ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 813 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 16241 - 16260 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16241 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2560 | ยธ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีจำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๒ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๑ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้วทั้ง ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16242 | การลงนามแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2561 - 2563 ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย | วท | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามในแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของแผนความร่วมมือฯ จากปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ เป็นปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ เพื่อให้ระยะเวลาการดำเนินงานของแผนความร่วมมือฯ สอดคล้องกับระยะเวลาในปัจจุบัน และทั้งสองประเทศมีระยะเวลาการดำเนินงานครบถ้วนตามกรอบการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนความร่วมมือฯ ซึ่งครอบคลุมสาขาความร่วมมือทั้งด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีทัศนศาสตร์และโฟโตนิกส์ วิทยาศาสตร์อวกาศ รวมถึงการประยุกต์ใช้ภูมิอวกาศ ชีววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีอาหาร และสาขาอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน ทั้งในรูปแบบโครงการวิจัยร่วม การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วม และการแลกเปลี่ยนการเยือน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16243 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงแรงงานพิจารณาเห็นว่า ในกรณีที่มาของคณะกรรมการค่าจ้างและการกำหนดค่าจ้างเป็นรายกลุ่มหรือเฉพาะกิจการต่าง ๆ จะได้รับไปพิจารณาต่อไป สำหรับมาตรการตรวจสอบการประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้น ได้มีการเตรียมมาตรการเพื่อรองรับกรณีดังกล่าวโดยวางแนวทางปฏิบัติของพนักงานตรวจแรงงานเมื่อเข้าตรวจสถานประกอบการดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16244 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนสิ่งแวดล้อม) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อม โดยมีข้อสังเกตว่า การเพิ่มแหล่งเงินของกองทุนฯ ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... มาตรา ๒๓ (๖) ที่กำหนดให้ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ เงินเพิ่ม ค่าปรับ หรือภาษีอากร ที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นของกองทุนฯ หรือส่งเข้ากองทุนฯ นั้น อาจเป็นการกำหนดแหล่งที่มาของเงินไม่สอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ที่บัญญัติให้การเสนอกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้จัดเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปจ่ายตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานนั้น หรือเพื่อการหนึ่งการใดเป็นการเฉพาะจะกระทำมิได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า หากมีการตัดมาตรา ๒๓ (๖) ออกจากร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... อาจส่งผลให้ในอนาคตหากมีกฎหมายที่กำหนดให้ส่งค่าธรรมเนียม ค่าบริการ เงินเพิ่ม ค่าปรับ หรือภาษีอากรเข้ากองทุนฯ อาจไม่มีช่องทางในการเปิดรับเงินดังกล่าวได้ ไปประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16245 | สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 31/2560 (เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ) | สม | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเพิกถอนเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อนำที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ในกิจการอื่น อาจทำให้เกิดช่องว่างในการบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ตามกฎหมาย จึงควรให้มีการกำหนดประเภทกิจการหรือโครงการที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรมให้ชัดเจน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการกำหนดประเภทกิจการหรือโครงการดังกล่าว รวมทั้งควรเพิ่มเติมบทบัญญัติให้มีการชดใช้ค่าเสียหายให้กับภาครัฐ หากการประกอบกิจการของภาคเอกชนก่อให้เกิดมลพิษต่อทรัพยากรดินและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ โดยกำหนดให้ส่งเงินเข้ากองทุนประกันความเสียหาย เพื่อภาครัฐจะได้นำเงินค่าเสียหายไปฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16246 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2560 | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) รายงานความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (๒) แนวทางการแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ (๓) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) การขออนุมัติจัดตั้ง/ร่วมทุนบริษัทในเครือของบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA Encom) เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐ สำหรับพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนของแผนงานผลิตไฟฟ้าชุมชนจากชีวมวล และ (๕) หลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทลูกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ถือหุ้น และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย) กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยประสานกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกระบวนการเพิ่มทุนอย่างใกล้ชิดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการล่วงหน้า และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการแนวทางต่าง ๆ ในการจัดตั้งบริษัทลูกตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มเปิดให้บริการ รวมทั้งพิจารณากำหนดผู้มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจนและเหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๗ แห่ง ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้กระทรวงที่กำกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้จัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวที่สอดคล้องกับภารกิจหลักขององค์กรและการจัดทำแผนปฏิบัติการรายปีที่มีความชัดเจนและเป็นไปตามแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16247 | รายงานผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 | นร01 | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๐ (ยกเว้นภาคใต้ดำเนินการตรวจสอบช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๐) ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์โครงการ การป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การยื่นขอสินเชื่อและการอนุมัติสินเชื่อของโครงการ การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและการปรับปรุงคุณภาพข้าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร). กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การช่วยเหลือให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการตรวจสอบคุณภาพข้าว และการเร่งรัดโอนเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกร รวมทั้งความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง การดำเนินโครงการจัดหาสถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เพียงพอ เช่น ลานตากข้าว ยุ้งฉาง และเครื่องอบลดความชื้น เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ดียิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16248 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 17 ณ เมืองเดอร์บัน | กต | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ ๑๗ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน ความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเล และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การยกระดับสถานภาพและบทบาทของสตรี เศรษฐกิจภาคทะเล รวมถึงการค้าและการลงทุนระหว่างกันภายในภูมิภาค เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงเน้นย้ำความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ และความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือความท้าท้ายต่าง ๆ รวมถึงผลักดัน ๓ ประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยงของกรอบความร่วมมือต่าง ๆ (๒) ความยั่งยืนและการเติบโตอย่างทั่วถึง และ (๓) การประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งได้ร่วมรับรองแถลงการณ์เดอร์บันด้วย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและประเด็นที่ประสงค์จะให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพื่อจะได้ให้ความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และประเทศสมาชิก Indian Ocean Rim Association (PORA) ควรให้ความสำคัญต่อการจัดทำมาตรการหรือแนวทางการจัดการผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอันเนื่องมาจากการดำเนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องการสูญเสียและการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาค สำหรับการมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเด็นผลการประชุมฯ ตามแถลงการณ์เดอร์บัน ควรแก้ไขจาก “คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” เป็น “สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16249 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย | อก | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะในการเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ (General Conference : GC) สมัยที่ ๑๗ ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ระหว่างวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ซึ่งมีหัวข้อการประชุม คือ “การเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างพลัง และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnering for Impact, Achieving the SDGs)” และได้ลงนามในกรอบความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับ UNIDO ซึ่งจะดำเนินความร่วมมือในระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับ UNIDO โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันตามแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและครอบคลุม รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งไทยและ UNIDO จะยังคงดำเนินความร่วมมือในสาขาที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และเน้นสร้างความร่วมมือเพิ่มเติม นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะได้หารือธุรกิจกับรองประธานหอการค้าออสเตรีย และบริษัทเอกชนของออสเตรียและสโลวาเกียที่มีศักยภาพและสนใจมาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S-curve รวมถึงเยี่ยมชมและดูงานเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ตลอดจนเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคณะผู้แทนไทย และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมและการหารือทวิภาคีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16250 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายณชัย ศราธพันธุ์) | กษ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณชัย ศราธพันธุ์ ข้าราชกาพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง นายสัตวแพทย์ (นายสัตวแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16251 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดนครศรีธรรมราชให้มีระยะแตกต่างจากที่กำหนดในนิยามคำว่า “ทะเลชายฝั่ง” ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งกำหนดให้ “ทะเลชายฝั่ง” หมายความว่า ทะเลที่อยู่ในราชอาณาจักรนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลกระทบต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด และการประกอบอาชีพของประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ควรที่กรมประมงจะได้เสนอแก้ไขประกาศดังกล่าวให้สอดคล้องกันด้วย และควรติดตามประเมินสถานการณ์ และพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของขอบเขตทะเลชายฝั่งให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทรัพยากรประมงและสภาพแวดล้อมทางทะเลและกรอบระยะเวลาของการประเมินแผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย นโยบายแห่งชาติด้านการจัดการประมงทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ที่จะดำเนินการในทุก ๒ ปี รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16252 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินงานเพื่อนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับภารกิจของหน่วยงาน | วธ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินงานเพื่อนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับภารกิจของหน่วยงาน โดยกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการปรับบทบาทของหน่วยงานเพื่อปฏิรูปไปสู่ระบบราชการ ๔.