ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 814 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16261 - 16280 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16261 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักการแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ โดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ | มท | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบการจัดหลักสูตรฝึกอบรมต่าง ๆ ของหน่วยงาน พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรนั้น ๆ ให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดยจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ความอาวุโสของผู้เข้ารับการฝึกอบรม การเป็นบุคลากรของหน่วยงานที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาลและการบูรณาการการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง การเป็นบุคลากรของหน่วยงานที่ไม่มีหลักสูตรฝึกอบรมในหน่วยงานของตนเอง เป็นต้น รวมทั้งให้ระมัดระวังปัญหาการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่อาจนำไปสู่การสร้างเครือข่ายเชิงอุปถัมภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือเป็นช่องทางให้เกิดการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบในการปฏิบัติงานด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16262 | การจำหน่ายที่ดินและอาคารศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจรของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยออกจากบัญชี | อก | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจำหน่ายที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร จังหวัดปัตตานี ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ออกจากบัญชี จำนวนเงินทั้งสิ้น ๕๓,๐๕๙,๗๔๒.๖๒ บาท เพื่อโอนให้แก่กระทรวงการคลัง เพื่อศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ กนอ. จะสนับสนุนงบประมาณให้ ศอ.บต. เป็นระยะเวลา ๓ ปี ปีละ ๓ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๙ ล้านบาท ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (OSS) พื้นที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล จังหวัดปัตตานี ระหว่าง ศอ.บต. กับ กนอ. ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ ศอ.บต. จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลจังหวัดปัตตานี โดยให้พิจารณาสนับสนุนให้เอกชนในพื้นที่เข้ามาลงทุนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16263 | รายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) | ทส | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการหนอนตัวแผบนิวกินี โดยมีข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านวิชาการ ประกอบด้วย การระบุชนิดพันธุ์ รวมถึงการตรวจสอบการพันธุกรรม การสำรวจพื้นที่การแพร่กระจาย การศึกษาการเป็นพาหะของโรค การแจ้งข่าวและพิสูจน์ทราบเบื้องต้น การป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่กระจาย การหลุดรอดปะปนกับสินค้านำเข้า-ส่งออก วิธีการกำจัดที่ถูกต้อง การประเมินความเสี่ยงจากผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขอนามัยของมนุษย์ ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนโดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการหนอนตัวแบนนิวกินีของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้สำรวจพื้นที่แพร่กระจายในเขตป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ประเมินความเสี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศ และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน (๒) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เฝ้าระวังบริเวณด่านตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออก (๓) ให้กระทรวงสาธารณสุขเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนด้านผลกระทบต่อสุขภาพ และ (๔) ให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยสนับสนุนทุนวิจัยองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนให้ชัดเจนและทั่วถึงเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เช่น การเป็นพาหะของโรค พื้นที่แพร่กระจาย ผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนตัวแบนนิวกินีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16264 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของชื่อร่างและความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับกฎหมายว่าด้วยเช่าทรัพย์และสัญญาเช่า ซึ่งกฎหมายหลายฉบับระบุอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเช่าหรือให้เช่า แต่ไม่ได้ระบุเรื่องทรัพย์อิงสิทธิไว้ และให้พิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาในร่างเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการเสนอร่างกฎหมายนี้ในการทำสัญญาที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ในเรื่องนี้ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำสิทธิการเช่ามาเป็นหลักประกันการให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิ สามารถทำได้ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่แล้ว และยังมีความไม่ชัดเจนว่าหากมีการทำสัญญาเช่ากันก่อนแล้วจะนำมาจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิได้อีกหรือไม่ แล้วหากจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิไปแล้วผลจะเป็นเช่นไร และควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขของอสังหาริมทรัพย์ที่จะนำมาจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิในด้านการใช้ประโยชน์ ขนาดของพื้นที่ และลักษณะของการประกอบธุรกิจ ตลอดจนศึกษาผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เกี่ยวกับการสร้างความรับรู้และความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) และประชาชนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16265 | OECD ทาบทามให้ไทยพิจารณาดำรงตำแหน่งประธานร่วมของการประชุม Steering Group Meeting of OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) วาระปี 2561 - 2563 | กต | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ประเทศไทยรับตำแหน่งเป็นประธานร่วมของการประชุม Steering Group Meeting of OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) วาระปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Ministerial Level Steering Group Meeting of OECD SEARP ในประเทศไทย ในช่วงวาระการเป็นประธานร่วมของประเทศไทย ๒. หากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาเสนอประเด็นที่มีความสำคัญกับประเทศไทยและอาเซียนที่สมควรพิจารณาอย่างเร่งด่วน เช่น สาขาด้านการศึกษาและทักษะ เป็นต้น และหากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมระหว่างประเทศซึ่งมีงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาทส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16266 | ความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการทบทวนและปรับปรุงเป้าหมายของ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ คณะ โดยในคราวประชุมร่วมประธานกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและประธานกรรมการปฏิรูปประเทศ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ที่ประชุมได้เห็นชอบผลการทบทวนดังกล่าวร่วมกัน ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แจ้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ทราบด้วยแล้ว ๒. