ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 767 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15321 - 15340 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15321 | ร่างกฎกระทรวงการให้เจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำถือปฏิบัติ พ.ศ. .... | กษ | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการให้เจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำถือปฏิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำถือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำในข้อ ๕(๔) ของร่างกฎกระทรวงฯ เป็น “แจ้งงดการใช้เรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย โดยแนบสำเนาที่เกี่ยวข้องมาด้วย” เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับการงดใช้เรือตามที่กฎหมายว่าด้วยเรือไทยบัญญัติไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเรือประมงเข้าใจถึงความจำเป็นในการดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงฯ และพิจารณาแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนหรือติดตั้งระบบติดตามเรือใหม่ รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามเรือให้มีความเสถียร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15322 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง โครงการคูปองพัฒนาครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง โครงการคูปองพัฒนาครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอเชิงนโยบายของคณะกรรมาธิการฯ และได้ดำเนินการตามข้อเสนอแล้ว เช่น มีการร่วมพัฒนาระหว่างเครือข่ายมหาวิทยาลัยกับโรงเรียน มีระบบการติดตามผลจากการพัฒนาหลักสูตรโดยหน่วยงานของคุรุสภาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออยู่ทุกจังหวัด เป็นต้น และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรมี Big Data ที่สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับครูและวิทยฐานะทั้งหมด ควรจะมี Platform ที่สามารถใช้งานได้ทั้งประเทศโดยสามารถใช้ได้ร่วมกันทุกหน่วยงาน รวมทั้งควรศึกษาและทดลองนำร่องโครงการและติดตามประเมินผลโครงการในเบื้องต้นว่า มีความเหมาะสมและคุ้มค่าที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15323 | ขอรับการพิจารณาบำเหน็จประจำปี (2 ขั้น) นอกเหนือโควตาปกติให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาบำเหน็จประจำปี (๒ ขั้น) นอกเหนือโควตาปกติให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาทบทวนรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15324 | แนวทางพัฒนางานวัฒนธรรมเพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 | วธ | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางพัฒนางานวัฒนธรรมเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ โดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับภาคประชารัฐกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ได้จัดทำแนวทางพัฒนางานวัฒนธรรมฯ มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างคนดี สังคมดี สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ บนฐานทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ วิถีชีวิตและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยกำหนดประเด็นการพัฒนาไว้ ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การพัฒนาศักยภาพแหล่งประวัติศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม (๒) การพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรม (๓) การส่งเสริมศิลปินพื้นบ้าน และ (๔) การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้รวบรวมแผนงาน/โครงการ ที่สำคัญและเห็นควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ จำนวน ๗๗ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗๗๐,๑๓๗,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15325 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานธนานุเคราะห์ ออกไปอีกเป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ เพื่อเป็นเงินทุนสำรองหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานธนานุเคราะห์ รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าว จะชำระคืนด้วยรายได้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ที่ไม่เป็นภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลัง จึงไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา ๒๗ และ ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15326 | ขออนุมัติผ่อนผันการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการก่อสร้างและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารหอประชุม พร้อมรายการประกอบ จังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี | ศธ | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารหอประชุม พร้อมรายการประกอบ จังหวัดอุดรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้เดิม จำนวน ๒๗๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๒๘๔,๗๘๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีสำหรับวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาเดิม จำนวน ๑๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท ได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ การก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมถึงการตรวจสอบกรณีที่ไม่ได้ดำเนินการตามนัยของระเบียบดังกล่าว และความรับผิดชอบของข้อคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีในโอกาสแรกด้วย ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้หน่วยงานในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐) ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มโครงการให้ส่วนราชการตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15327 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ตอนล่าง 2 | นร11 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกระบวนการผลิตข้าวและสินค้าเกษตรปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ (๒) การส่งเสริมการแปรรูป การตลาด และการกระจายสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (๓) การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวตามมาตรฐานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และ (๔) ประเด็นอื่น ๆ เช่น การติดตามสถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ การตรวจติดตามโครงการป่าชุมชนบ้านไตรคีรี การตรวจติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง และเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนเด็กปฐมวัยในโรงเรียนของรัฐ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15328 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 | นร11 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม-๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) อย่างยั่งยืน (๒) ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร (๓) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ (๕) ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนการปรับปรุงสนามบินเกษตรนครสวรรค์เพื่อเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว แล้วรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประสานงานกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคมเพื่อนำมาเป็นข้อมูลหลักสำหรับจัดทำข้อเสนอในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด โดยข้อเสนอดังกล่าวต้องมีความเชื่อมโยงกับโครงการ/แผนงานตามนโยบายของรัฐบาลทั้งโครงการ/แผนงานที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้วหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15329 | แนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ | คค | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ โดยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) เน้นการเสริมศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโครงข่ายเส้นทางและระบบขนส่งย่อยที่เชื่อมต่อกับระบบหลักของประเทศและอนุภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก พัฒนาเมืองสถานีขนส่งระบบราง รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวและสร้างรายได้ตลอดปี ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าของระบบเศรษฐกิจภาคเข้ากับระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีแนวทางการพัฒนาที่สำคัญ ๓ แนวทาง ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางบก ให้ครอบคลุมเพื่อกระจายความเจริญ เพิ่มระดับในการเข้าถึงพื้นที่ภายในภาคและระหว่างภาค และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (๒) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางราง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของภาคโดยรวม และ (๓) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15330 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 | กก | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รวบรวมแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ มาตรการสำคัญ และแผนงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ให้เต็มตามศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่ และการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในอนาคต และเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือที่สร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองรอง รวมทั้งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ๒ และขยายโอกาสไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว/ส่งเสริมสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวเชื่อมโยงกับข้อมูลทั้งทางประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เหมาะสมตามแต่กรณี รวมทั้งให้พิจารณาจัดระบบคมนาคมขนส่งให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกในการเดินทางไป-กลับ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงการเดินทางโดยรถไฟกับระบบการขนส่งอื่นในแต่ละพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งในส่วนของกายภาพและกำหนดเวลาการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสะดวกและมีความต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15331 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 | กต | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ (Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development : CEAPAD) ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ญี่ปุ่น และปาเลสไตน์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานร่วมของการประชุม CEAPAD ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมฯ เพื่อแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์และเข้มแข็งของไทยในเวทีระหว่างประเทศในการมีส่วนร่วมพัฒนารัฐปาเลสไตน์ โดยเฉพาะการดำเนินความสัมพันธ์และการสร้างพันธมิตรทางการเมืองกับกลุ่มประเทศมุสลิม เพื่อแสดงความตั้งใจและเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการมีปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์กับปาเลสไตน์ รวมทั้งเพื่อแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในการดำเนินความร่วมมือกับญี่ปุ่น และเพื่อตอกย้ำบทบาทที่โดดเด่นของไทยในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ในการแสดงบทบาทและท่าทีของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุม เพื่อให้การประชุมฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดการประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ส่วนการก่อหนี้ผูกพันและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินภารกิจดังกล่าว จะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15332 | ร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร11 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามมติที่ประชุมระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขตามประเด็นข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๑ กำหนดให้มีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่ให้ความเห็น คำปรึกษา และข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จัดทำร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งของประเทศและโลก รวมทั้งกำหนดให้มีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินงานในฐานะฝ่ายเลขานุการของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนี่ง แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... แล้วให้ส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15333 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย และ นายพีระ ทองโพธิ์) | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายพีระ ทองโพธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15334 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายอนุกูล เจิมมงคล) | นร06 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนุกูล เจิมมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ข้าราชการรักษาราชการแทน ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15335 | ร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2561) | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15336 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม ; ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะบนถนนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปด และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม : ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม : ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินการโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการช่วยยกระดับมาตรฐานและการวิจัยที่นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าและการสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15337 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านสังคม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือน โดยให้รายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการและรายงานผลการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น ๑.