ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์) | ยธ. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ..ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับเด็กและความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
สำนักงานศาลยุติธธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เห็นว่ามาตรา ๑๔ วรรคสาม
แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ
ในส่วนที่กำหนดความผิดอันมีลักษณะเป็นการให้การครอบครองหรือส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์
หรือผ่านช่องทางโทรคมนาคมต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้หนึ่งในสามนั้น
อาจพิจารณาใช้คำว่า “โทรคมนาคม” แทนคำว่า “ช่องทางโทรคมนาคม”
เพื่อให้สอดคล้องกับบทนิยาม “โทรคมนาคม” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่กำหนดว่า “โทรคมนาคม” หมายความว่า
การส่ง การแพร่ หรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส
หรือสิ่งอื่นใดซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้ โดยระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย
ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น และร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๖ มาตรา ๘
มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๑ แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ
เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาโดยกำหนดให้การกระทำความผิดตามหลักการตามร่างมาตราข้างต้น
ได้แก่ ความผิดอันมีลักษณะเป็นการโน้มน้าว จูงใจ ล่อลวง
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นควรพิจารณาตรวจสอบถ้อยคำในหลักการ
(๒) ที่กำหนดว่า “(เพิ่มมาตรา ๒๘๐/๒)” นั้น ควรเป็น “(เพิ่มมาตรา ๒๘๐/๑)” หรือไม่
เพื่อให้ถูกต้องกับเจตนารมณ์ของหลักการ พิจารณาเพิ่มเติมหลักการในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา
๒๘๗/๒ ซึ่งกำหนดความผิดที่หากเพื่อความประสงค์แห่งการค้าฯ, ประกอบการค้าฯ, เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลายฯ
ให้เป็นความผิดต้องรับโทษไว้ในหลักการของการร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อให้ครบถ้วนด้วย
และตามร่างมาตรา ๔ ควรพิจารณาเพิ่มการกระทำความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพตามมาตรา ๓๑๐ ทวิ
แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เข้าเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพที่กระทำนอกราชอาณาจักรแล้วต้องได้รับโทษภายในราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรกำหนดให้มีมาตรการควบคุมดูแล
แก้ไข หรือบรรเทาผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว อาทิ มาตรการออกคำสั่งเตือน คำสั่งให้ลบ
หรือระงับการเข้าถึงซึ่งมีการประกาศใช้ในต่างประเทศ เช่น กฎหมาย Protection from Online Falsehood and Manipulation
Act 2019 (POFMA) ของประเทศสิงคโปร์ Online
Safety Act 2021 ของประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติ
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และประหยัด
รวมถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับอย่างยั่งยืน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ หากหน่วยงานมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในโอกาสแรกก่อน
|