ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 919 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 18361 - 18380 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
18361 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี รวม 11 ช่วง (ช่วง กม. 0 + 400.000 - กม. 4 + 100.000 (ช่วง 2), ช่วง กม. 9 + 000.000 - กม. 13 + 000.000 (ช่วง 4), และช่วง กม. 24 + 875.000 - กม. 29 + 000.000 (ช่วง 8) | คค | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี รวม ๓ ช่วง ได้แก่ ช่วง กม. ๐+๔๐๐.๐๐๐-กม. ๔+๑๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๒), ช่วง กม. ๙+๐๐๐.๐๐๐-กม. ๑๓+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๔), และช่วง กม. ๒๔+๘๗๕.๐๐๐-กม. ๒๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วง ๘)] โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18362 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร01 | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นของประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๓,๔๐๑ ครั้ง รวมจำนวน ๒๖,๔๒๑ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน และหนี้สินนอกระบบ ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๒๒,๙๙๐ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๐๑ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓,๔๓๑ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๙๙ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญแก่การเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18363 | การขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง 1,000 กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา | กต | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง ๑,๐๐๐ กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา (Voice of America) ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ (โดยกระทำผ่านการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา) ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับและติดตามการดำเนินการกระจายเสียงของสถานีวิทยุเสียงอเมริกาอย่างระมัดระวัง โดยไม่ให้เกิดประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยให้รับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ไทยอาจใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับสถานีวิทยุเสียงอเมริกาเป็นช่องทางในการเสนอข้อเท็จจริงและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับไทยต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านคณะกรรมการบริหารกิจการแพร่เสียงและแพร่ภาพ (Broadcasting Board of Governors : BBG) ที่เป็นต้นสังกัดของสถานีวิทยุดังกล่าว รวมทั้งรัฐบาลควรตรวจสอบ คัดเลือก และคัดกรองข้อมูลที่ฝ่ายสหรัฐฯ ออกอากาศเกี่ยวกับไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย เพื่อป้องกันการนำเสนอข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง หรือทำให้ประเทศเพื่อนบ้านหวาดระแวงไทย โดยควรดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อมิให้กลายเป็นการจำกัดเสรีภาพในการรายงานข่าวสารของสื่อมวลชนหรือส่งผลกระทบต่อความร่วมมือด้านการกระจายเสียงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และประกาศที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18364 | รายงานผลการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง พื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อและสนามหลวง | พม | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง พื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อและสนามหลวง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ มีการดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้
๑. ได้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่งและคนขอทานในพื้นที่สาธารณะ กรุงเทพมหานคร และแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่งในพื้นที่สนามหลวง โดยบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ภายใต้กระบวนการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและคนขอทานตามกฎหมาย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. จัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่สถานีรถไฟ ๒๐ สถานี ในกรุงเทพมหานครเพื่อสำรวจข้อเท็จจริงและสภาพปัญหาคนไร้ที่พึ่งที่อาศัยพื้นที่สถานีรถไฟเป็นที่พักอาศัย โดยในระหว่างวันที่ ๑๖ กันยายน-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ พบกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๔๗๔ คน เป็นคนไร้ที่พึ่ง จำนวน ๑๕๖ คน บุคคลซึ่งใช้พื้นที่สาธารณะเป็นที่พักอาศัย จำนวน ๒๘๖ คน และบุคคลที่ประสบความเดือดร้อน จำนวน ๓๒ คน โดยให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จัดตั้งสถานีสวัสดิการ ให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ที่พักชั่วคราว ห้องน้ำ และสุขา ประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งต่อเพื่อรักษาพยาบาล โดยนำร่องที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อ ๓. แก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่งบริเวณสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน-๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ พบกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๕๗๑ คน เป็นคนไร้ที่พึ่ง จำนวน ๓๔๓ คน บุคคลตกค้างรอถวายสักการะพระบรมศพ จำนวน ๒๑๖ คน และพบคนต่างด้าว จำนวน ๑๒ คน (ฝ่ายความมั่นคงรับตัวดำเนินการส่งกลับประเทศ) โดยเบื้องต้นกรณีคนไร้ที่พึ่งดำเนินการช่วยเหลือตามกระบวนการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และบุคคลที่ตกค้างรอถวายสักการะพระบรมศพได้จัดที่พักชั่วคราว อาหาร และเงินส่งกลับภูมิลำเนาในรายที่มีความจำเป็น โดยมีการรายงานผลการดำเนินงานให้กับกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งร่วมประชุมหารือเพื่อวางแผนการดำเนินการร่วมกันในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18365 | โครงการจัดหารถยนต์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด งานสืบสวนสอบสวน งานจราจร งานรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และงานอำนวยการในพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 1,532 คัน | ตช | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โครงการจัดหารถยนต์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด งานสืบสวนสอบสวน งานจราจร งานรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และงานอำนวยการในพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน ๑,๕๓๒ คัน โดยได้ผู้เสนอราคาต่ำสุดวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๓๑๐,๗๓๔,๒๗๔ บาท ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18366 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วเห็นว่า การบริหารสินทรัพย์ของ ธปท. ที่กำหนดให้สามารถลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศครั้งนี้จะทำให้การกระจายความเสี่ยงของเงินสำรองมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนในการบริหารจัดการบริษัทหรือกิจการที่เป็นผู้ออกตราสาร และในการบริหารความเสี่ยงจะยึดหลักการมีธรรมาภิบาลที่ดี ตระหนักถึงความเสี่ยงหลักที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ ธปท. และเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ โดยมีคณะกรรมการต่าง ๆ ทำหน้าที่ดูแลและจัดการการบริหารความเสี่ยงของ ธปท. นอกจากนี้ ธปท. ได้กำหนดแนวทางในการเตรียมความพร้อมการลงทุนในหน่วยลงทุนและตราสารทุนต่างประเทศในด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) กำหนดแนวทางการลงทุนและเกณฑ์การบริหารความเสี่ยง โดยคำนึงถึงความมั่นคง สภาพคล่อง ผลตอบแทน และความเสี่ยง (๒) เตรียมความพร้อมของบุคลากรและระบบงานที่เกี่ยวข้อง และ (๓) พิจารณากำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะสม ทั้งนี้ พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18367 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อชำระค่าจัดซื้ออากาศยานช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว) | ตช | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ แล้ว จำนวน ๖๗๒,๐๓๙,๓๗๕ บาท เพื่อชำระค่าจัดซื้ออากาศยานช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว จำนวน ๒ ลำ ในงวดที่ ๒ และงวดที่ ๓ และเห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18368 | โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ 1 | มท | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ ๑ มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างและปรับปรุงระบบไฟฟ้า พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในพื้นที่โครงการเพื่อเพิ่มความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ลดปัญหาและอุปสรรคด้านการปฏิบัติการบำรุงรักษาและความปลอดภัย พื้นที่ดำเนินการ ๔ เมือง (เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลนครนครราชสีมา เมืองพัทยา และเทศบาลนครหาดใหญ่) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๓) วงเงินลงทุน ๑๑,๖๖๘.๕๖ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๘,๗๔๘.๕๖ ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. จำนวน ๒,๙๒๐ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๘,๗๔๘.๕๖ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการดังกล่าว โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเกี่ยวกับการกำกับดูแลและควบคุมต้นทุนการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด การศึกษาแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการขอใช้ไฟฟ้าแรงต่ำและแรงสูงในพื้นที่ระบบสายใต้ดินที่เหมาะสมและเป็นธรรม และการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในโครงการฯ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงบประมาณ อาทิ การพัฒนาโครงการฯ ควรคำนึงถึงความสอดคล้องและความเชื่อมโยงกับแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันและไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อน และให้ความสำคัญต่อการวางแผนการเตรียมความพร้อมในขั้นตอนของแผนการปฏิบัติงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องและแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน ตลอดจนการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อนำผลที่ได้มาปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. เร่งรัดดำเนินการตามโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ ๑ ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัดโดยให้บูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินการของ กฟภ. ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการโครงการลงทุน เช่น กรณีโครงการนี้ของ กฟภ. ให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนของน้ำหนักตัวชี้วัดในระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) ในการวัดผลการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18369 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 และขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง กรณีการเพิ่มทุนของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) | กค | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยในโครงการอาเซียนโปแตช (ประเทศไทย)] ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ดำเนินการจนได้ข้อยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ไม่มีรัฐวิสาหกิจใดสนใจเข้าร่วมโครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. รับทราบกรณีการเพิ่มทุนของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลไทย (กระทรวงการคลัง) ตามข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement) จำนวน ๘๐,๓๙๗,๔๔๘.๙๘ บาท โดยงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของแผนการลงทุนของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) ก่อนการเพิ่มทุน ตามแผนการลงทุนของบริษัทดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18370 | การจัดจ้างติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อตกลงการจ้าง และร่างสัญญาจ้าง เพื่อดำเนินการว่าจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ในวงเงินค่าจ้างรวม ๙๑๘,๔๘๘,๐๔๖ บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ในประเทศที่เหมาะสม วิธีการให้กู้ต่อและค้ำประกันเงินกู้ และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งเห็นชอบให้ รฟม. กู้เงินในกรอบวงเงินดังกล่าวได้ตามมาตรา ๗๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานอัยการสูงสุด และ รฟม. เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและนำเสนอผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาสัมปทานของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอย่างช้าภายในช่วงต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ เพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18371 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการ พ.ศ. .... | พณ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันที่เป็นกิจการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคำนิยาม วิธีการยื่นเอกสารในการไต่สวน ข้อเท็จจริง วิธีการไต่สวน วิธีการสืบพยาน การจดบันทึกคำพยานบุคคล พยานเอกสาร และการให้ถ้อยคำของคู่สัญญาผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ (Video Conference) ได้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18372 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามโรงงานใช้สารเอชซีเอฟซี - 141b (สารไดคลอโรฟลูออโรอีเทน) ในกระบวนการผลิตโฟม พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศใช้สารเอชซีเอฟซี - 22 (สารคลอโรไดฟลูออโรมีเทน) ในกระบวนการผลิต พ.ศ. .... | อก | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามโรงงานใช้สารเอชซีเอฟซี-141b (สารไดคลอโรฟลูออโรอีเทน) ในกระบวนการผลิตโฟม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการห้ามโรงงานใช้สารเอชซีเอฟซี-141b (สารไดคลอโรฟลูออโรอีเทน) หรือสารโพลีออลที่มีส่วนผสมของสารเอชซีเอฟซี-141b (สารไดคลอโรฟลูออโรอีเทน) ในกระบวนการผลิตโฟมทุกชนิด ยกเว้นการใช้ในการผลิตโฟมแบบฉีดพ่น (spray foam) ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศใช้สารเอชซีเอฟซี-๒๒ (สารคลอโรไดฟลูออโรมีเทน) ในกระบวนการผลิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการห้ามโรงงานใช้สารเอชซีเอฟซี-๒๒ (สารคลอโรไดฟลูออโรมีเทน) ในกระบวนการผลิตเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดทำความเย็นต่ำกว่า ๕๐,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง เพื่อการจำหน่ายในประเทศ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการแจ้ง (notify) ข้อกำหนดของประกาศทั้งสองตามขั้นตอนขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อความโปร่งใส และควรเตรียมความพร้อมในการลดการใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ภายใต้ Kigali Amendment รวมทั้งควรพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือและตรวจสอบผู้ประกอบการนำเข้าและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (HCFCs) ในกระบวนการผลิตอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการใช้สารอื่นทดแทนสาร HCFCs และกำหนดแนวทางการจัดการสารทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่หมดอายุการใช้งานแล้ว ตลอดจนควรพิจารณาให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการลดและเลิกใช้สาร HCFCs ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และประชาสัมพันธ์ข้อมูล รวมไปถึงกำหนดแนวทางเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่รองรับสำหรับสนับสนุนผู้ประกอบการในการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวในอนาคต ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18373 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนนิติบุคคล (รูปแบบใหม่) ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ศธ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนนิติบุคคล (รูปแบบใหม่) โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รวบรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งหน่วยงานส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการและแนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมโรงเรียนนิติบุคคล (รูปแบบใหม่) ของคณะกรรมาธิการฯ โดยบางหน่วยงานได้ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18374 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ใช้ในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย) | กห | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๒๕,๖๘๖,๐๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหายุทโธปกรณ์ใช้ในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย (สายช่างและสายขนส่ง) จำนวน ๕ รายการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ เรือกำจัดวัชพืช ขนาดเล็ก จำนวน ๖ ชุด วงเงิน ๓๘,๙๑๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ รถกู้ภัยอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ จำนวน ๓ คัน วงเงิน ๖๗,๓๕๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ รถบรรทุกชุดเครื่องสูบส่งน้ำท่วมขัง/ระยะไกล อัตราสูบไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ ลิตร/นาที จำนวน ๒ คัน วงเงิน ๓๕,๘๙๖,๐๐๐ บาท ๑.