ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | โครงการสลากการกุศล | กค. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย
ของมูลนิธิต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย วงเงิน ๒๕๐ ล้านบาท
เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว ล่วงเลยระยะเวลาตามที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เห็นชอบ เนื่องจากปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกรมธนารักษ์เพื่อขอเช่าที่ดินแปลงอื่น ๑.๒ เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๗ โครงการ วงเงิน ๕,๓๐๘.๑๔ ล้านบาท ๑.๓
มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบบาล ดำเนินการดังนี้ ๑.๓.๑
เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศลตามข้อ ๑.๒ ๑.๓.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนตามข้อ ๑.๒
เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล การขออนุญาตการออกสลากการกุศล โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
โดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ ๐.๕
แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔) ของกฎกระทรวงมหาดไทย
ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๑.๓.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการและรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑.๔
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการดังนี้ ๑.๔.๑
ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจในการกำหนดระยะเวลาผูกพันวงเงินขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน
หรือขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนเบิกจ่ายตามเหตุผลความจำเป็นแล้วแต่กรณี ทั้งนี้
หากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลพิจารณาแล้วเห็นว่า
โครงการดังกล่าวสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลให้โครงการดังกล่าว
๑.๔.๒ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้เงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
โดยโครงการที่ได้รับการสนับสนุนตามข้อ ๑.๒ เป็นในส่วนของทุนการศึกษา
จึงเห็นควรให้ดำเนินการสนับสนุน ตามจำนวนผู้รับทุนการศึกษาที่หน่วยงานเสนอขอรับการสนับสนุนเท่านั้น
โดยให้นำเงินเหลือจ่ายโอนเข้ารายได้แผ่นดิน ทั้งนี้
ในกระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุน ควรดำเนินการอย่างโปร่งใส ชัดเจน รอบคอบ
และรัดกุม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง และความเป็นธรรม เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการในการลดความเหลื่อมล้ำ
ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับทุนอย่างเท่าเทียมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา
หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ
อย่างโปร่งใส โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง และความเป็นธรรม
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการในการลดความเหลื่อมล้ำ และเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับทุนการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เห็นควรให้ทุกหน่วยงานร่วมวางแผนวิจัยติดตามประเมินผลความคุ้มค่าหรือวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมของการดำเนินการโครงการสลากการกุศลดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการระยะยาวของรัฐบาลที่เหมาะสมต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดให้การเบิกจ่ายเงินเพื่อดำเนินโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศลแล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้ดำเนินการประเมินผลโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล
ทั้งในด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วย เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
662 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ (นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2568 และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 | นร.11 สศช | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๒ (นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๘ และวันจันทร์ที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๘ และเห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนบน ๒ จำนวน ๔ โครงการ กรอบวงเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม
ความคุ้มค่าของโครงการและความเหมาะสมของวงเงินตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดฯ ของภาคเอกชน (กรอ. กลุ่มจังหวัด)
จำนวน ๕ โครงการ กรอบวงเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า
และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดฯ
ของภาคเอกชน ในส่วนที่เหลือจำนวน ๒๑ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติที่ประชุมไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สำหรับวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้หน่วยรับงบประมาณที่เป็นเจ้าของโครงการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
663 | นายกรัฐมนตรีลาป่วยในวันที่ 25 เมษายน 2568 | นร.05 | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลาป่วยในวันศุกร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๘ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
664 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียประจำประเทศไทย (นายเฟสเซฮา ชาเวล เกเบร) | กต. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฟสเซฮา ชาเวล เกเบร (Mr. Fesseha Shawel Gebre) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นางทีซีทา มูลูเกทา ยีมาม (Mrs.
Tizita Mulugeta Yimam) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
665 | รัฐบาลสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาประจำประเทศไทย (นายราดาเมส เฮซุส โกเมซ อาเซาเฮ) | กต. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายราดาเมส เฮซุส โกเมช อาเซาเฮ (Mr. Radames Jesus Gomez
Azuaje) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายมานูเอล อันโตเนียว กุซมัน
เอร์นันเดช (Mr. Manuel Antonio Guzman
Hernandez) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
666 | รัฐบาลราชอาณาจักรบาห์เรนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย (นายเคาะลีล ยะอ์กูบ อัลคัยยาฏ) | กต. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเคาะลีล
ยะอ์กูบ อัลคัยยาฏ (Mr. Khalil Yaqoob AlKhayat) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย
คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวมุนา อับบาส มะฮ์มูด รอฎี (Ms.
