ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 816 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16301 - 16320 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16301 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม 2560 และคาดการณ์เดือนพฤศจิกายน 2560 | อก | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ และคาดการณ์เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๐.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) และขยายตัวร้อยละ ๔.๙ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) ซึ่งเป็นการขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ ๔ โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ สินค้ายางแผ่นและยางแท่ง สินค้าเครื่องยนต์ดีเซล สินค้าน้ำมันปาล์มดิบ สินค้าสับปะรดกระป๋อง ส่วนการนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ มีมูลค่า ๑,๖๐๑.๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒๐.๕ (YoY) จากการนำเข้าเครื่องยนต์ เครื่องจักรใช้ในการก่อสร้างและส่วนประกอบ สำหรับการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๖,๙๒๖.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๘ (YoY) จากการนำเข้าเคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมคาดว่าขยายตัวร้อยละ ๑.๐-๑.๕ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยางอื่นที่มิใช่ยางรถยนต์ รถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16302 | รายงานผลการจัดประชุม CIBJO CONGRESS 2017 และ WORLD RUBY FORUM 2017 | พณ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดประชุม CIBJO CONGRESS 2017 และ WORLD RUBY FORUM 2017 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสมาพันธ์เครื่องประดับโลก (CIBJO) จัดการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๕-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม CIBJO CONGRESS 2017 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสนับสนุนไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับภายในอีก ๕ ปี อีกทั้งช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าและภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย สร้างความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและเอกชนไทยกับผู้มีชื่อเสียงและนักลงทุนจากนานาชาติ ส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุมฯ เช่น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับตลอดห่วงโซ่อุปทานต้องให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการผลิตการค้าที่ยั่งยืน (Sustainability) คุณภาพมาตรฐานสินค้าอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าจะต้องมีการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เป็นต้น ๒. การประชุม WORLD RUBY FORUM 2017 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับทับทิมที่ถูกต้องให้ผู้คนทั่วโลก รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความงามของทับทิม ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ ๔ ของโลก โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุมฯ เช่น ไทยได้รับการยอมรับในฝีมือการปรับปรุงคุณภาพทับทิมให้สวยงามและมีคุณค่าเพิ่มขึ้น ภาคอุตสาหกรรมอาจสื่อสารคุณค่านี้ไปยังผู้บริโภค รวมถึงนำความเชื่อ ค่านิยม และวัฒนธรรมของคนในแต่ละประเทศมาเชื่อมโยงเข้ากับทับทิมเพื่อกระตุ้นความต้องการในตลาด เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16303 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง | สลธ.คสช. | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๓/๒๕๖๐ เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16304 | สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับ World Economic Forum | พณ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop on Competitiveness and Inclusive Growth : Navigating Towards Thailand 4.0 ณ ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซี่งกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ World Economic Forum (WEF) จัดการประชุมฯ ขึ้น โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การวิเคราะห์ผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขัน และการเจริญเติบโต อย่างทั่วถึง โดยผู้แทนจาก WEF เพื่อให้ไทยทราบจุดอ่อนจุดแข็ง และประเด็นที่ควรปรับปรุง เพื่อนำไปประกอบการกำหนดนโยบาย Thailand 4.0 (๒) การประชุมอภิปรายเพื่อระบุประเด็นการพัฒนาที่ไทยต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก (๓) การประชุมอภิปรายกลุ่มย่อยประเด็นความสามารถในการแข่งขัน ๕ กลุ่ม ได้แก่ การพัฒนาด้านสถาบันเพื่อให้มีธรรมาภิบาล การปรับ/ลดกฎระเบียบเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพของตลาดและสินค้า การสร้างความพร้อมทางเทคโนโลยี การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม และการพัฒนาทักษะ (๔) การประชุมอภิปรายกลุ่มย่อยประเด็นด้านการพัฒนาที่ทั่วถึง และ (๕) การอภิปรายด้านเทคนิคเกี่ยวกับการประเมินความสามารถในการแข่งขัน และเกณฑ์ชี้วัดใหม่ของ WEF (GCI 4.0) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการดำเนินการตามประเด็นในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ๕ ด้าน ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ได้แก่ ๒.๑ การพัฒนาด้านสถาบันเพื่อให้มีธรรมาภิบาล (Public Institutions) ๒.๒ การปรับ/ลดกฎระเบียบเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพของตลาดและสินค้า (Product Market Efficiency) ๒.๓ การสร้างความพร้อมทางเทคโนโลยี (Technological readiness & adoption) ๒.๔ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม (Innovation capacity) ๒.๕ การพัฒนาทักษะ (Skills) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการศึกษาและบุคลากรของประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในประเทศในระยะ ๕-๑๐ ปีข้างหน้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16305 | การขอต่ออายุวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (การเคหะแห่งชาติ) | พม | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ต่ออายุวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ซี่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบให้ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจนถึงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ เพื่อเป็นการสำรองวงเงินไว้สำหรับกรณีที่มีความจำเป็นและขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียนในช่วงใดช่วงหนึ่ง และเพื่อมิให้การดำเนินงานต้องกระทบกระเทือนหรือหยุดชะงักลง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กคช. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเบิกจ่ายเงินกู้ดังกล่าวเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ใช้จ่ายตามช่วงเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นเท่านั้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16306 | โครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย (โรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค) ไปศึกษาต่อ ณ National Institute of Technology (KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น | ศธ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย (โรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค) ในการศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ณ National Institute of Technology (KOSEN) ของประเทศญี่ปุ่น สำหรับนักเรียนรุ่นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ และนักเรียนรุ่นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายนักเรียนทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๘ เห็นควรให้จัดสรรงบประมาณในกรอบวงเงิน ๑๐๙.๖๙ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรมีการประเมินผลในระหว่างดำเนินดำเนินงานเพื่อการพัฒนาและขยายผลให้มากยิ่งขึ้นในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป และในการสรรหาและคัดเลือกนักเรียนทุน ควรพิจารณาผู้ที่มีผลงานหรือโครงการในระดับมัธยมที่มีความสอดคล้องกับการพัฒนาด้านวิศวกรรม การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ การพัฒนานวัตกรรม หรือแนวโน้มในการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ประเทศกำลังมีความต้องการเพื่อพัฒนาไปสู่ประเทศไทย ๔.๐ รวมทั้งควรชี้แจงให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ระบบและรายละเอียดการศึกษา ตลอดจนการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีตามหลักสูตรดังกล่าวให้กับผู้ปกครองและผู้รับสมัครรับทุนทราบ นอกจากนี้ ควรให้ผู้รับทุนได้มีโอกาสเรียนรู้สังคม ภาษา วัฒนธรรมของไทย กิจกรรมสัมพันธ์ หรือปลูกฝังค่านิยมในการรับราชการ หรือการฝึกงานในประเทศไทยในช่วงปิดภาคการศึกษา หรือจัดสรรหน่วยงานต้นสังกัดให้กับผู้รับทุนก่อนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เพื่อช่วยให้ผู้รับทุนสามารถที่จะปรับตัวและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงควรที่จะขยายโครงการทำนองนี้ด้วยการเพิ่มจำนวนเงินและทุนการศึกษาให้มากขึ้น และขยายขอบเขตการคัดเลือกนักเรียนที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศให้กระจายครอบคลุมไปสู่กลุ่มนักเรียนด้านวิทยาศาสตร์ในสังกัดโรงเรียนทั่วไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ กำหนดเงื่อนไขการรับทุนการศึกษาให้มีความชัดเจนและเหมาะสม โดยเน้นให้ผู้รับทุนให้ความสำคัญกับการกลับมาปฏิบัติงานจริงในภาคราชการหลังจากจบการศึกษา รวมถึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันต่าง ๆ ในการรับทุนการศึกษาดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย ๓.๒ พิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูงของประเทศญี่ปุ่น เช่น KOSEN เข้ามาจัดการศึกษาในประเทศไทยในสาขาที่ขาดแคลนและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทย เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการศึกษาได้มากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16307 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคีร์กีซประจำประเทศไทย และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคีร์กีซประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางสาวปริม จิตจรุงพร) | กต | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคีร์กีซประจำประเทศไทย และแต่งตั้ง นางสาวปริม จิตจรุงพร ให้ดำรงตำแหน่ง กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคีร์กีซประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16308 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายข้าราชการประจำ) | รง | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้มีการเปลี่ยนแปลงโฆษกกระทรวงแรงงาน จากเดิม นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็น นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ตามคำสั่งกระทรวงแรงงานที่ ๓๕๐/๒๕๖๐ สั่ง ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายข้าราชการประจำ) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16309 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย) | กค | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ที่เป็นคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีหนังสือรับรองความพิการจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมีอายุไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์ เฉพาะเงินได้ส่วนที่ไม่เกิน ๑๙๐,๐๐๐ บาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16310 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทอื่นลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทถวายพระกุศลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา 4 กรกฎาคม 2560 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร01 | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ รวมทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของหน่วยงานรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทถวายพระกุศลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ลาอุปสมบทได้ไม่เกิน ๑๕ วัน โดยนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๑๓-๒๑ มกราคม ๒๕๖๑ โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ ๑.๒ ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ รวมทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการหน่วยงานรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบทเพื่อถวายพระกุศลฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคต ซึ่งเป็นการให้สิทธิลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มรับราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยยังคงได้สิทธิการลาอุปสมบท และยังคงได้สิทธิในการรับเงินเดือนตามปกติตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓ การใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี ผู้ลาอุปสมบทจะต้องเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นเป็นโครงการอย่างชัดเจน และมีการจัดอบรมตามหลักสูตรสำหรับผู้บวชระยะสั้นที่คณะสงฆ์กำหนด ภายในระยะเวลาที่กำหนดของโครงการ หากอุปสมบทเป็นเอกเทศ โดยไม่เข้าร่วมโครงการตามที่กำหนด จะไม่ได้รับสิทธิในการลา ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๕,๗๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16311 | ความต้องการงบประมาณของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2560 - 31 มีนาคม 2561) | อื่นๆ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ภายในกรอบวงเงิน ๓๖๔,๒๕๕,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16312 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | สธ | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวง การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาตการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท การขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ และการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของวัตถุตำรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการนำผ่านซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท พ.