ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 350 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 6981 - 7000 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 6981 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. .... | ดศ. | 26/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราไปรษณียากรสำหรับบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศใหม่
ให้สอดคล้องกับกิจการไปรษณีย์ในปัจจุบัน และเพื่อมิให้เกิดการขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่า การกำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับย้อนหลังไม่สามารถทำได้
และการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีส่วนลดสำหรับไปรษณียภัณฑ์เป็นการมอบอำนาจช่วงไม่อาจทำได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย
จำกัด ควรยกระดับคุณภาพการให้บริการ
โดยอาจนำเทคโนโลยีหรือรูปแบบการบริการอื่นมาสนับสนุน และประชาสัมพันธ์การปรับอัตราค่าบริการขั้นสูงสุดและยังคงมีส่วนลดค่าบริการให้แก่ลูกค้า
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอขอให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ลดอัตราค่าบริการฝากส่งสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และเกษตรกร ไปพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6982 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 26/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อ สำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6983 | ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 26/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแยกสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์เพื่อไปรวมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์
เพื่อให้การบริหารงานของสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์มีประสิทธิภาพ คล่องตัว
มีความเป็นอิสระทางวิชาการ การบริหารงาน และการบริหารงบประมาณ
อันจะส่งผลให้สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์สามารถบูรณาการการบริหาร การเรียนการสอน
การวิจัยและนวัตกรรมได้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด
และสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า ควรพิจารณากำหนดข้อบังคับ
ระเบียบ หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลแต่ละประเภทให้มีความชัดเจน
และสอดคล้องกับรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์กร โดยคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของพนักงานหรือลูกจ้างในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อให้การดำเนินการของสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6984 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทยและมองโกเลีย | คค. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6985 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 | นร16 | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม
๒๕๖๕ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑)
ผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. (๒) ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง
(๓) ร่างนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐)
(๔) การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน ๑:๔๐๐๐ (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐของพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่
๒ จำนวน ๑๑ จังหวัด และ (๕) การรับเรื่องร้องเรียนและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6986 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาคุมาโมโตะ (Kumamoto Declaration) สำหรับการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 4 (4th Asia-Pacific Water Summit: 4th APWS) | นร.14 | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาคุมาโมโตะ (Kumamoto Declaration) :ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ครั้งที่ ๔ (4th Asia-Pacific Water Summit : 4th
APWS) และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ เมษายน ๒๕๖๕ ผ่านระบบวีดิทัศน์แบบถ่ายทอดสด
หรือผ่านการบันทึกวีดิทัศน์ โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกายภาพและปรับปรุงมาตรฐานด้านกฎหมาย
กฎระเบียบ ข้อมูลของภาคส่วนน้ำที่มีคุณภาพ
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในบริบทการฟื้นฟูจากวิกฤตโควิด ๑๙ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคส่วนน้ำ
โดยอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อดำเนินการบูรณาการร่วมกันในการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นร้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6987 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่ 3 | พน. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่ ๓ (Joint
Statement of the Third Meeting of BIMSTEC Ministers on Ener) พร้อมคำแปล
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ให้การรับรองในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่ ๓ (Joint Statement of the Third Meeting of BIMSTEC Ministers on Ener) ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๕
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกบิมสเทคในการให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาค
และเร่งให้มีการหารือในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งศูนย์พลังงานบิมสเทค (BIMSTEC
Energy Centre : BEC) โดยเร็ว
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในส่วนของประเด็นสารัตถะและถ้อยคำ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6988 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๔) ของธนาคารแห่งประเทศไทย สรุปได้ ดังนี้ (๑)
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๔ ขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๙
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากในช่วงครึ่งแรกของปี การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลง
ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐยังขยายตัว
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศยังเปราะบาง โดยไตรมาสที่ ๓ ตลาดแรงงานได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ที่รุนแรง แต่เริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ ๔ ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๖
เพิ่มขึ้นจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่อยู่ที่ร้อยละ ๐.๘๙
และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังเข้มแข็ง สามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้
(๒) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการ เช่น การดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕๐ ต่อปี และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้ ภาครัฐมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
การประเมินนโยบายระบบการชำระเงิน พบว่า แนวโน้มการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยอยู่ที่ร้อยละ ๕๔.๓ ส่วนการใช้บริการผ่าน Mobile
Banking/Internet Banking เติบโตขึ้นร้อยละ