Muna Abbas Mahmood Radhi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
667 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวดารินทร์ อารีย์โชคชัย และนางสาวทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์) | สธ. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวดารินทร์ อารีย์โชคชัย ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน)
กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
๒. นางสาวทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
668 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพลช หุตะเจริญ) | กค. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ แต่งตั้ง นายพลช หุตะเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการเศรษฐกิจ) สูง]
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
669 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (1. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | ทส. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
จำนวน ๖ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๒. รองศาสตราจารย์ประทีป ด้วงแค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า ๓. นายบริพัตร ศิริอรุณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๔. นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๕. นายประสิทธิ์ หมีดเส็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี
วัฒนธรรม และวิถีชุมชน (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
670 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (1. นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท ฯลฯ จำนวน 3 คน) | มท. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท ๒. รองศาสตราจารย์สุวดี ทองสุกปลั่ง หรรษาสุขสิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
671 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย) | มท. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุพจน์
รอดเรือง ณ หนองคาย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงมหาดไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
672 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และรายงานการเงินรวมภาครัฐ (บทวิเคราะห์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐตามบัญชีรายชื่อหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน
๖๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
673 | ร่างบันทึกความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการพัฒนาดิจิทัล นวัตกรรม และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน | ดศ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการพัฒนาดิจิทัล นวัตกรรม
และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ
โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างไทยและคาซัคสถาน
เช่น (๑) แบ่งปันประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาระดับชาติ
(๒) ส่งเสริมความร่วมมือในด้านการบริหารจัดการภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
และการบริหารสาธารณสุขในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (๓) แบ่งปันแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(๔) ส่งเสริมความร่วมมือในการออกแบบและผลิตระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๕)
ส่งเสริมบริษัทสตาร์ทอัพในธุรกิจในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ (๖) แบ่งปันประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่
เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (๗) แบ่งปันความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และ (๘)
ส่งเสริมความร่วมมือด้านอื่น ๆ ทั้งนี้ ร่างบันทึกความร่วมมือฯ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา
๓ ปี และสามารถขยายออกไปได้ โดยการตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
674 | การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยการบินพลเรือน (เดลี) | คค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปฏิญญาระดับรัฐมนตรีเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยการบินพลเรือน
(เดลี) และให้กระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งการรับรองปฏิญญาเดลีถึงผู้อำนวยการสำนักงานสาขาภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อทราบต่อไป โดยปฏิญญาเดลีฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
เพื่อมุ่งมั่นส่งเสริมการดำเนินการตามแผนงานและมาตรฐานและข้อพึงปฏิบัติด้านต่าง
ๆ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เช่น
การดำเนินการตามปฏิญญาว่าด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือน
การดำเนินการตามแผนนิรภัยในการบินพลเรือนของโลก แผนการเดินอากาศโลก
และแผนการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนของโลก เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาเดลีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบิน
และการให้บริการเดินอากาศ
ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์สำนักงานการบินพลเรือนของไทย ระยะ ๕ ปี
(พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๘) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
675 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 33 | พม. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๓ (Draft Joint Statement of the 33rd
ASCC Council Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๓ (33rd ASCC Council Meeting) ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๓ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๘ ณ นครกูชิง รัฐซาราวัก
สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแสดงความยินดีกับมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน
และการสนับสนุนประเด็นสำคัญ ๕ ประเด็นภายใต้หัวข้อหลัก “ความครอบคลุมและความยั่งยืน
(Inclusivity and Sustainability)” การแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าการดำเนินการกว่าร้อยละ
๙๙ ของแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ๒๐๒๕ (ASCC Blueprint 2025) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. ๒๐๒๕
และความคืบหน้าของร่างแผนยุทธศาสตร์ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนฉบับใหม่ และยังสนับสนุนประเด็นต่าง
ๆ ที่ส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค อาทิ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บทบาทของวัคซีน
ยา การบูรณาการสิทธิคนพิการ บทบาทของเจ้าหน้าที่เสาสังคมฯ เป็นต้น นอกจากนั้น
ยังได้ชื่นชมการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของ ติมอร์-เลสเต และสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
676 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ | ปช. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลประเภทต่าง
ๆ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้สำนักงาน ก.พ.
สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
677 | การรับรองปฏิญญาว่าด้วยสภาพภูมิอากาศและสุขภาพ (COP28 Declaration on Climate and Health) | สธ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการรับรองปฏิญญาว่าด้วยสภาพภูมิอากาศและสุขภาพ
(COP28 Declaration on Climate
and Health) ของประเทศไทย และ
มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามขั้นตอนการรับรองปฏิญญาฯ ต่อไป โดยปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนาในการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพให้มีภูมิคุ้มกันและมีความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนและกลุ่มเปราะบางให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาและเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานภายใต้ปฏิญญาฯ
ดังกล่าว
และควรสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศพึงได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
678 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์) | ศธ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
679 | ขอความเห็นชอบอนุมัติใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม | มท. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงิน
และระยะเวลาการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี ๒๕๖๗ เพิ่มเติม จากมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ และเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมอีก จำนวนเงิน ๗๘๑.๘๘๔
ล้านบาท ๒. อนุมัติระยะเวลาการช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และที่ขอรับสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้
เพิ่มเติม ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ขอรับสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยรับงบประมาณ
และจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๔๔๓๐ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘)
ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
680 | การปรับค่าจ้างชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแรกบรรจุของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินตามมาตรา
๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการเองได้ เมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบแล้วในเรื่องการปรับค่าจ้างชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างแรกบรรจุของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ
ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ให้กระทรวงแรงงานและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ |