ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 915 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 18281 - 18300 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
18281 | แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 11 ปี 2555 - 2559 (ฉบับปรับปรุง) และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 - 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง | มท | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการตามแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุนรวม ๕๑,๓๐๕.๕ ล้านบาท และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๒ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ วงเงินลงทุนรวม ๘๔,๖๙๔.๐ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ และให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดังกล่าว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงบประมาณ อาทิ เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จตามแผนและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน และจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินการของการไฟฟ้านครหลวงให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้การไฟฟ้านครหลวงเร่งรัดการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานและให้จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานด้วย โดยหากตรวจพบปัญหาที่เป็นอุปสรรคหรือการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่มีผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ให้การไฟฟ้านครหลวงพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินแผนงานโดยเร็ว ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการโครงการลงทุนให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนของน้ำหนักตัวชี้วัดในระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) ในการวัดผลการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18282 | ขอความเห็นชอบในชนิด ขนาด และจำนวนของอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติที่ได้ทำการจัดซื้อไว้เพื่อใช้ในราชการของสำนักงาน ปปง. เพื่อให้ได้มีสิทธิ ได้รับยกเว้นอากรแก่ยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในราชการตามภาค 4 ประเภท 13 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 | ปง | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีอาวุธปืนพกสั้น แบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด ๙ มิลลิเมตร จำนวน ๔๐ กระบอก ที่ได้ทำการจัดซื้อไว้ใช้ในราชการของสำนักงาน ปปง. ได้เป็นกรณีเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18283 | ขออนุมัติปรับเปลี่ยนผู้แทนประเทศไทยในสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) และสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ (IRRDB) | กษ | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการปรับเปลี่ยนผู้แทนประเทศไทยในสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (The Association of Natural Rubber Producing Countries : ANRPC) และสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ (International Rubber Research and Development Board : IRRDB) จากกรมวิชาการเกษตร เป็นการยางแห่งประเทศไทย และเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการชำระค่าบำรุงสมาชิกให้ ANRPC และ IRRDB เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับงบประมาณในการชำระค่าบำรุงสมาชิกของ ANRPC และ IRRDB ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตรและการยางแห่งประเทศไทยพิจารณาหารือร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ หากยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายค้างจ่ายหรือมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพิ่มเติม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีตามขั้นตอน และในกรณีที่จะต้องใช้จ่ายจากเงินกองทุนพัฒนายางพารา ให้พิจารณาดำเนินการตามนัยของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีกลไกที่จะประสานและผลักดันนโยบายของประเทศไปสู่องค์กรระหว่างประเทศ โดยผ่านผู้แทนการยางแห่งประเทศไทยที่เป็นผู้แทนประเทศไทย และให้การยางแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรศึกษาและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของทั้งสององค์กรที่มีต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยางทั้งระบบของไทยในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพิจารณากำหนดบทบาทและแนวทางความร่วมมือในการดำเนินการที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของทั้งสององค์กร โดยเฉพาะบทบาทและความร่วมมือเพื่อการบริหารจัดการผลผลิตและการวิจัยและพัฒนาในการเพิ่มมูลค่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยางของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18284 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ | คค | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในบริการภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้ดำเนินงานใน ๓ กิจกรรม คือ (๑) จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (๒) จัดทำต้นแบบการปรับปรุงและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุในสถานที่ให้บริการภาคขนส่ง และ (๓) จัดทำคู่มือการให้ความช่วยเหลือคนพิการแต่ละประเภทและผู้สูงอายุ และคู่มือแปลภาษาหรือป้ายสัญลักษณ์ภาษาสำหรับหน่วยงานที่ให้บริการภาคขนส่ง และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายที่ชัดเจนของแผนงาน/กิจกรรม และเพิ่มกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้อำนวยความสะดวกแก่คนพิการและผู้สูงอายุ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อนในโอกาสแรก และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ของยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๖๔) เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนดังกล่าวเป็นรูปธรรมและสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทรวงคมนาคมดำเนินการขับเคลื่อนแผนงาน/กิจกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุให้เป็นรูปธรรมต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกลุ่มองค์กรหรือเครือข่ายคนพิการและผู้สูงอายุ และสมาคมวิชาชีพด้านการออกแบบเพื่อคนทุกคน เพื่อขอความร่วมมือในการดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรับไปประสานและขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำหนดกรอบเป้าหมายและกรอบงบประมาณในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในภาคขนส่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18285 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 | กต | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมคณะกรรมาธิการระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (Thailand-Japan High Level Joint Commission : HLJC) ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งผลการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความร่วมมือด้านการค้า (๒) ความร่วมมือด้านเกษตรกรรม (๓) ความร่วมมือด้านการลงทุน (๔) ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๕) ความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบรางในไทย (๖) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในไทย และ (๗) การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ เช่น การเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม การปรับปรุงเงื่อนไขการตัดสิทธิ GSP ของญี่ปุ่น การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) การเชิญชวนให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย การจัดตั้งสำนักงานสถาบันเทคโนโลยีของญี่ปุ่น (KOSEN) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทย การร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และโครงการรถไฟขนส่งสินค้าเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (SEC) เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18286 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์สับปะรด ปี 2560 - 2569 | กษ | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) ยุทธศาสตร์สับปะรด ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๙ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ คือ (๑) ด้านการผลิต (๒) ด้านการแปรรูป (๓) ด้านการตลาด และ (๔) ด้านการบริหารจัดการ โดยการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สับปะรดฯ จะผลักดันให้มีการส่งเสริมการผลิตสับปะรดในรูปแบบแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงานให้เป็นไปในแนวทางประชารัฐ และไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติทราบทุกไตรมาส ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สับปะรดฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรมีการกำหนดแผนปฏิบัติการและตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และผลักดันให้มีการส่งเสริมการผลิตสับปะรดในรูปแบบแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุนการผลิตและรักษาคุณภาพและมาตรฐานการส่งออก และแจ้งให้จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูก/แหล่งแปรรูปสับปะรดที่สำคัญในประเทศได้รับทราบยุทธศาสตร์สับปะรดฯ และใช้เป็นแนวทางการพัฒนาในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สับปะรดฯ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการในการวางแผนการผลิตและการตลาดอย่างครบวงจร และการบริหารจัดการผลผลิตเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยอาจมีภาครัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผน ตลอดจนเร่งรัดให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับ รวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรเพิ่มเติมการส่งเสริมการเพาะปลูกสับปะรดแบบเกษตรอินทรีย์ใน (ร่าง) ยุทธศาสตร์สับปะรดฯ ด้วย ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายตลาดการส่งออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์จากสับปะรดได้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18287 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม) | มท | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18288 | ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อแยกภารกิจของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ออกจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มาเป็นหน่วยงานภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษากำกับดูแล ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบให้สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์มีสถานะเป็นหน่วยงานภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์อย่างเดิม สำหรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นเงินอุดหนุนแก่มูลนิธิจุฬาภรณ์นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาสามารถสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายให้มูลนิธิจุฬาภรณ์ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18289 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร01 | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยแก้ไของค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้เป็นคณะกรรมการระดับนโยบาย เพิ่มเติมให้มีคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ แก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการระงับการโฆษณา แก้ไขอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และแก้ไขให้ค่าปรับที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการเปรียบเทียบความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานศาลยุติธรรม และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาทิ การกำหนดให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติมีอำนาจกำหนดมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ ควรคำนึงถึงเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคแต่ละฉบับ การดำเนินการทางอาญาต่อผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ระหว่างการใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวควรครอบคลุมไปถึงวัตถุประสงค์ที่ให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตและลดภาระเสี่ยงภัยในการบริโภคลง รวมทั้งการแก้ไของค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้เป็นคณะกรรมการระดับนโยบาย อาจมีผลกระทบต่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปดำเนินการตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. แล้วให้แจ้งผลการดำเนินงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ๔. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากกรณีการเพิ่มองค์ประกอบและการแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคใช้จ่ายและเบิกจ่ายจากรายการค่าใช้จ่ายในการอำนวยการบังคับใช้กฎหมายและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีค่าตอบแทนกรรมการต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18290 | การประชุมผู้นำในโอกาสครบรอบ 20 ปี สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ณ กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย | กต | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย : ส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อมหาสมุทรอินเดียแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง [The Indian Ocean Rim Association (IORA) Concord : Promoting Regional Cooperation for a Peaceful, Stable and Prosperous Indian Ocean] (๒) ร่างแผนปฏิบัติการ IORA ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑ (IORA Action Plan 2017-2021) และ (๓) ร่างปฏิญญาว่าด้วยการต่อต้านแนวคิดรุนแรงสุดโต่งอันจะนำไปสู่การก่อการร้าย (IORA Declaration on Countering Violent Extremism Leading to Terrorism) ซึ่งจะมีการลงนาม/รับรองในการประชุมผู้นำในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปี ของการก่อตั้งสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Leaders’ Summit in Commemoration of the 20th Anniversary of IORA) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๕-๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสภารัฐมนตรี IORA ร่วมรับรองแผนปฏิบัติการฯ และปฏิญญาว่าด้วยการต่อต้านแนวคิดรุนแรงฯ ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปีฯ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงจาการ์ตา ร่วมลงนามรับรองปฏิญญา IORA และรับทราบผลการรับรองแผนปฏิบัติการฯ และปฏิญญาว่าด้วยการต่อต้านแนวคิดรุนแรงฯ ของที่ประชุมสภารัฐมนตรี IORA ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ร่างแผนปฏิบัติการฯ และร่างปฏิญญาว่าด้วยการต่อต้านแนวคิดรุนแรงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18291 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2559 คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมกราคม 2560 และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี 2559 และแนวโน้มปี 2560 | อก | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๐.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๑.๕ (YoY) หรือขยายตัวร้อยละ ๓.๐ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) โดยขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ ๓ ส่วนแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี ๒๕๖๐ คาดว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๙ จากการทยอยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลกและการค้าโลก รายจ่ายการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และการดำเนินงานภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18292 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2558 (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) เป็นกรณีเฉพาะราย โดยอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินรายการที่ก่อหนี้ผูกพันไม่ทันวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๙ แต่ยังมีความประสงค์จะดำเนินการต่อ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๑ รายการ ในวงเงิน ๒๐๕,๓๒๓,๗๕๘ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน ๒๙ รายการ ในวงเงิน ๕๕,๒๗๑,๙๖๐ บาท และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน ๑๔ รายการ ในวงเงิน ๓๕,๕๓๒,๙๐๐ บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18293 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | มท | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18294 | คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2560 เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 10/2560 เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (กรณีโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟและโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) | นร04 | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๙/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง สั่ง ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (กรณีโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) สั่ง ณ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18295 | การดำเนินการตามผลการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 2/2560 (แนวทางการปรับระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ทั้งในส่วนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และรายงานความคืบหน้าในการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอายุความ) | กค | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้วเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจะกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนำไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เกิดความโปร่งใส อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน ดังนั้น ในระหว่างรอการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว เห็นควรให้กรมบัญชีกลางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้างต้นเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งจะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐมีความโปร่งใสและรัดกุมมากขึ้น และให้เตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้มีประสิทธิภาพ ๓. เห็นชอบแนวทางการปรับระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทั้งในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ (๑) กรณีปัญหาการกำหนดขอบเขตของงาน (TOR) ไม่ชัดเจน กำหนดคุณลักษณะเป็นการล็อคสเปค และกำหนดราคาสูงเกินความเป็นจริง (๒) กรณีปัญหาการสมยอมราคาในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (การฮั้วประมูล) (๓) กรณีปัญหาการจัดซื้อผ่านคนกลาง (Agent) (๔) แนวทางการกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ (๕) แนวทางการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง และ (๖) ให้หน่วยงานของรัฐกำหนดแนวทางปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อกำกับไม่ให้ข้าราชการและพนักงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐรับทรัพย์สิน สิ่งของ หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินกว่า ๓,๐๐๐ บาท โดยเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงการคลังกำหนดแนวทางในการปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจให้มีขั้นตอนที่ชัดเจน รวมถึงการแต่งตั้งกรรมการของบริษัทในเครือ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๕. รับทราบรายงานความคืบหน้าในการศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอายุความไว้ชั้นหนึ่งก่อน ตามที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18296 | การให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ได้รับผลกระทบในที่ดินราชพัสดุที่ได้มาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 17/2558 ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก | กค | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ได้รับผลกระทบในที่ดินราชพัสดุที่ได้มาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๕๘ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๐๐,๔๘๑,๔๕๘ บาท ให้กับกรมธนารักษ์เพื่อสมทบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ตามเอกสารกันเงินเลขที่ ๓๐๐๙๗๓๓๙ และ ๓๐๐๙๗๓๔๐ จำนวน ๓๗,๘๒๗,๕๐๗ บาท รวมทั้งสิ้น ๔๓๘,๓๐๘,๙๖๕ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากสำหรับค่าขนย้าย (ที่ดิน) สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ไม้ผล พืช (อาสิน) โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น และให้กรมธนารักษ์ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามภาระการจ่ายเงินช่วยเหลือราษฎรที่เกิดขึ้นจริงตามเกณฑ์มาตรฐานของทางราชการ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการจ่ายค่าขนย้าย (ที่ดิน) สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ไม้ผล พืช (อาสิน) แก่ราษฎร ควรมีการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลให้ตรงกับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจังหวัดตากควรสร้างความเข้าใจกับราษฎรส่วนที่เหลือที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18297 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวปภัสมน อัมราลิขิต และนางสาวอรนุช ศรีนนท์) | นร | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวปภัสมน อัมราลิขิต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นางสาวอรนุช ศรีนนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18298 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายอัมพร เหลียงน้อย และนายสมชาย อัศวเศรณี) | นร | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๒ คน เนื่องจาก นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ได้ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอัมพร เหลียงน้อย เป็นกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง ๒. นายสมชาย อัศวเศรณี เป็นกรรมการเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18299 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย) | อื่นๆ | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้วที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18300 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองแทนตำแหน่งที่ว่าง (ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์) (นายวิเชียร ชวลิต) | พณ | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิเชียร ชวลิต เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....