ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 917 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 18321 - 18340 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
18321 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ว่าตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ไปเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในการควบคุมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ซึ่งกำหนดไว้ในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวมีลักษณะเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติที่กำหนดขึ้น เนื่องจากมีเหตุพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการควบคุมตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าวอาจมีการผ่อนคลายลงได้ตามสถานการณ์บ้านเมือง จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มบทบัญญัติตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าว ส่วนการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายในเรื่องนี้ ได้กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงมหาดไทย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานให้มีบทบัญญัติที่เหมาะสมกับกาลสมัย ตลอดจนแก้ไขบทกำหนดโทษและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการจัดทำกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18322 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกรณีสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ | กต | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ได้แก่ ข้อมติ UNSC ที่ ๒๑๕๓ (ค.ศ. ๒๐๑๔) เกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการการห้ามนำเข้าเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนจากสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ที่ได้กำหนดไว้ในข้อมติ UNSC ที่ ๑๖๔๓ (ค.ศ. ๒๐๐๕) ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18323 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ | พม | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความร่วมมือระดับทวิภาคีระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ครอบคลุมการดำเนินงานสำคัญ ได้แก่ ด้านการป้องกันการค้ามนุษย์ ด้านการคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ด้านความร่วมมือในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ด้านการส่งและรับกลับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการค้ามนุษย์ มาตรการเพื่อให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์กลับคืนสู่สังคมและครอบครัว ด้านการรักษาความลับของเอกสาร/ข้อมูลระหว่างคู่ภาคี ตลอดจนการกำหนดให้มีผู้ประสานงานแห่งชาติและคณะทำงานร่วม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามมติคณะรัฐมนตรี (๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18324 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2561 โครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สาขาขอนแก่น | นร04 | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าก่อสร้างโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สาขาขอนแก่น ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๗๖,๕๗๒,๓๐๐ บาท ตามผลการสำรวจออกแบบและค่าควบคุมงาน ภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๓๖๕,๐๐๐ บาท ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๔,๓๘๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อีกจำนวน ๕๓,๕๕๗,๓๐๐ บาท โดยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. ให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กำกับดูแลให้ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเร่งดำเนินงานส่งเสริมการออกแบบที่ทันสมัยตอบสนองต่อนวัตกรรมและสอดคล้องกับการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นกำกับดูแลให้การก่อสร้างดำเนินการไปตามแผนงานที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18325 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการร่วมงาน International Horticultural Exposition: EXPO 2016 ณ สาธารณรัฐตุรกี | กษ | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการร่วมงาน International Horticultural Exposition : EXPO 2016 ณ เมือง Antalya สาธารณรัฐตุรกี ระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน-๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงาน ได้แก่ (๑) ด้านนิทรรศการสินค้าเกษตร ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานสอบถามข้อมูลและขอซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่นำมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างมาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากกล้วยไม้และดอกไม้อบแห้ง ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง และของเล่นจากไม้ยางพารา โดยพบว่าผลไม้เป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตลาดในสาธารณรัฐตุรกี และ (๒) ด้านการท่องเที่ยว ผู้เข้าชมงานได้สอบถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวกับเจ้าหน้าที่ของไทย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว มีความประทับใจและต้องการกลับไปเที่ยวประเทศไทยอีก ๒. ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ การส่งสินค้าสดไปจัดนิทรรศการไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ขั้นตอนในการออกของมีระยะเวลาการตรวจสอบนาน ทำให้สินค้าสดได้รับความเสียหาย คุณภาพลดลงเมื่อนำไปจัดนิทรรศการ ปัญหาไม่สงบและสถานการณ์ทางการเมืองของสาธารณรัฐตุรกีก่อให้เกิดความกังวลใจด้านความปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์การจัดงานน้อยและไม่ทั่วถึง แต่ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์นิทรรศการประเทศไทยมากขึ้น ๓. การมอบศาลาไทยให้กับรัฐบาลสาธารณรัฐตุรกี จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาการขาย การแลกเปลี่ยน การให้ การจำหน่ายจ่ายโอน หรือจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้มีหนังสือถึงกรมธนารักษ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อขอหารือการมอบศาลาไทยให้กับรัฐบาลสาธารณรัฐตุรกีแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18326 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 - 4 ปีงบประมาณ 2559 และไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2560 และแนวทางในการปรับลดอัตราอากรขาเข้าสินค้าในกลุ่มที่จะสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในประเทศ | กค | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒-๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และไตรมาสที่ ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และแนวทางในการปรับลดอัตราอากรขาเข้าสินค้าในกลุ่มที่จะสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒-๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และไตรมาสที่ ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกงสำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้าจำแนกรายไตรมาส โดยไตรมาสที่ ๒/๒๕๕๙ มูลค่านำเข้า ๑,๐๓๕.๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไตรมาสที่ ๓/๒๕๕๙ มูลค่านำเข้า ๙๕๕.๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไตรมาสที่ ๔/๒๕๕๙ มูลค่านำเข้า ๙๙๔.๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไตรมาสที่ ๑/๒๕๖๐ มูลค่านำเข้า ๙๕๙.๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการนำร่องเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยจัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในลักษณะของการจัดงานแสดงสินค้าลดราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยสินค้าในประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังเสนอให้ใช้มาตรการยกเว้นอากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ สำหรับสินค้าประเภทเครื่องสำอางและน้ำหอมที่นำไปจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวและคนไทยในโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีศุลกากรสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิตที่ไม่มีผู้ผลิตภายในประเทศ เครื่องจักร เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๕๗ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีศุลกากรในส่วนที่เหลือให้มีอัตราอากรเป็นไปตามโครงสร้างที่เสนอใหม่และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18327 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2555) | มท | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดย (๑) แก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซปิโตรเลียมเหลว โรงแรมและหอพักในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (๒) เพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเกี่ยวกับการกำหนดระยะห่างจากอ่างเก็บน้ำคลองศาลทราย ในที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้สามารถประกอบกิจการโรงแรมได้ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนที่ดินในแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายกฎกระทรวง และ (๔) ยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวง ในที่ดินประเภทชุมชน และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าว และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ รวมทั้งให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวดและจริงจัง บไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18328 | ขอปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนคณะกรรมการวิชาการและคณะกรรมการอื่นของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา | นร | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภาปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนคณะกรรมการวิชาการและคณะกรรมการอื่นของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ตามที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเสนอ ดังนี้
๑. กรรมการ ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือลูกจ้างของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งในอัตราคนละ ๑,๖๐๐ บาทต่อครั้ง ๒. กรรมการ ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการที่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งในอัตราคนละ ๔๐๐ บาทต่อครั้ง (หนึ่งในสี่ของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการที่มิใช่ข้าราชการหรือลูกจ้างสำนักงานราชบัณฑิตยสภา) ๓. ประธานกรรมการให้ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสี่ของอัตราเบี้ยประชุมที่กรรมการนั้นมีสิทธิได้รับ ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18329 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี | ศธ | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จากเดิมจำนวนเงิน ๑๕๗,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท เป็นจำนวนเงิน ๑๖๙,๖๗๑,๙๑๒.๔๗ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี) ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีเงินงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๐,๑๕๔,๐๓๐.๐๐ บาท ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๒,๐๕๕,๖๐๐.๐๐ บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีไม่ได้แจ้งข้อมูลการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกรณีไม่มีหนี้ผูกพันให้กรมบัญชีกลางทราบภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ และขออุทธรณ์การกันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๘๘,๑๓๙,๙๐๐.๐๐ บาท กรณีไม่มีหนี้ผูกพัน ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๖.๖/ว ๙๔ ลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ เงินงบประมาณดังกล่าว จำนวน ๑๒๐,๓๔๙,๕๓๐.๐๐ บาท จึงได้พับไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีจึงต้องขอรับจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการดังกล่าวในส่วนที่ขาดต่อไป และกรณีที่ผู้รับจ้างทิ้งงาน ทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีจะต้องตรวจสอบและดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์หรือมาตรการในการกำกับดูแลให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากอาคาร/สิ่งก่อสร้างที่มีอยู่แล้วอย่างเหมาะสม คุ้มค่า รวมทั้งให้มีการก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมเท่าที่จำเป็นอย่างแท้จริง เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณในภาพรวม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18330 | ข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 | นร | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ให้ความเห็นชอบและนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว รวม ๓๐ เรื่อง โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ได้แจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเร่งรัดขับเคลื่อนต่อไปแล้ว ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18331 | โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน | กค | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยให้สินเชื่อแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการ Refinance หนี้ในระบบ วงเงินให้สินเชื่อไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย ระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๘๕ ต่อเดือน มีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย ๑ คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ๑.