ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 762 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15221 - 15240 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15221 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชวงศ์ สำหรับข้าราชการฝ่ายพลเรือน | นร01 | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชวงศ์ สำหรับข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15222 | การจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม | นร12 | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม โดยควบรวมบางส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เห็นด้วยในการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม โดยเห็นควรให้เสริมงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อช่วยขับเคลื่อนผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม และในกรณีที่มีสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวนช.) เป็นหน่วยงานระดับนโยบาย และมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการควบคู่กันไป อาจมีข้อขัดข้องในทางปฏิบัติจึงต้องมีการกำหนดกรอบอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน เป็นต้น ส่วนรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มีความเห็นเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม โดยการควบรวมบางหน่วยงานและจัดแบ่งส่วนงานภายในจะต้องเป็นไปเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างระบบราชการใหม่ และจะต้องทบทวนโครงสร้าง หน้าที่และอำนาจของส่วนงานเดิมและส่วนงานใหม่ให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งมีการกำหนดกลไกและเป้าหมายในแต่ละส่วนงานรองรับอย่างชัดเจนไปพร้อมกับการดำเนินการจัดตั้งกระทรวง อีกทั้งควรพิจารณาความเหมาะสมของชื่อกระทรวงที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ให้สะท้อนภารกิจและบริบททางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัย และนวัตกรรมในศตวรรษที่ ๒๑ เช่น "กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการอุดมศึกษา (Science Technology and Higher Education Ministry : STEM)" และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างดังกล่าวยังคงมีความจำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัยที่มีความเป็นอิสระและเป็นกลาง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ประเด็นการพัฒนาที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็มีความเป็นกลางในการจัดสรรทุนวิจัยที่ครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการอิสระ และประชาชนทั่วไป และให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำร่างพระราชบัญญัติฯ ไปดำเนินการตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วส่งผลการดำเนินการดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. เห็นชอบแผนการดำเนินการและจัดให้มีกลไกคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15223 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (นายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์) | สธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๒.๑ ค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๒๙๐,๐๐๐ บาท โดยในระหว่างอายุสัญญาผู้ว่าจ้างจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนคงที่ที่ผู้รับจ้างได้รับ ๒.๒ ค่าตอบแทนพิเศษประจำปีจ่ายตามระยะเวลาเดียวกับการปรับค่าตอบแทนคงที่ตามผลประกอบการของผู้ว่าจ้าง และผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการผู้ว่าจ้างกำหนด ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๓๐ ของค่าตอบแทนรวมในแต่ละปี ๒.๓ สิทธิประโยชน์อื่นตามที่คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15224 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (นายนพพร ชื่นกลิ่น) | สธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนพพร ชื่นกลิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15225 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์มรรยาท รุจิวิชชญ์ ฯลฯ) | สธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์มรรยาท รุจิวิชชญ์ ๒. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย ๓. นายสมชัย จิตสุชน ๔. ศาสตราจารย์นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล ๕. ศาสตราจารย์ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ๖. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุปรีดา อดุลยานนท์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15226 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | ยธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายในคณะกรรมการคดีพิเศษ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เนื่องจาก นายอธิคม อินทุภูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15227 | มาตรการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกนำเข้าจากต่างประเทศ | อก | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้มีการกำหนดแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้หรือผลิตในโรงงาน รวมทั้งให้เกิดการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ฯ รวมทั้งข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสมโดยไม่เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่ดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย ๓. ให้คณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบเร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ทั้งที่นำเข้าและที่มีอยู่ในประเทศอย่างเป็นระบบและครบวงจรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความจำเป็นเหมาะสม และคุ้มค่าในการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกจากต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15228 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561) | นร | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15229 | ร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561)] | นร | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15230 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น จัดทำแผนการพัฒนาท่าเรือเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าและการค้าขายในภาพรวมของประเทศ โดยให้ครอบคลุมทั่งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยให้เร่งจัดทำแผนฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนในพื้นที่เพื่อประกอบการจัดทำแผนฯ รวมทั้งให้สร้างการรับรู้แก่สาธารณชนให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการและรายงานผลการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการปฏิรูปการศึกษาดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วในคราวประชุมครั้งต่อไป ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรทางการศึกษา หลักสูตรและตำราเรียน การศึกษานอกระบบ การอาชีวศึกษา การปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน เป็นต้น ๒.