๔ รถดับเพลิงในอาคารด้วยระบบควบคุมระยะไกล จำนวน ๔ คัน วงเงิน ๑๐๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ รถดับเพลิงและเคมีขนาดใหญ่ จำนวน ๒ คัน วงเงิน ๘๓,๑๓๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18375 | ขออนุมัติการสนับสนุนการดำเนินโครงการ The Michelin Guide Thailand ในปี พ.ศ. 2560 - 2564 เป็นระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ | กก | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการ The Michelin Guide Thailand ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๕ ปีงบประมาณ โดยการสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัท มิชลิน ทราเวล พาร์ทเนอร์ ในการดำเนินโครงการฯ เพื่อร่วมสนับสนุนการผลิตคู่มือแนะนำร้านอาหารในประเทศไทยที่ผ่านการคัดสรรตามมาตรฐานของมิชลิน สำหรับงบประมาณให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ ททท. ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและต่อรองให้ได้ราคาต่ำสุด เพื่อเสนอขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของ ททท. ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ททท. ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ให้ครบถ้วน โดยในการเจรจาทำสัญญากับบริษัท มิชลินฯ สมควรระบุในสัญญาให้ชัดเจนเกี่ยวกับการขยายพื้นที่จัดโครงการฯ ในจังหวัดท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ นอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของรัฐบาล รวมทั้งให้ ททท. จัดทำแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สนับสนุนหรือขยายผลจากการให้การสนับสนุนโครงการฯ และทิศทางของโครงการฯ ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินงาน ๕ ปี และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่องทุกปี และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ทั้งนี้ ในการทำสัญญาควรต้องมีข้อกำหนดให้ ททท. สามารถขอยกเลิกการดำเนินโครงการก่อนครบกำหนดระยะ ๕ ปีได้ หากผลการประเมินรายปีไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาหรือมีเหตุอันควรอื่นใด โดยแจ้งให้บริษัท มิชลินฯ ทราบล่วงหน้า โดย ททท. ไม่ต้องเสียค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรมีระบบการติดตามและประเมินผลโครงการฯ เชิงลึก และหากมีความจำเป็น เพื่อให้มีความคุ้มค่าและเกิดผลสัมฤทธิ์อันเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์แล้ว เห็นควรจะต้องมีการปรับปรุงและแก้ไขเงื่อนไขในการดำเนินโครงการฯ ในโอกาสแรกให้เหมาะสมด้วย รวมถึงควรดำเนินการให้ครอบคลุมจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการกระจายการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ไปยังจังหวัดอื่น ๆ นอกจากนี้ ในการทำสัญญา กำหนดข้อตกลง และเงื่อนไขของโครงการฯ ควรระบุเรื่องสิทธิประโยชน์ และความคุ้มค่าที่ประเทศไทยควรจะได้รับจากการสนับสนุนโครงการฯ ให้ชัดเจน เพื่อให้การประชาสัมพันธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18376 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ และนายประภัสสร์ มาลากาญจน์) | มท | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอุทัยธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18377 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 4 ราย 1. นายสุรพงษ์ จำจด ฯลฯ) | ศธ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรพงษ์ จำจด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกฤตชัย อรุณรัตน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายพะโยม ชิณวงศ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสุจิตรา พัฒนะภูมิ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18378 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (จำนวน 3 คน 1. นายเกษม แพใหญ่ ฯลฯ) | กค | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน ๓ คน (แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก จำนวน ๒ คน และแต่งตั้งเพิ่มเติม จำนวน ๑ คน) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
๑. นายเกษม แพใหญ่ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน แทน นายสมเกียรติ สินสุนทร ที่ลาออก ๒. นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน แทน นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ ที่ลาออก (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๓. นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการ เพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18379 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. พลตรี ธารา พูนประชา ฯลฯ) | ยธ | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน ตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตรี ธารา พูนประชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นายชินชัย ชี้เจริญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นายพิทยา จินาวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชนะพล มหาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18380 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 14/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
|
.....