ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 347 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 6921 - 6940 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 6921 | การบันทึกเทปกล่าวอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี | นร.04 | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการบันทึกเทปกล่าวอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคล
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ ในวันจันทร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕
เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.๕)
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6922 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน และแขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ แขวงท่าแร้ง
เขตบางเขน และแขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์
แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน และแขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนรามอินทรากับถนนเทพารักษ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6923 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาของกระบวนการยุติธรรม กรณีความล่าช้าในการดำเนินคดีและเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการอายัดตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน) | สผผ. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานกรณีหน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาของกระบวนการยุติธรรม
กรณีความล่าช้าในการดำเนินคดีและเรื่องที่สืบเนื่องมาจากการอายัดตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน) ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ และให้ส่งความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลยุติธรรม เช่น กำหนดให้หนังสืออายัดตัวผู้ต้องหาเป็น
“หมายอาญา”
ควรกำหนดให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีสำนวนคดีที่มีการอายัดตัวผู้ต้องหาไว้กับทางเรือนจำ/ฑัณทสถาน
ต้องปรับปรุงสมุดคุมอายัดให้มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
ด้านกระบวนการยุติธรรม และคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติรับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
โดยได้เสนอรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติการในระยะสั้นด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6924 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง
การปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ
ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร
สรุปผลการพิจารณาได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดทำแบบฟอร์มวัตถุประสงค์สำเร็จรูปในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ขอจดทะเบียนโดยสามารถเลือกใช้แบบฟอร์มที่มีรายละเอียดวัตถุประสงค์ตรงกับกิจการของนิติบุคคล
ผลักดันให้มีการใช้ระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) เพื่อเป็นการลดใช้กระดาษในการทำนิติกรรมต่าง
ๆ ให้น้อยลง (Paperless) และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6925 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับวิธีป้องกัน รักษา และเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคอุบัติใหม่ในโค กระบือ (Lumpy skin disease virus) ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6926 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 | กค. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑.การดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี
ปีการผลิต ๒๕๖๕ ตามสาระสำคัญที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)
มีมติให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๕ ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายรวม Tier 1 และ Tier 2 จำนวน
๒๙ ล้านไร่ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๑,๙๒๕,๐๖๕,๐๐๐ บาท ๑.๒. ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) ทดรองจ่าย เงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล
และเบิกเงินชดเชยจากรัฐบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงรวมกับต้นทุนเงิน
ในอัตราต้นทุนทางการเงินของ ธ.ก.ส. ประจำไตรมาสบวก ๑ ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ
๑.๙๘) ในปีงบประมาณถัดไป
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินรวม ๑,๙๖๓,๑๘๑,๒๘๗ บาท ๑.๓. มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๓.๑ ขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี
ปีการผลิต ๒๕๖๕ ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกรทั้งในส่วน
Tier 1 และ Tier
2 ๑.๓.๒
บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย ๑.๓.๓
ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์โครงการฯ อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยให้แก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔. มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมฯ
ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย
(แบบ กษ ๐๒) แบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒
เพื่อการประกันภัย) และข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร
ตลอดจนดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ
เพื่อรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
พร้อมทั้งเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ๑.๕. มอบหมายให้สมาคมฯ
พิจารณากำหนดรูปแบบการประเมินความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
ทั้งนี้
ให้พิจารณานำวิธีการประเมินความเสียหายในรูปแบบเชิงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีมาใช้ร่วมด้วย ๑.๖.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ
ปีการผลิต ๒๕๖๕
รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต
๒๕๖๕
ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบรวมทั้งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์โครงการฯ
ปีการผลิต ๒๕๖๕ และในปีการผลิตต่อ ๆ ไป
ในภาพรวมแบบเชิงรุกอย่างต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณา
ที่ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง
ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ และมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการมีหลักประกันภัย
และพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสารสนเทศทางการเกษตร เช่น สภาพภูมิอากาศ
โรคระบาด ศัตรูพืช เป็นต้น ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการเสนอโครงการฯ
ต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จทันก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก
เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึง ทันเวลา
และได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูก ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6927 | ร่างนโยบายและเป้าหมายการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (พ.ศ. 2564 - 2580) | กห. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างนโยบายและเป้าหมายการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
ในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๐) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้ความสามารถในการแข่งขัน
ลดการพึ่งพาหรือนำเข้ายุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม
หน่วยงานอื่นของรัฐ และภาคเอกชน โดยใช้นโยบายและเป้าหมายในการขับเคลื่อน รวม ๕
ด้าน เช่น ด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีป้องกันประเทศและการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการฝึกอบรม การค้นคว้าวิจัย
การเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ
และการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศส่งเสริมและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เช่น ให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศดำเนินการปรับปรุงช่วงระยะเวลาของร่างนโยบายฯ
เป็นแผนปฏิบัติการช่วงระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓
และควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงกับการจัดหายุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการผลักดันผลงานของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศเข้าสู่กองทัพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6928 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 | กค. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๕ ตามสาระสำคัญที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
มีมติให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๕ ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายรวม Tier 1 และ Tier 2 จำนวน
๒.๑๒ ล้านไร่ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๒๒๔,๔๔๒,๖๐๐ บาท ๑.๒. ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล
และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงินในอัตราต้นทุนทางการเงินของ
ธ.ก.ส. ประจำไตรมาสบวก ๑ ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ ๑.๙๘) ในปีงบประมาณถัดไป
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินในอัตราปัจจุบันรวม
๒๒๘,๘๘๖,๕๖๓.๔๘ บาท ๑.๓. มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๓.๑
ขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๕
ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกรทั้งในส่วน Tier 1 และ Tier 2 ๑.๓.๒
บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย ๑.๓.๓
ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน
คปภ.) สมาคมประกันวินาศภัยไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยให้แก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔. มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมฯ ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร
แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒)
แบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร ๒ (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการประกันภัย)
และข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตลอดจนดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ
เพื่อรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
พร้อมทั้งเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๒
และรายงานข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ๑.๕. มอบหมายให้สมาคมฯ
พิจารณากำหนดรูปแบบการประเมินความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
ร่วมกับ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ทั้งนี้
ให้พิจารณานำวิธีการประเมินความเสียหายในรูปแบบเชิงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีมาใช้ร่วมด้วย ๑.๖. มอบหมายให้สำนักงาน คปภ. ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ
ปีการผลิต ๒๕๖๕
รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต
๒๕๖๕ ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ รวมทั้งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์โครงการฯ
ปีการผลิต ๒๕๖๕ และในปีการผลิตต่อ ๆ ไป
ในภาพรวมแบบเชิงรุกอย่างต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง
ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ และมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการมีหลักประกันภัย
และพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสารสนเทศทางการเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเสนอโครงการฯ
ต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และคณะรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จทันก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกเพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ
อย่างทั่วถึง ทันเวลา และได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูก ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6929 | มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 | นร.14 | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕
และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๕ /๒๕๖๖
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามมาตรการดังกล่าว
โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี และควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินโครงการฯ
ให้มีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6930 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. | นร.09 | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการที่บทบัญญัติบางมาตรากำหนดทรัพย์สินหรือเงินที่เจ้าของไม่มาขอรับภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ตกเป็นของแผ่นดินซึ่งอาจขัดแย้งต่อมาตรา
๒๖ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เป็นประเด็นปัญหาในทางปฏิบัติอันเกิดจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว
เพื่อให้กระบวนการการกำหนดเงินค่าทดแทน
และการพิจารณาคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่เจ้าของเดิมหรือทายาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๓.
ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการกำหนดการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของหน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐ และประชาชนเป็นสำคัญ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทราบถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
สามารถตีความบทบัญญัติ และนำไปใช้ได้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6931 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (13th IMT-GT Summit) | นร.11 สศช | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
| 6932 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี | อส. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการกับเอกชน
และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๒๗
เรื่อง เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๒๐
แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี
ตามที่คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6933 | (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) | นร.11 สศช | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ โดยร่างแผนพัฒนาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกโฉมไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า
เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” และมีเป้าหมาย เช่น
การปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่
และการเปลี่ยนผ่านการผลิตและบริโภคไปสู่ความยั่งยืน โดยได้กำหนดหมุดหมาย จำนวน ๑๓
หมุดหมาย เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่ภาพของการขับเคลื่อนที่ชัดเจน เช่น
หมุดหมายที่ ๑ ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง
หมุดหมายที่ ๗ ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง
และสามารถแข่งขันได้ เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เช่น คำนึงถึงเหตุผลความจำเป็น
ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และฐานะทางการคลัง
มีการสร้างความรู้ความเข้าใจในวงกว้าง เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมหมุดหมาย
พิจารณากำหนดค่าเป้าหมาย/ตัวชี้วัดของเป้าหมายหลักและเป้าหมายในระดับหมุดหมายเป็นรายปี
ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วให้นำ (ร่าง) แผนแผนพัฒนาฯ เสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบ
ก่อนกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย
เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6934 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยและองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 15 | กษ. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6935 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว | ทส. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว
เพื่อดำเนินการสร้างสวนรุกขชาติ และอนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว
ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ รวมทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช
ควรประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศให้พิจารณาข้อกำหนดการดำเนินงานต่าง ๆ
ไม่ขัดต่อกฎระเบียบและกฎหมายด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
ทั้งในด้านการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว และการใช้งบประมาณ
เพื่อให้เกิดความถูกต้อง เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองประเทศต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6936 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการบิน รวมถึงการจัดการจราจรทางอากาศตามมาตรฐานสากล ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การพัฒนาด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการบิน
รวมถึงการจัดการจราจรทางอากาศตามมาตรฐานสากล ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยได้สรุปความเห็นในภาพรวม เช่น
ปัจจัยการประเมินและปรับปรุงโครงสร้างกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ของประเทศ
ซึ่งได้มีการปรับปรุงและข้อกำหนดต่าง ๆ ด้านเทคนิคอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจข้อกำหนดต่าง
ๆ เป็นไปตามที่กำหนด โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยมีการดำเนินการปรับปรุงและทบทวนข้อแตกต่างระหว่างข้อกำหนดต่าง ๆ
ด้านเทคนิคของประเทศไทย กับข้อกำหนดองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
ในระบบออนไลน์ ICAO
อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนรูปแบบ โครงสร้างกฎหมายด้านเทคนิคทั้งหมด
ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยประยุกต์ใช้รูปแบบ Model โครงสร้างกฎหมายของสหภาพยุโรป
สำหรับปัจจัยการพัฒนาขีดความสามารถและการสร้างความเข้มแข็ง
ในการตรวจประเมินและการทบทวนด้านความปลอดภัยและด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อจัดให้มีระบบประกันคุณภาพ โดยได้มีการจัดตั้งหน่วยงานภายใน คือ
ฝ่ายประกันคุณภาพ ทำหน้าที่ประกันคุณภาพ ของสำนักงานการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
ซึ่งได้รับการรับรอง ISO 9001 : 2015 ตั้งแต่ปี
๒๕๖๒ และมีการปรับปรุงระบบการตรวจประเมินอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของการปฏิบัติตามมาตรฐานของ ICAO ต่าง ๆ รวมถึงการดำเนินงานอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
และตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการตามข้อกำหนดของ ISO 9001 : 2015 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6937 | ขอความเห็นชอบแผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ. 2563 - 2565 | กษ. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๖๓-๒๕๖๕ ตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารจัดการประมงทะเลต่อเนื่องจากแผนฉบับเดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน
กระทรวงอุตสาหกรรมสำนักงบประมาณ และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เช่น
ควรเพิ่มประเด็นการปรับปรุงห่วงโซ่มูลค่าสู่การประมงพื้นบ้าน
และพิจารณาการแก้ไขปรับปรุงพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
ควรมีแผนป้องกันกรณีมีการปนเปื้อนมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
ควรเพิ่มกิจกรรมการตรวจหาสารเสพติดในแรงงานประมงผ่านศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมงในแผนการบริหารจัดการฯ
ระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดทำแผนการบริหารจัดการประมงทะเลของไทยในระยะต่อไปเพื่อให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ทันในปี
๒๕๖๖ โดยให้นำข้อสังเกตของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6938 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ ครั้งที่ 14 (เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2564) | นร.11 สศช | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ ครั้งที่ ๑๔ (เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ความคืบหน้าตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม
๒๕๖๔ เช่น รายงานความคืบหน้าของกิจกรรม Big Rock ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งมีความคืบหน้าทั้ง ๑๓ ด้าน
โดยมีสถานะการดำเนินการกิจกรรม Big Rock รวมทั้งสิ้น ๖๒
กิจกรรม ประกอบด้วย ๑) กิจกรรมที่ดำเนินการเป็นไปตามแผน รวม ๕๕ กิจกรรม และ ๒)
กิจกรรมที่ดำเนินการล่าช้ากว่าแผน รวม ๗ กิจกรรม (๒)
ความคืบหน้ากฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ณ สิ้นเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ รวมทั้งสิ้น ๔๕ กิจกรรม ประกอบด้วย กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๒ ฉบับ
และกฎหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ๔๓ ฉบับ (๓) ความคืบหน้าของประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เช่น การจัดทำคู่มือการจัดทำแผนปฏิบัติราชการรายปี แผนปฏิบัติราชการระยะ ๕ ปี
และแผนปฏิบัติราชการด้านต่าง ๆ
การจัดทำคู่มือโครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ และ (๔)
การดำเนินการระยะต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการการปฏิรูปประเทศ
หน่วยงานรับผิดชอบหลัก และหน่วยงานร่วมดำเนินการกิจกรรม Big Rock เพื่อเร่งรัดขับการเคลื่อนการดำเนินการ การกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการภายใต้กิจกรรม Big Rock โดยหน่วยรับผิดชอบโครงการต้องนำเข้าข้อมูลแผนงาน/โครงการในระบบ
eMENSCR ให้ครบถ้วน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6939 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประเสริฐ ศิรินภาพร และนายสุริยน พัชรครุกานนท์) | นร16 | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามกรอบอัตรากำลังที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. นายประเสริฐ ศิรินภาพร ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๒. นายสุริยน
พัชรครุกานนท์ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6940 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และนายลวรรณ แสงสนิท) | กค. | 03/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายเอกนิติ
นิติทัณฑ์ประภาศ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ๒. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