๒ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อการปฏิรูปตำรวจต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงการปฏิบัติงานภายในองค์กร การแต่งตั้งโยกย้าย กลไกการรับเรื่องร้องเรียน การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ระบบและการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ เป็นต้น ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดำเนินการสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลการทำการเกษตรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศที่อาจก่อให้เกิดผลเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือทำให้เกิดการบุกรุกและตัดไม้ทำลายป่า โดยให้นำข้อมูลจากระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) มาใช้ประกอบการดำเนินการด้วย พร้อมนี้ให้พิจารณากำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมเป็นรูปธรรม แล้วให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15231 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561) | นร | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งให้สำนักงานศาลปกครองเป็นหน่วยงานเจ้าของเรื่องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในประเด็นที่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอแก้ไขเพิ่มเติม และแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15232 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง และตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ....) | คค | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม-ห้าแยกฉลอง ที่บ้านโคกโตนด และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๔ สายห้าแยกคลอง-ราไวย์ ที่บ้านโคกโตนก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๑ สายต่อเขตเทศบาลเมืองภูเก็ตควบคุม-ห้าแยกฉลอง ที่บ้านโคกโตนด และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๔ สายห้าแยกฉลอง-ราไวย์ ที่บ้านโคกโตนด ในท้องที่เทศบาลตำบลราไวย์ และเทศบาลตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง และตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบึง และตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อขยายทางหลวงชนบท ชบ.๑๐๓๒ และสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ กับทางหลวงชนบท ชบ.๑๐๓๒ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และควรพิจารณาจัดทำแนวทางการพัฒนาโครงข่ายถนนสายรอง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกกับท่าเรือแหลมฉบังที่มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาโครงข่ายที่คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ความสอดคล้องกับสภาพการพัฒนาพื้นที่และชุมชนที่อยู่บริเวณตามแนวเส้นทาง เพื่อให้การลงทุนพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15233 | รายงานผลการส่งเสริมด้านการกีฬาและด้านการท่องเที่ยวตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการส่งเสริมด้านการกีฬาและด้านการท่องเที่ยว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การกำกับดูแลการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาให้มีมาตรฐาน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการจัดการแข่งขันทั้งภายในประเทศและระดับชาติ มีหน่วยงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาต่าง ๆ กรมพลศึกษา ตลอดจนองค์กรกีฬาระหว่างประเทศเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับการจัดการแข่งขันให้ได้มาตรฐาน เช่น การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ปี ๒๐๑๘ ที่จังหวัดนครปฐม ทางสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ส่งผู้แทนสหพันธ์ฯ มาตรวจสอบความพร้อมทั้งในด้านสนามแข่ง และที่พักนักกีฬา เป็นต้น ๒. การส่งเสริมความสามารถด้านกีฬาของเยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง ๗-๑๐ ปี โดยกรมพลศึกษาดำเนินการส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านกีฬาขั้นพื้นฐานในเด็กและเยาวชนทุกช่วงอายุ เช่น จัดทำคู่มืออบรมครูอนุบาลและครูผู้สอนเด็กปฐมวัย เพื่อต้องการให้เด็กไทยมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปตามวัย มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ จัดตั้งชมรมกีฬา เพื่อฝึกสอนกีฬาหรือฝึกซ้อมกีฬาหลังเลิกเรียน และจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนภูมิภาคระดับจังหวัด เพื่อคัดเลือกนักกีฬาที่ชนะเลิศเป็นตัวแทนระดับเขตเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น ๓. การพิจารณาจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการกีฬาของเยาวชนไทย โดยคัดเลือกเยาวชนที่มีอายุระหว่าง ๗-๑๐ ปี ที่มีความสามารถด้านการกีฬาชนิดต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน มาฝึกฝน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นเยาวชนทีมชาติไทย ซึ่งได้แก่ โครงการพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ (Sports Hero) และโครงการส่งเสริมความสามารถด้านกีฬาของเยาวชนไทย ๔. จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนที่สอดคล้องกับหลักการโครงการไทยนิยม ยั่งยืน และเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยสนับสนุนเงินอุดหนุนให้ชุมชนท่องเที่ยวต่าง ๆ นำไปพัฒนา/ปรับปรุง/ซ่อมแซมแหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในชุมชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15234 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 21 | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๑ ภายใต้หัวข้อ “Linking People and Economies for Inclusive Development” โดยประธาน ADB ได้กล่าวถึง ADB Strategy 2030 ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวในการดำเนินงานของ ADB โดย ADB ยังคงเป้าหมายสูงสุดในการขจัดความยากจน และขยายเป้าหมายให้ครอบคลุมการดำเนินงานเพื่อบรรลุความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะมีการประกาศใช้ ADB Strategy 2030 อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงความท้าทายที่มีต่ออัตราการจ้างงานเมื่อมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงาน และการส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งได้ยกตัวอย่างการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยี ได้แก่ การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ๒. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับประธาน ADB เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่างไทยและ ADB ในการพิจารณาแหล่งเงินกู้ในแต่ละโครงการของไทย และการหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลก และแนวทางการพัฒนาระบบสถาบันการเงินในภูมิภาค (๒) การหารือโต๊ะกลม (Governor’s Roundtable) ภายใต้หัวข้อ “The Role of Government in Harnessing New Technologies for Inclusive Growth” ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของการผลิต และผลกระทบจากเทคโนโลยีต่อการจ้างงาน และการดำเนินนโยบายของประเทศต่าง ๆ ในการลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม และ (๓) การประชุม Governor’s Plenary ในหัวข้อ “New ADB Strategy 2030” ซึ่งมีการนำเสนอยุทธศาสตร์ของ ADB โดยมีเป้าหมายขจัดความยากจน รวมถึงการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ๓. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องภาวะและแนวโน้นเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ และรับทราบแนวทางการพัฒนาความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) (๒) การจัดทำยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานในระยะปานกลางของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) และ (๓) ความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) ๔. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๒ และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ กำหนดจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15235 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลีและราชอาณาจักรสเปน | วธ | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลีและราชอาณาจักรสเปน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สาธารณรัฐอิตาลี ประกอบด้วย (๑) การเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ณ นครรัฐวาติกัน และได้นำคัมภีร์พระมาลัยอักษรขอม (บาลี-ไทย) ถวายแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส (๒) การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมไทยและพิพิธภัณฑ์วาติกัน โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และอนุรักษ์โบราณวัตถุและศิลปวัตถุในอนาคตเพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ทางวัฒนธรรม และ (๓) การหารือกับผู้แทนหน่วยงานทางด้านวัฒนธรรม ได้แก่ นายกเทศมนตรีเมือง Sermoneta และผู้แทนจากฝ่ายโบราณคดี เทศบาลกรุงโรม โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการนำองค์ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะสถาปัตยกรรม การออกแบบผังเมือง และการออกแบบภูมิทัศน์มาใช้ในการบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ๒. ภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ ราชอาณาจักรสเปน ประกอบด้วย (๑) การเป็นประธานในพิธีเปิดการแสดงโขนและนิทรรศการโขน ณ โรงละคร Circulo de Bellas Artes ซึ่งได้กล่าวเปิดงานโดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินโครงการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ เส้นทางประเทศในภูมิภาคยุโรปภายใต้รูปแบบ roadshow และ (๒) การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการจัดทำข้อตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรสเปนกับผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม และการกีฬาสเปน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการจัดทำข้อตกลงทางวัฒนธรรมในหัวข้อที่ต้องการแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพิ่มเติม เพื่อขยายและเพิ่มพูนความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15236 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบัน IMD ปี 2561 | นร11 | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ปี ๒๕๖๑ โดยผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจทั่วโลก จำนวน ๖๓ ประเทศ ปรากฏว่า สหรัฐอเมริกาขยับขึ้นมาครองอันดับที่ ๑ จากอันดับที่ ๔ ในปี ๒๕๖๐ ขณะที่ฮ่องกงตกลงจากอันดับ ๑ ในปี ๒๕๖๐ มาเป็นอันดับ ๒ ในปีนี้ ส่วนสิงคโปร์ยังคงอันดับที่ ๓ เช่นเดียวกับปี ๒๕๖๐ และเนเธอร์แลนด์ครองอันดับที่ ๔ ดีขึ้น ๑ อันดับ สำหรับการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในกลุ่มอาเซียน ปรากฏว่า ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่มีอันดับด้อยลง โดยเฉพาะฟิลิปปินส์มีอันดับตกลงถึง ๙ อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ ๕๐ (จากอันดับที่ ๔๑ ในปี ๒๕๖๐) อินโดนีเซียตกลง ๑ อันดับ มาอยูในอันดับที่ ๔๓ (จากอันดับที่ ๔๒ ในปี ๒๕๖๐) และประเทศไทยมีอันดับด้อยลง ๓ อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ ๓๐ (จากอันดับที่ ๒๗ ในปี ๒๕๖๐) ทั้งนี้ อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยปรับตัวลดลงมีสาเหตุสำคัญมาจากการปรับลดลงของด้านประสิทธิภาพของภาครัฐซึ่งปรับตัวลดลงในเกือบทุกปัจจัยย่อย เช่น ฐานะทางการคลัง นโยบายการคลัง และกรอบการบริหารด้านสถาบัน อันเป็นผลจากปัจจัยหลายประการ เช่น (๑) ภาครัฐมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและปฏิรูประบบต่าง ๆ ที่สำคัญส่งผลให้ประเทศไทยมีงบประมาณขาดดุลและภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น และ (๒) จากการสำรวจของสถาบัน IMD พบว่า นักธุรกิจมีความคิดเห็นว่าอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เอื้อต่อการประกอบอาชีพและการพัฒนาธุรกิจ เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15237 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี 2561 | นร11 | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๑ เทียบกับไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๐ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๐.