๑.๑ ลดการบ้านนักเรียนเพื่อให้นักเรียนสามารถมีเวลาอยู่กับผู้ปกครองมากขึ้น และส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศหรือดิจิทัล มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ปกครอง เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และสามารถเตรียมข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการอภิปรายในชั้นเรียนต่อไป ๑.๑.๒ เน้นการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล กล้าพูด กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม รวมทั้งปลูกฝังให้เกิดความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย และมีจิตอาสา ๑.๑.๓ มีแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และคุณธรรมเป็นการเฉพาะ ๑.๑.๔ ปรับปรุงหนังสือแบบเรียนให้แยกส่วนของแบบฝึกหัดออกจากหนังสือแบบเรียน เพื่อให้นักเรียนรุ่นหลังสามารถใช้หนังสือแบบเรียนต่อจากรุ่นก่อนได้ ๑.๑.๕ ทบทวนแนวทางการออกข้อสอบวัดผลการศึกษาในวิชาต่าง ๆ ให้เป็นข้อสอบในเชิงอัตนัยที่เน้นการคิดวิเคราะห์มากยิ่งขึ้น โดยอาจใช้วิธีการสอบเก็บคะแนนเป็นระยะ ๆ ร่วมด้วย เช่น สอบเก็บคะแนนภายหลังสิ้นสุดคาบเรียน สอบเก็บคะแนนประจำสัปดาห์ หรือประจำเดือน เพื่อลดภาระนักเรียนในการสอบปลายภาคการศึกษา เป็นต้น ๑.๑.๖ ทบทวนระบบการสอบวัดผลและการสอบคัดเลือกในทุกระดับชั้นให้เหมาะสม เช่น ความเหมาะสมของการจัดให้มีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาในชั้นอนุบาล และแนวทางการดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน เป็นต้น ๑.๒ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู เช่น ๑.๒.๑ พัฒนาครูโดยการจัดสรรวงเงินต่อหัวในการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ของครู (คูปองครู) ให้เหมาะสม ๑.๒.๒ ปรับปรุงแนวทางการประเมินครู โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งกำหนดให้ครูต้องปฏิบัติงานในด้านการเรียนการสอน หรือปฏิบัติงานให้แก่โรงเรียน และสถาบันการศึกษาเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้แก่ครูอย่างเหมาะสม ๑.๓ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ เช่น ๑.๓.๑ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการทุจริตในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ การดำเนินโครงการอาหารกลางวัน เป็นต้น ทั้งนี้ ควรส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรชุมชนเพื่อนำผลผลิตมาบริโภคเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนเสริมจากงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้ด้วย ๑.๓.๒ เน้นการทำโครงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางปฏิบัติได้จริงหรือพัฒนาต่อยอดไปได้ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้ ๑.๓.๓ ปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการให้เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานภายในของกระทรวงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ด้านการบริหาราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจจากการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ในแต่ละครั้ง เพื่อจะได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจและเป็นความต้องการของประชาชนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทุก ๆ ๓ เดือน เพื่อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจดังกล่าว โดยในระยะแรกควรพิจารณาแนวทางการปฏิรูปให้ครอบคลุมถึงการสร้างความสมดุลในการปฏิบัติภารกิจและใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ทั้งในส่วนของศาล อัยการ และตำรวจ กระบวนการพิสูจน์หลักฐาน การทำสำนวนสืบสวนสอบสวน รวมทั้งกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภายในของตำรวจ เช่น การบริหารงานจราจรที่กองบังคับการตำรวจจราจรต้องรับผิดชอบแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมกับสถานีตำรวจในพื้นที่ เป็นต้น ๒.๒ ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของตำรวจ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ควรให้มีการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการปฏิบัติงานให้เหมาะสม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษควรรับดำเนินการเฉพาะคดีพิเศษ ซึ่งเป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงานเท่านั้น รวมทั้งควรพิจารณากำหนดสัดส่วนให้มีจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปปฏิบัติงานในหน่วยงานนี้อย่างเหมาะสมเท่าที่จำเป็น และมีบุคลากรอื่นที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานตุลาการ กฎหมายระหว่างประเทศ การประสานงานกับต่างประเทศ/องค์กรระหว่างประเทศ เป็นต้น มาร่วมปฏิบัติงานในกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15338 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2560 | ทส | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา โดยแบ่งเป็นสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง รวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในอนาคตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่เยาวชนและประชาชนทุกช่วงวัยให้มีความตระหนักรู้ในคุณค่า และร่วมอนุรักษ์ ดูแล พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งควรพิจารณานำเสนอประเด็นหรือข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย/ตัวชี้วัดตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Indicators) ขององค์การสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ในการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15339 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... | สว | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ในการจัดทำ Host Country Agreement เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของรัฐบาลไทยแก่ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center : ADPC) ควรต้องอยู่บนพื้นฐานหรือหลักของความจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ADPC และการได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันต้องสอดคล้องกับองค์กรในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานหรือ IOM ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้มีการดำเนินงานในลักษณะเฉพาะด้าน โดยไทยจะได้รับประโยชน์จาก ADPC ในฐานะที่เป็นองค์การระหว่างประเทศซึ่งจะช่วยส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการบริหารจัดการภัยพิบัติในภูมิภาค และยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินโครงการความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับไทยและประเทศในภูมิภาค โดยชุมชนและประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์ในด้านการเตรียมพร้อมรับมือและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15340 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว) | ศธ | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
.....