ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
721 | การจัดทำร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี | มท. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ
จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers)
ในการลงนามในร่างความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ที่รับมอบอำนาจดังกล่าวด้วย โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือในการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่
เช่น ฝ่ายไทย จะรับผิดชอบค่าก่อสร้างทั้งหมดของโครงการ
ยกเว้นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ภาษี และค่าธรรมเนียมทุกชนิดในกัมพูชา
ควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงออกหนังสือรับรองการทำงานและการตรวจลงตราหนังสือเดินทางเข้า
- ออกไทยแก่บุคลากรและผู้ติดตามฝ่ายกัมพูชา และฝ่ายกัมพูชา จะจัดเตรียมที่ดินในเขตการก่อสร้างและรื้อย้ายสาธารณูปโภคพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่าง
ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภค เช่น
น้ำประปา ไฟฟ้า อำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจลงตราหนังสือเดินทางแก่บุคลากรและผู้ติดตามของฝ่ายไทย
รวมทั้งยกเว้น ภาษี อากร และค่าธรรมเนียมให้กับฝ่ายไทย เช่น
ค่าธรรมเนียมในการเดินทางเข้า - ออกประเทศ ภาษี อากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าธรรมเนียมต่าง
ๆ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือในการก่อสร้าง รวมถึงยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง
น้ำมันหล่อลื่น เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ในครัวเรือน และสิ่งของที่ใช้บริโภคของบุคลากรและผู้ติดตามฝ่ายไทยที่นำเข้าไปในกัมพูชา
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดน
โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงที่แฝงมากับการสัญจรข้ามแดน
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชนในอนาคตอย่างรอบคอบ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เตรียมความพร้อมวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการบริเวณด่านศุลกากร
เพื่อรองรับเศรษฐกิจการค้า การขนส่ง และการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์จากการจัดทำร่างความตกลงในครั้งนี้
ในการประสานความร่วมมือกับราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น
ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน ปัญหากลุ่มอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
722 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันและลดผลกระทบจากมลพิษข้ามแดน
โดยไม่จำกัดเพียงหมอกควันข้ามแดนแต่รวมถึงมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ ขยะมูลฝอย
ขยะอันตราย และรูปแบบอื่น ๆ ของมลพิษ รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อการดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
723 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายในชั้นร้องทุกข์กล่าวโทษ การให้ปากคำ และคุ้มครองผู้เสียหายหรือพยานในชั้นการไต่สวนมูลฟ้อง และการพิจารณาและการสืบพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศหรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง) | ยธ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกิน
๑๘ ปี จากคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น คดีอนาจาร คดีข่มขืนกระทำชำเรา ฯลฯ
หรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง เช่น
คดีที่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (ทำร้ายร่างกายบุคคลในครอบครัว ฯลฯ) โดยเริ่มตั้งแต่ชั้นการรับคำร้องทุกข์
การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยาน การไต่สวนมูลฟ้อง และการพิจารณาและการสืบพยาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างมาตรา ๔
ในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ การถามปากคำซึ่งพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการตามหลักการในมาตรา
๑๓๓/๑ ประสงค์จะคุ้มครองทั้งผู้เสียหายและพยานที่อายุเกินสิบแปดปีด้วยหรือไม่
หากใช่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๔ จาก “มาตรา ๑๓๓/๑ ภายใต้บังคับแห่งมาตรา
๑๓๙ การถามปากคำผู้เสียหายที่อายุเกินสิบแปดปี...” เป็น “มาตรา ๑๓๓/๑ ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๑๓๙ การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกินสิบแปดปี...”
และร่างมาตรา ๕ ให้นำบทบัญญัติในมาตรา ๑๓๓/๑
มาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่การไต่สวนมูลฟ้องนั้น เนื่องจากตามมาตรา ๑๓๓/๑ มีการกำหนด “คดีที่พนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกินสิบแปดปีอาจได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง” ด้วย
ตามร่างมาตรา ๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง
จึงน่าจะต้องใช้ข้อความในลักษณะเดียวกันให้ครบถ้วนตามร่างมาตรา ๔
ซึ่งเพิ่มเติมมาตรา ๑๓๓/๑ ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
724 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๙ คณะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ๒. คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ๓. คณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางในการป้องกัน
แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ๔. คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ๕. คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ๖. คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ๗. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา ๘. คณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ ๙. คณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม
|
|||||||||||||||||||||||||||
725 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ | นร.03 | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ มีองค์ประกอบ
ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ๒. อัยการสูงสุด กรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๔.
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการ ๕. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๖. อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กรรมการ ๗. อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรรมการ ๘. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการ ๙. เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กรรมการ ๑๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๑๑. เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรรมการและเลขานุการ ๑๒.
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง ผู้ช่วยเลขานุการ และตลาดแบบตรง
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๑๓.
ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามสอดส่อง ผู้ช่วยเลขานุการ การประกอบธุรกิจ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
|
|||||||||||||||||||||||||||
726 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
727 | แผนปฏิบัติการร่วมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย - กัมพูชา พ.ศ. 2568 - 2569 (Joint Plan of Action for Thailand - Cambodia Strategic Partnership 2025 - 2026) | กต. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการร่วมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๖๙ (Joint Plan
of Action for Thailand-Cambodia Strategic Partnership 2025 -
2026) โดยร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลไทยและกัมพูชาที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและก่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย
และมีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาใน ๗ สาขาสำคัญ ได้แก่ (๑)
การส่งเสริมการพัฒนาชายแดน (๒) การรับมือประเด็นข้ามแดนที่มีความท้าทาย (๓)
การส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๔) การส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน (๕)
การกระตุ้นการค้าทวิภาคี (๖) การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และ (๗)
การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ามาตรการในการอนุญาตให้ทำการขนส่งข้ามพรมแดนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เพื่ออำนวยความสะดวกให้การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดนไม่ให้หยุดชะงัก
เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการพื้นที่ของจังหวัดและการดำเนินพิธีการข้ามแดน ณ
บริเวณด่านพรมแดน ซึ่งมีหน่วยงาน CIQ (Customs, Immigration, Quarantine) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ
จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านดังกล่าว เป็นหน่วยงานรับผิดชอบของฝ่ายไทย |
|||||||||||||||||||||||||||
728 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเอกพล พูลพิพัฒน์) | กต. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอกพล พูลพิพัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต รัฐคูเวต ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
729 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงแรงงาน) | รง. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
730 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธนู ขวัญเดช และนายปรีดี ภูสีน้ำ) | ศธ. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธนู ขวัญเดช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
731 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 2/2568 | นร.08 | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
732 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
733 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
734 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 8 เมษายน 2568 | นร.05 | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
735 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลว่าด้วยความร่วมมือหลากหลายสาขาทางเทคนิคและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ครั้งที่ 3 | กษ. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรี
BIMSTEC ด้านการเกษตร ครั้งที่ ๓ (Joint
Statement Third BIMSTEC Ministerial Meeting on Agriculture) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรี
BIMSTEC ด้านการเกษตร ครั้งที่ ๓ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรในภูมิภาค BIMSTEC โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของภาคเกษตรกรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
การลดความยากจน และความมั่นคงทางอาหาร
การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรของ BIMSTEC การรับรองแผนปฏิบัติการด้านประมงและปศุสัตว์
และรับทราบถึงความสำคัญของการจัดตั้งคลังอาหารสำรอง BIMSTEC เพื่อรับประกันความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค
การสร้างฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อแบ่งปันข้อมูลด้านการผลิต การค้า
และการลงทุนทางการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมทุนการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในสาขาเกษตรกรรม
และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอและจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นประจำทุกสองปี
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลว่าด้วยความร่วมมือหลากหลายสาขาทางเทคนิคและเศรษฐกิจ
ครั้งที่ ๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
736 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 12 | กค. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
737 | การขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และร่างบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | รง. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
738 | ข้อเสนอแนะกรณีการแต่งกายของผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ | สม. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีการแต่งกายของผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงยุติธรรมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
739 | การเตรียมการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 | นร. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศและจะมีการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง
ๆ ในการนี้
จึงขอมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่และทั่วถึงต่อไป
ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนและการขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบให้เหมาะสม
เพียงพอ รวดเร็ว และมีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ควบคุมและผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะต้องมีความพร้อมด้านสุขภาพพลานามัยและต้องปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยจราจรอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบเส้นทางคมนาคมสายหลักและสายรองต่าง ๆ
ให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและซ่อมแซม
เช่น ถนนพระราม ๒ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการการจราจรและการใช้เส้นทางต่าง
ๆ ให้มีความปลอดภัยและคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพการณ์จราจรในแต่ละพื้นที่ โดยควรมีป้ายบอกทางและเส้นทางการจราจรให้ชัดเจนและทั่วถึง
รวมทั้งมีจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ยานพาหนะด้วย ทั้งนี้
ให้กวดขันให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร
เครื่องมือ/อุปกรณ์
และยานพาหนะในการดูแลรักษาผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอ ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมอาสาสมัครนักเรียนอาชีวศึกษา
เพื่อช่วยตรวจสอบและซ่อมแซมยานพาหนะของประชาชนที่อาจเกิดการชำรุด/เสียหายในระหว่างการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าว ๕.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงอาสาสมัครด้านการท่องเที่ยวเร่งเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล
และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เหมาะสม ทั่วถึง และรวดเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
740 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อดำเนินการโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก | ทส. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงินทั้งสิ้น
๓๗๐,๓๙๐,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรธรณี)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากรมทรัพยากรธรณีจำเป็นต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้สามารถติดตาม
ตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|