๒ โดยภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ ๒.๘ ภาคการเกษตรขยายตัวร้อยละ ๖.๐ อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ ๑.๒ และรายได้แรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๓ รายได้และผลิตภาพแรงงานขยายตัวได้ดี ด้านหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๑ การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลงร้อยละ ๒.๓ แต่ต้องเฝ้าระวังโรคที่แพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น ด้านคดีอาญารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๖ โดยเฉพาะคดียาเสพติดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๒ การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๑ แต่มีผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ ๑๕.๙ มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๒ และด้านค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ลดลงร้อยละ ๓.๑ และ ๒.๑ ตามลำดับ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมาย ในปี ๒๕๖๐ ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ ๒ บัญชีรายชื่อที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) เป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน และคณะกรรมาธิการยุโรปด้านประมงและทะเลสหภาพยุโรปให้ “ใบเหลือง” เพื่อแจ้งเตือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เรื่อง การขาดมาตรการที่เพียงพอในการต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) และ (๒) เด็กและเยาวชนไทยกับการเล่นพนันทายผลฟุตบอล ซึ่งต้องเฝ้าระวังในกลุ่มเด็กและเยาวชนช่วงอายุ ๑๕-๒๕ ปี โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายเด็กและเยาวชนได้ร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกัน ปราบปราม และช่วยเหลือเยียวยาอย่างเป็นระบบเพื่อลดผลกระทบจากการพนันฟุตบอล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15238 | ผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) | ทส | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) ระหว่างวันที่ ๒๔-๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ การศึกษาดูงาน และการเข้าร่วมกิจกรรมและฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีเนื้อหาวิชาการที่ครอบคลุมทั้งด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการมลพิษในภาคอุตสาหกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน/เมืองยั่งยืน นอกจากนี้ กลุ่มเยาวชนอาเซียนฯ ได้จัดทำข้อเสนอโครงการที่สามารถนำไปใช้ได้จริงตามความเหมาะสมของแต่ละบริบทของประเทศสมาชิกฯ และได้มีการนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยเสนอโครงการ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการลดการเผาเศษวัชพืช ณ จังหวัดลำปาง (๒) โครงการค่ายสร้างจิตสำนึกเรื่องป่าไม้ ณ จังหวัดกาญจนบุรี และ (๓) โครงการบำบัดน้ำเสียธาตุเชิงชุม ณ จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการจัดโครงการฯ จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา (ASEAN Working Group on Environmental Education : AWGEE) ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๙ (the Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : ASOEN) ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15239 | การจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระและตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการคัดเลือก โดยการให้เอกชนรายเดิม [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] เช่าที่ราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันเป็นระยะเวลา ๓๐ ปี โดยชำระผลประโยชน์ตอบแทนการเช่าที่ราชพัสดุฯ ซึ่งมีมูลค่าปัจจุบัน ณ วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ รวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และให้กรมธนารักษ์กำกับให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนและปรับเพิ่มค่าเช่าและหรือกำหนดผลตอบแทนเพิ่มเติมในกรณีที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหรือกิจการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงกลั่นน้ำมันตามเงื่อนไขของร่างสัญญาร่วมลงทุน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป ๑.๒ ร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ก่อนลงนามในสัญญาร่วมลงทุน ให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้เสนอประกอบการพิจารณาคัดเลือก และควรตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ก่อนการลงนามสัญญา รวมทั้งกำกับ ติดตาม และดูแลคู่สัญญาให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเฝ้าระวังการรั่วซึมของสารเบนซินบริเวณพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามมาตรการที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15240 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน) | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ รวมถึงส่งเสริมให้มีมาตรการการร่วมลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลเป็นการยุบเลิกกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น การพิจารณาให้ความเห็นชอบให้แหล่งเงินของกองทุนดังกล่าวไม่ต้องนำส่งคลังตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น เพื่อนำไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างพระราชบัญญัติที่ตรวจพิจารณาแล้วเสร็จเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
.....