ศ. .... ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องสลักหลังสำเนาใบอนุญาตดังกล่าว และส่งกลับมายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากปัจจุบันกรมศุลกากรได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจผ่านระบบ National Single Window (NSW) ดังกล่าวแล้ว แต่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16313 | ขออนุมัติเช่ารถประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 1 คัน และขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | อก | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี โดยดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมตามความจำเป็นและเหมาะสมกับเงื่อนเวลาของภารกิจในลักษณะของการจ้างเหมาบริการเป็นกรณีเฉพาะราย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้วแต่กรณี โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16314 | การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 2 | กต | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการระยะ ๕ ปี ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๒) และร่างปฏิญญาพนมเปญ สำหรับการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ โดยแผนปฏิบัติการฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในระยะเวลา ๕ ปีข้างหน้า โดยอิงตามปฏิญญาซานย่า และมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อเพิ่มความกินดีอยู่ดีของประชาชน ลดช่องว่างการพัฒนาภายในภูมิภาคและการสร้างชุมชนแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและในอาเซียน โดยคำนึงถึงความต้องการในการพัฒนาของทุกประเทศสมาชิกบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ หลักฉันทามติ และความสมัครใจ ส่วนแผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำของประเทศสมาชิกฯ โดยมีสาระที่อิงตามปฏิญญาซานย่า และแผนปฏิบัติการฯ ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ (The 2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ และเป็นผู้ร่วมให้การรับรองแผนปฏิบัติการฯ และร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการฯ และร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16315 | โครงการบ้านฅนไทย | กค | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการดำเนินโครงการบ้านฅนไทย ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ ประเภทที่อยู่อาศัย กลุ่มเป้าหมาย กรอบวงเงินโครงการ และรูปแบบ : โครงการการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว ๑.๒ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน แยกบัญชีโครงการบ้านฅนไทย เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาลและขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบ้านฅนไทยมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และขอไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NOLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ ธอส. และธนาคารออมสิน (กรณี % NPLs ที่เกิดขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย NPLs ของธนาคารในภาพรวม) และขอนำผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงาน ๒. ให้เปลี่ยนชื่อโครงการจากเดิม “โครงการบ้านฅนไทย” เป็น “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของการดำเนินการ มาตรฐานของที่อยู่อาศัยที่จะพัฒนาขึ้น และการตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความชัดเจน รวมทั้งควรคำนึงถึงการกระจายพื้นที่โครงการให้ครอบคลุมทั้ง ๖ ภาค การมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย และภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการฯ ตลอดจนความรับผิดชอบ และประโยชน์ที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาการพิจารณาการจัดสรรที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ กรณีที่มีอุปทาน (supply) เหลือจากกลุ่มเป้าหมายที่ ๑ (ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง) เพื่อพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ ๒ (ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน) และกลุ่มเป้าหมายที่ ๓ (ประชาชนทั่วไป) ให้เหมาะสม ชัดเจน และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ดังกล่าวสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างถูกต้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16316 | ขอให้พิจารณนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 54/2560 เรื่อง การจุดพลุในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่) | สลธ.คสช. | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๔/๒๕๖๐ เรื่อง การจุดพลุในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16317 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (นางแน่งน้อย เวทยพงษ์) | วท | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแน่งน้อย เวทยพงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16318 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) (นายเฉลิมศักดิ์ จันทโร) | พน | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายเฉลิมศักดิ์ จันทโร เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16319 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (นายอภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์) | วท | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายอภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16320 | การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (จำนวน 2 ราย 1. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 2. นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | กต | 03/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราขการได้ และในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ๑.๒ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป
|
.....