๒ วงเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินเป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดไม่เกิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าเพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรอบคอบ ลดความเสี่ยงจากการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) และภาระการชดเชยของภาครัฐที่อาจเกิดขึ้น ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ร่วมรับภาระ NPLในส่วนที่ภาครัฐต้องรับภาระเต็มจำนวน และควรประเมินภาระหนี้นอกระบบทั้งหมดของลูกหนี้ว่าจะต้องมีการบริหารจัดการหนี้อย่างไร และมีระบบการจัดเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถติดตามลูกหนี้กลุ่มนี้ได้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีผลเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณว่า การให้สินเชื่อตามแนวทางของกระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้จะสูงกว่าที่มีอยู่เดิมเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการที่ดำเนินการไปแล้วของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม อาทิ โครงการค้ำประกันในเหตุอุทกภัยปี ๒๕๕๔ และโครงการค้ำประกันภัยผู้ประกอบการใหม่ ที่มีอัตราสูงสุดร้อยละ ๓๐ จึงเห็นควรให้ธนาคารทั้งสองแห่งมีส่วนรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ และดำเนินการบริหารสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพิจารณาอนุมัติสินเชื่อด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดภาระหนี้เสีย หรือหนี้สงสัยจะสูญเกิดขึ้นน้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18332 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | มท | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว สำหรับกรณียื่นขอรับการตรวจลงตรา ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย และปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18333 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 4 ราย 1. นายชุตินทร คงศักดิ์ ฯลฯ) | กต | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ในจำนวนนี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายชุตินทร คงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ๒. เรืออากาศโท อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ๓. นายทรงศัก สายเชื้อ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ๔. นางนันทนา ศิวะเกื้อ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18334 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (พลเอก จิระเดช โมกขะสมิต และนายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์) | กค | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก จิระเดช โมกขะสมิต และนายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18335 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายวรวิทย์ จำปีรัตน์) | คค | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจาก นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการเดิม ได้ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18336 | การบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์) | นร04 | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ บรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สงวนตำแหน่งไว้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18337 | รายงานผลการจัดงานนิทรรศการ งานสัมมนา และประชาสัมพันธ์ Opportunity Thailand และกิจกรรมคู่ขนานการประชุม HIA | อื่นๆ | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานนิทรรศการ งานสัมมนา และประชาสัมพันธ์ Opportunity Thailand เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี และกิจกรรมคู่ขนานการประชุมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (Honorary Investment Advisor : HIA) เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้รับทราบเกี่ยวกับนโยบายและแผนงานของรัฐบาล เช่น การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งโอกาสลู่ทางในการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ประเทศไทย ๔.๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18338 | การนำเสนอวีดิทัศน์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากต่อคณะรัฐมนตรี | นร | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประกอบการของผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ การพัฒนาภาคการเกษตรให้เกษตรกรเป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) การกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย นั้น เพื่อประโยชน์ในการสร้างการรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องและสาธารณชนโดยทั่วไป จึงให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับนโยบายดังกล่าวจัดทำวีดิทัศน์เกี่ยวกับโครงการหรือกิจกรรมนั้น ๆ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบ ก่อนเผยแพร่ต่อประชาชนตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การจัดทำวีดิทัศน์ดังกล่าวควรมีความยาวไม่เกินเรื่องละ ๓ นาที และควรมีคำบรรยาย (Subtitle) เป็นภาษาอังกฤษด้วย เพื่อประโยชน์ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและสื่อต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18339 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้มีคณะกรรมการกลางเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสูงตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตในโครงการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดังกล่าวนำร่องการตรวจสอบโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ๒. ในการจัดทำเอกสารหรือสื่อต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์หรือเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ/กิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดส่งเอกสารหรือสื่อดังกล่าวที่จัดทำขึ้นให้กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อทำความเข้าใจและนำไปถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง โดยให้พิจารณาใช้ช่องทางการเผยแพร่ที่หลากหลายและเหมาะสมตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย ๓. ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดตรวจสอบการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบที่มีปัญหาติดขัด ล่าช้า หรือค้างการดำเนินการมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตของทางราชการที่ประชาชนหรือเอกชนได้ยื่นเรื่องไว้ รวมทั้งเรื่องที่เป็นการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการเสนอเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18340 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ....) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 21/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ....) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
.....