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๑ คณะ ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการและดำเนินการประชุมคณะกรรมการ โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ได้เริ่มดำเนินการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ๓. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนผ่านช่องทางต่าง ๆ และจัดทำเอกสารแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการทั้งสองชุดเพื่อให้คณะกรรมการในแต่ละด้านสามารถดำเนินการเกี่ยวกับการจัดประชุม การเบิกจ่าย การดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะได้จัดการประชุมร่วมของคณะกรรมการทั้งสองชุด เพื่อให้ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติฯ และการปฏิรูปประเทศไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศฯ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16267 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย - ลาว ครั้งที่ 24 | กห | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๔ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างคณะผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชนลาวปีละ ๑ ครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ๑.๒ ที่ประชุมแสดงความยินดีที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้นำคณะนักกีฬาเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามิตรภาพระหว่างสองกองทัพ ณ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๑.๓ ที่ประชุมเห็นชอบให้แลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานด้านการแพทย์ทหารของทั้งสองฝ่าย ๒ ปีต่อครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งฝ่ายไทยจะพิจารณาให้ทุนการฝึกอบรมด้านการแพทย์แก่นักวิชาการด้านการแพทย์ทหารของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๔ ที่ประชุมสนับสนุนความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-ลาว โดยฝ่ายไทยได้จัดการศึกษาดูงานการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จำนวน ๒ ครั้ง ได้แก่ การศึกษาดูงานร่วมของสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน (Border Liaison Offices : BLOs) ไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว-ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงเทพมหานคร จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๘ กุมภาพันธ์ และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน ไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑.๕ ฝ่ายไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๕ ต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติงานระหว่างกันอย่างใกล้ชิด และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งด่านสกัดกั้นผู้ลักลอบค้ายาเสพติด การรณรงค์ถึงพิษภัยของยาเสพติด การฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และการป้องกันมิให้มีผู้เสพยาเพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16268 | มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแต่ละโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ๑.๒ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.) รวมทั้งเห็นชอบในหลักการของการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ (ทีม ปรจ.) ๑.๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมให้พัฒนาตนเอง โดยจะได้รับวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามแนวทางประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติม โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๐ บาท/คน/เดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๑๐๐ บาท/คน/เดือน ๑.๔ เห็นชอบในหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรจะได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งประสานธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการรับชำระค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป ๑.๕ เห็นชอบให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินมาตรการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม ๖ มาตรการ ๑๘ โครงการ และให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ๑.๖ อนุมัติงบประมาณเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๓๕,๖๗๙,๐๙๐,๗๙๑ บาท ซึ่งประกอบด้วยรายการ ดังนี้ ๑.๖.๑ งบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการและคณะทำงาน เช่น ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น และค่าตอบแทนลูกจ้างชั่วคราวของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อปฏิบัติงานในโครงการเป็นวงเงินไม่เกิน ๒,๙๙๙,๑๖๗,๗๒๓ บาท ๑.๖.๒ งบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เป็นวงเงินไม่เกิน ๖,๗๗๔,๔๐๙,๘๖๗ บาท และงบประมาณสำหรับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ในการดำเนินงานเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๒,๐๓๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๘, ๘๐๗,๔๐๙,๘๖๘ บาท ๑.๖.๓ งบประมาณสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เป็นวงเงินไม่เกิน ๑๓,๘๗๒,๕๐๓,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายภายใต้กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ทั้งนี้ งบประมาณตามข้อ ๑.๖.๑-๑.๖.๓ ให้แต่ละหน่วยงานทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มารองรับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นลำดับแรกก่อน โดยควรชะลอการดำเนินการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รองรับไว้ หากไม่เพียงพอ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือนพร้อมรายละเอียดประกอบให้ชัดเจน เพื่อขอทำความตกลงแหล่งเงินกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนและกระบวนการงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฯ ให้ใช้จ่ายจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การดำเนินโครงการภายใต้มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพร้อมของโครงการ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผล การสร้างความรับรู้และความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินมาตรการฯ และผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะได้รับทั้ง ๔ มิติของการดำเนินการ (มิติที่ ๑ การมีงานทำ มิติที่ ๒ การฝึกอบรมและการศึกษา มิติที่ ๓ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และมิติที่ ๔ การเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน) เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสานการทำงานกับคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค และร่วมกันพิจารณากำหนดนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยในภาพรวมให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจของคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ หรือ ทีม ปรจ. รวมถึงผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer : AO) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวได้ถูกต้อง ชัดเจน ทั้งนี้ ในการพิจารณาคัดกรองผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทีม ปรจ. จะต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ และจะต้องจัดสรรเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอสำหรับการดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังเร่งเสนอร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๖. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16269 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง | พณ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้างอย่างสูงสุด และร่างบันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Memorandum of Understanding between Ministry of Commerce and Mekong Institute) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและมีส่วนร่วมในความร่วมมือเพื่อยกระดับขีดความสามารถของภาคเอกชน รัฐบาล ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรภาคประชาสังคม ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจร่วมทั้งสองฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจทั้งสองฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมประเด็นเศรษฐกิจอื่นเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่กำหนดไว้เดิม ๕ สาขา ได้แก่ (๑) โครงสร้างพื้นฐาน (๒) ความเชื่อมโยงทางดิจิทัล (๓) การพัฒนาอุตสาหกรรม (๔) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (๕) พลังงาน เพื่อให้การพัฒนาภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16270 | ร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจประเทศสมาชิกแม่โขง - ล้านช้าง เพื่อกระชับความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน | พณ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อกระชับความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ โดยประเทศสมาชิกจะร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนและลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน และให้มีการประกาศในช่วงการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันให้สาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะประเทศสมาชิกผู้ริเริ่มจัดตั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้มีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสู่ความสำเร็จของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16271 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 4 ราย 1. นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ ฯลฯ) | กต | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ๒. นายธงชัย ชาสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ ไทเป ๓. นายมานพชัย วงศ์ภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ๔. นายศรายุธ กัลยาณมิตร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16272 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) (พันตำรวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร) | รง | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16273 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) (นางอัจฉรา แก้วกำชัยเจริญ และนายอภิญญา สุจริตตานันท์) | รง | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นางอัจฉรา แก้วกำชัยเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอภิญญา สุจริตตานันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16274 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางสุกัญญา งามบรรจง) | ศธ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุกัญญา งามบรรจง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16275 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (จำนวน 6 คน 1. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ฯลฯ) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ๒. นายพชร ยุติธรรมดำรง ๓. นายวรากรณ์ สามโกเศศ ๔. นายมนูญ สรรค์คุณากร ๕. นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ๖. นายประสัณห์ เชื้อพานิช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16276 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางวิสุนี บุนนาค) | นร04 | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวิสุนี บุนนาค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16277 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) | กก | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอภิชาติ จีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๒. นาวาตรี วรวิทย์ เตชะสุภากูร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16278 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นายจำเริญ โพธิยอด) | พม | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจำเริญ โพธิยอด ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แทน นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ กรรมการเดิมที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16279 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ สรุปได้ว่า การพิจารณาให้ผู้ลงทะเบียนโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดได้รับสิทธิ์เงินอุดหนุนโดยต้องเป็นผู้มีข้อมูลในฐานข้อมูลการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ยังไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการในระยะนี้ และหากให้ชะลอการจ่ายเงินหรือระงับสิทธิ์สำหรับผู้ที่เคยได้รับเงินแล้วจะส่งผลให้ผู้มีสิทธิ์ไม่ได้รับเงินต่อเนื่องในการนำไปใช้ประโยชน์แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป และมีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับฐานข้อมูลให้ตรงกัน ซึ่งในระหว่างเตรียมความพร้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบและรับรองสิทธิ์ โดยเพิ่มเติมข้อมูลสำหรับผู้ลงทะเบียน ผู้รับรองสิทธิ์ในระเบียบกรมกิจการเด็กและเยาวชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งปรับปรุงแบบฟอร์มการลงทะเบียน และเสนอกรมบัญชีกลางเห็นชอบด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16280 | ร่างพระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | รง | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
.....