ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน | กค | 21/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยให้สินเชื่อแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการ Refinance หนี้ในระบบ วงเงินให้สินเชื่อไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย ระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๘๕ ต่อเดือน มีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย ๑ คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ๑.๒ วงเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินเป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดไม่เกิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าเพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรอบคอบ ลดความเสี่ยงจากการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) และภาระการชดเชยของภาครัฐที่อาจเกิดขึ้น ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ร่วมรับภาระ NPLในส่วนที่ภาครัฐต้องรับภาระเต็มจำนวน และควรประเมินภาระหนี้นอกระบบทั้งหมดของลูกหนี้ว่าจะต้องมีการบริหารจัดการหนี้อย่างไร และมีระบบการจัดเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถติดตามลูกหนี้กลุ่มนี้ได้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีผลเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณว่า การให้สินเชื่อตามแนวทางของกระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้จะสูงกว่าที่มีอยู่เดิมเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการที่ดำเนินการไปแล้วของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม อาทิ โครงการค้ำประกันในเหตุอุทกภัยปี ๒๕๕๔ และโครงการค้ำประกันภัยผู้ประกอบการใหม่ ที่มีอัตราสูงสุดร้อยละ ๓๐ จึงเห็นควรให้ธนาคารทั้งสองแห่งมีส่วนรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ และดำเนินการบริหารสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพิจารณาอนุมัติสินเชื่อด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดภาระหนี้เสีย หรือหนี้สงสัยจะสูญเกิดขึ้นน้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....