๐ ซึ่งในระยะแรกขอนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของกรมศิลปากร โดยให้บริการข้อมูลสารสนเทศผ่านระบบ Internet ในรูปแบบระบบงาน ระบบการสืบค้นข้อมูล และระบบการให้บริการภาครัฐแก่ประชาชน ผ่าน Web Site แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจโดยทั่วไป จำนวน ๖ ระบบ ได้แก่ (๑) ระบบการนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครด้วยตนเอง (Smart Museum) (๒) ระบบศิลปากรออนไลน์ (Silpakorn Online) (๓) ระบบพิพิธภัณฑ์เสมือน (Virtual Museum) (๔) ระบบคลังข้อมูลดิจิทัล (Digital) (๕) ระบบสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุ (www.archives.nat.go.th) และ (๖) ระบบภูมิสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม (GIS) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16253 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551 - 2556 (ฉบับปรับปรุง) ของการไฟฟ้านครหลวง | มท | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๖ (ฉบับปรับปรุง) ของการไฟฟ้านครหลวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๖ (ฉบับปรับปรุง) ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๐ ภาพรวมของการดำเนินการตามแผนงานฯ ระยะทางรวม ๒๕.๒ กิโลเมตร ดำเนินการไปแล้ว ๓.๙ กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๕ ๒. แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป จะมีการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานฯ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการ ปี ๒๕๖๐ จำนวน ๔๘๐.๕๖ ล้านบาท ปัจจุบันเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๕๑.๐๒ ล้านบาท และคาดว่าจะเร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนด ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16254 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 และตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2560 | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ครบกำหนด โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการ ดังนี้
๑.กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออก R-Bill รุ่นอายุ ๓๖๔ วัน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๔๕๗๓๗ ต่อปี ๒. กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ PN ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๐๕๙.๑๔ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้น โดยการออก PN อายุ ๔ เดือน จำนวน ๒,๐๕๙.๑๔ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เบิกเงินกู้ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี ๓. จัดส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๑ ฉบับ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16255 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่างๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้นฯ | พณ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้นฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ส่งเสริมการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนภายใต้กิจกรรม “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” รวมทั้งประสานร้านโชวห่วย สหกรณ์ร้านค้าของกรุงเทพฯ เข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐเพื่อรองรับการใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย ๒. ส่งเสริมสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการตลาด พัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เช่น สมุนไพรไทย เครื่องปั้นดินเผาหมู่บ้านด่านเกวียน ผ้าไหมปักธงชัย ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ๓. ส่งเสริมศักยภาพและยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP โดยพัฒนารูปแบบการตลาดและสร้างโอกาสทางการตลาดรูปแบบใหม่ นำเสนอผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์หรือเชิงนวัตกรรม จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมทั้งจัดงานแสดงสินค้าการพัฒนาสินค้า OTOP กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก และกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ๔. ส่งเสริมระบบ e-Commerce ให้ผู้ประกอบการกลุ่ม SME และกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) นำไปใช้ในการขยายช่องทางการตลาด และเข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมทั้งสร้างช่องทางการค้าผ่าน Digital platform เช่น การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติผ่าน Thaitrade.com ๕. ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความแตกต่างให้แก่สินค้าไทย โดยมุ่งเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างตราสินค้า การยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการไทย การส่งเสริมการออกแบบบรรจุภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการค้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16256 | ความก้าวหน้ามาตรการ Talent Mobility และผลการจัดงาน Talent Mobility Fair 2017 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ | วท | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้ามาตรการ Talent Mobility และผลการจัดงาน Talent Mobility Fair 2017 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้ามาตรการ Talent Mobility ได้แก่ (๑) การเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการวิจัย โดยมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยภาครัฐต่างได้เคลื่อนย้ายบุคลากรไปปฏิบัติงานในภาคเอกชน