหมาย นอกจากนี้ เป้าหมายการสรุปการเจรจา RCEP ให้ได้ในปีนี้ นอกจากเป็นประเด็นสำคัญที่อาเซียนร่วมกันผลักดันให้สำเร็จแล้วยังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างจับตามอง ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของอาเซียนและคู่เจรจาในการเชื่อมโยงระบบการค้าการลงทุนเข้าด้วยกัน โดยยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดถือกฎเกณฑ์และกติกาเป็นสำคัญ ท่ามกลางกระแสความท้าทายทางการค้าโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11952 | ร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | อก | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการอบรมการยกระดับการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมสำหรับประเทศในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Training on Enhancement of Industrial Policy Development for Lancang-Mekong Countries) ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงอุตสาหกรรมขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund) ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) จำนวนเงิน ๔๕๐,๐๐๐ หยวน (๖๕,๓๘๕ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒ ล้านบาท) โดยโครงการดังกล่าวเป็นการอบรมเจ้าหน้าที่/ข้าราชการระดับกลางจากประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เนื้อหาการอบรมที่สำคัญ เช่น สถานะด้านอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือฯ นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญ แนวทางส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น และจะเป็นกลไกในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างกันของประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างหน่วยงานปฏิบัติอันจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานด้านอุตสาหกรรมระหว่างกันในอนาคต ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งฝ่ายจีนขอให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการดำเนินโครงการอบรมการยกระดับการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมสำหรับประเทศในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Training on Enhancement of Industrial Policy Development for Lancang-Mekong Countries) กระทรวงอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศกับโอกาสและประโยชน์จากการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาร่วมกันภายในภูมิภาค ทั้งการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างกันและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ mainland ASEAN ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11953 | การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการเตรียมการสำหรับองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ | อว | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) ในฐานะตัวแทนของไทย ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการเตรียมการสำหรับองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Preparatory Commission for the Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty Organization : CTBTO PrepCom) ตอบรับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมที่เกี่ยวข้องกับ CTBTO PrepCom ได้แก่ National Data Center Capacity Building Workshop and Regional Seismic Travel Time in Combination with Data Sharing and Integration Training ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม ถึงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามหนังสือแลกเปลี่ยน ๑.๒ เห็นชอบหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการประชุมดังกล่าวซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันและการอำนวยความสะดวกที่ฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาให้แก่เจ้าหน้าที่ของ CTBTO PrepCom และผู้เข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้องกับ CTBTO PrepCom ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าวไปยัง CTBTO PtepCom ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการประชุมดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11954 | เอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 19 | ดศ | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Ministers Meeting : TELMIN) ครั้งที่ ๑๙ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ (๒) ร่างข้อเสนอแนวทางสำหรับกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน (๓) ร่างแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมบำรุงเคเบิลใต้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (๔) ร่างขอบเขตการปฏิบัติงานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล และ (๕) ร่างขอบเขตการปฏิบัติงานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล โดยร่างเอกสารดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Senior Officials Meeting : TELSOM) ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ก่อนได้รับการรับรองในการประชุม TELMIN ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันดำเนินการภายในประเทศเพื่อรองรับกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน โดยเฉพาะการปรับปรุงระเบียบ มาตรการและมาตรฐานการดำเนินงาน รวมถึงการกำหนดกฎหมายอนุบัญญัติเพื่อรองรับพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและแนวทางของอาเซียนอย่างเหมาะสม และควรปรับปรุงมาตรการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมบำรุงเคเบิลใต้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการรักษาอำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ รวมทั้งควรร่วมกันดำเนินการในประเด็นการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล (ASEAN Digital Senior Officials Meeting : ADGSOM) และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crime : SOMTC) และการกำหนดท่าทีของประเทศไทยเพื่อรองรับการทำงานแบบข้ามเสาข้ามหน่วยงาน (Cross-Pillars Cross-Sectoral) ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานภายใต้กรอบอาเซียนที่มีความสำคัญในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11955 | การประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ปี ค.ศ. 2019 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | กสทช | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารท่าทีของประเทศไทยสำหรับการเข้าร่วมการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ปี ค.ศ. ๒๐๑๙ (World Radiocommunication Conference : WRC-19) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๘ ตุลาคม-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ เมืองชาร์ม อัค ซีค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้แทนไทยที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ โดยยึดความเหมาะสมและผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ๑.๒ มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปราย ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้ายของการประชุม WRC-19 ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials) โดยมอบอำนาจในการอภิปราย ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้ายของการประชุม WRC-19 ให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารท่าทีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม WRC-19 และประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11956 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2563 | นร11 | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๔๔๓,๘๙๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๓๔๖,๒๖๒ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๒๔๓,๘๙๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๙๖,๒๖๒ ล้านบาท และ (๒) กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณ หรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ ๑.๓ มอบหมายให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติ และโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ในช่วงระหว่างการโอนภารกิจด้านการวิเคราะห์งบลงทุนรัฐวิสาหกิจไปให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดำเนินการ ๑.๔ เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะทุกไตรมาส และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๓ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ที่คาดว่า จะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๙,๘๕๐ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่า จะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๓๙๓,๐๙๐ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๙๘,๗๖๔ ล้านบาท ๒. ในส่วนของการเตรียมความพร้อมดำเนินภารกิจด้านการวิเคราะห์งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจนั้น ให้คงเป็นภารกิจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานระดับกองขึ้นใหม่เพื่อรองรับภารกิจดังกล่าว ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงบประมาณ เช่น ควรพิจารณางบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ให้มีการสนับสนุนการลงทุนด้านการเสริมสร้างองค์ความรู้ ความตระหนัก และความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดจนงบลงทุนในรัฐวิสาหกิจด้านสังคมให้มากขึ้น เพื่อจะกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ และเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนากำลังคนของประเทศในระยะยาว สำหรับเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11957 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. .... | มท | 22/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจการฮัจย์ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรระบุข้อความในหมวด ๒ การคุ้มครองผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้อ ๑๑ (๙) และแก้ไขข้อความในร่างข้อ ๒ (ก) ให้ชัดเจน รวมทั้งกรณีการออกคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ควรระบุรายชื่อกรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนของนิติบุคคลที่เป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตไว้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการไปจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติฮัจย์ พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฮัจย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรกำหนดให้ช่วงระยะเวลาทำการบินรับ-ส่ง ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ต่อเนื่องกันทั้งขาไปและขากลับเนื่องจากเป็นภารกิจเฉพาะ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ การทำการบินมีระยะห่างช่วงเวลาประมาณ ๒๐ วัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกของผู้เดินทาง เช่น การให้บริการเต็นท์ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11958 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11959 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11960 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....