จำนวน ๓๐๐ แห่ง โดยเป็นการปฏิบัติงานด้านการวิจัยและพัฒนาร้อยละ ๖๑ (๒) การสร้างระบบ Cleaning House เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงบุคลากรของภาครัฐเข้าไปช่วยภาคเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการกว่า ๒๑ แห่ง (๓) การแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกลุ่มโครงการส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของภาครัฐไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภาคเอกชน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานตามโครงการ TM เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น (๔) การพัฒนากลไกและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เตรียมความพร้อมให้แก่บุคลากรเพื่อไปปฏิบัติงาน และขยายผลการดำเนินงานโครงการ TM ในรูปแบบการบูรณาการร่วมกับโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น และ (๕) การจัดตั้งศูนย์บุคลากรทักษะสูง (Strategic Talent Center : STC) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้จัดตั้ง STC เพื่อสร้างกลไกให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเข้าถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒. ผลการจัดงาน Talent Mobility Fair 2017 เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการให้กับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงได้จัดกิจกรรมการจับคู่ (Matching) ระหว่างนักวิจัยและสถานประกอบการ ซี่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการทำการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพในสถานประกอบการไทยที่เพิ่มมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16257 | ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยโรงงาน เพื่อกำหนดให้ค่าธรรมเนียมรายปีจากการรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันเนื่องมาจากการถ่ายโอนภารกิจในการรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรายปีจากการรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแจ้งหรือเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16258 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียกับสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ว่าด้วยการเป็นประเทศเจ้าบ้านและการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่สถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ | กต | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียกับสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ว่าด้วยการเป็นเจ้าบ้านและการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่สถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ (Agreement between the Government of the Republic of Indonesia and the ASEAN Institute for Peace and Reconciliation on Hosting and Granting Privileges and Immunities to the ASEAN Institute for Peace and Reconciliation) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสถาบันอาเซียนฯ และอินโดนีเซียในฐานะประเทศเจ้าภาพ โดยความตกลงฯ จะทำให้สถาบันอาเซียนฯ มีสถานะอย่างเป็นทางการเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินงานในส่วนของการบริหารจัดการทั่วไปและการระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการของสถาบันอาเซียนฯ ๒. ให้ผู้แทนของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ซึ่งได้รับการมอบหมายจากคณะมนตรีของสถาบันอาเซียนฯ เป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ (ความตกลงฯ ยังไม่ได้กำหนดวันที่จะลงนาม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16259 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยมีข้อสังเกตว่า (๑) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี ควรให้กองทุนฯ เสนอขอรับการจัดสรรตามความจำเป็นต่อไป และเป็นไปตามกำลังเงินของแผ่นดิน (๒) ควรกำหนดให้มีเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบไว้ในองค์ประกอบคณะกรรมการตรวจสอบตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... (๓) ควรกำหนดให้กองทุนฯ เข้าสู่กระบวนการประเมินผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๔) ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการในการจัดสรรเงินสนับสนุนช่วยเหลือให้กับนักเรียนนักศึกษาให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นของรัฐ และ (๕) การกำหนดโครงสร้างและกรอบอัตรากำลังควรกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม โดยมีข้อสังเกตว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ควรกำกับการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้เกิดประสิทธิภาพโดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนฯ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16260 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 และปีการผลิต 2559/60 | พณ | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกได้ตรวจสอบและอนุมัติเงินชดเชยดอกเบี้ยแล้ว จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐๗,๒๕๑,๒๙๕.๙๙ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้เร่งจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณชดเชยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเก็บสต็อกแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการหากรัฐบาลมีโครงการในลักษณะเดียวกันในอนาคต นอกจากนี้ ควรทำการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น และรายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจและวางแผนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้มีสถานที่เก็บสต็อกสินค้าเกษตร เช่น ไซโล เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการนำผลผลิตมาเก็บรักษาเพื่อชะลอการขายในช่วงที่มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานที่เก็บสต็อกสินค้าเกษตรในลักษณะดังกล่าวเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้พิจารณาสนับสนุนให้เกษตรกรภายในชุมชน หรือสถาบันเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนจัดสร้างสถานที่เก็บสต็อกสินค้าเกษตรด้วย
|
.....