๖๗.๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6989 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 2 | ตช. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ โดยระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๔-๑ มกราคม ๒๕๖๕
มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น ๔๓๕ คดี
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหา/ฐานความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
ฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ได้แก่ (๑) แยกเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ๓๒๓ คดี
โครงการคนละครึ่ง ๑๑๐ คดี และโครงการเราชนะ ๒ คดี และ (๒)
แยกเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ๓๖๓ คดี สอบสวนเสร็จส่งพนักงานอัยการ ๓๗ คดี
และอื่น ๆ ๓๕ คดี เช่น ชดเชยค่าเสียหายก่อนร้องทุกข์ และถอนคำร้องทุกข์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6990 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. | กค. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ
กองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย
สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารอาคารสงเคราะห์
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การยาสูบแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา รวม ๑๖ หน่วยงาน เป็นหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา
๖๓/๑๕ เพื่อให้สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้
อันจะทำให้การบังคับตามคำสั่งทางปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6991 | โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูการผลิต 2562/2563 | กค. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติค่าใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๕๙.๖๙
ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย
ฤดูการผลิต ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
(การยาสูบแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยาสูบแห่งประเทศไทยควรร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างความรับรู้และให้ข้อมูลกับเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบรับทราบสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต
เพื่อให้เกษตรกรเตรียมการวางแผนการผลิตและลดความเสี่ยงของการเพาะปลูกยาสูบในปีต่อ
ๆ ไป และไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6992 | รายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2564) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | วธ. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
ภาพรวมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทฯ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย ยุทธศาสตร์ที่ ๒
สร้างความเข็มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ
โดยได้มีการขยายระยะเวลาของแผนแม่บทฯ ต่อไปอีก ๑ ปี ถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ยุทธศาสตร์ที่
๓ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และยุทธศาสตร์ที่ ๔
ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก และ
(๒) แนวทาง/แผนการดำเนินการต่อไป กระทรวงวัฒนธรรม (กรมการศาสนา) จะเสนอ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรม ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อพิจารณากลั่นกรองก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6993 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | อว. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๐๕๔,๐๕๓,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๐๗๒๒/๖๕๘๔ ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕) ที่เห็นควรบูรณาการและพิจารณาตรวจสอบไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการของภาครัฐที่ดำเนินการในลักษณะเดียว
รวมทั้งพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม และเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
ควรส่งต่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบในการส่งเสริมความเข็มแข็งของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6994 | ขอปรับปรุงรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 เรื่องมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป | นร.11 สศช | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕
เรื่องมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป
โดยปรับปรุงถ้อยคำในมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
โดยการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๓๐๐ หน่วยต่อเดือน
และลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่ง
โดยการให้ส่วนลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
(รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง) ที่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่จดทะเบียนเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก
พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน
พิจารณาดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6995 | ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าภายใต้แผนงาน The Programme for COVID-19 Crisis Response Emergency Support จากรัฐบาลญี่ปุ่น | กต. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6996 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 4 | พณ. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint
Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๔
ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ เมษายน ๒๕๖๕
ณ กรุงเทพมหานคร
โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาและเสนอประเด็นที่ประสงค์จะผลักดันในการประชุมดังกล่าว
โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การหารือแนวทางการเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันเพื่อให้การค้าสองฝ่ายบรรลุเป้าหมาย
๒๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๘
แนวทางการอำนวยความสะดวกนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตร
การพัฒนาความร่วมมือในสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพร่วมกัน แนวทางการพัฒนาความเชื่อมโยงของการขนส่งระหว่างสองประเทศ
และแนวทางการขยายความร่วมมือด้านแรงงาน ๑.๒ หากในการประชุมดังกล่าว
มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับเวียดนาม
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา
ขอให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6997 | รายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางและรูปแบบการกำหนดความผิดของนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบและผู้ร่วมกระทำความผิด | ปปท. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการศึกษา
เรื่อง
แนวทางและรูปแบบการกำหนดความผิดของนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบและผู้ร่วมกระทำความผิด
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย (๑)
การจัดทำกฎหมายและแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้รองรับกรณีนิติบุคคลและผู้ร่วมกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบ
(๒) แนวทางในการป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล
และ (๓) ข้อเสนอแนะในเชิงป้องกันและป้องปราม
และแนวทางการหาผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6998 | รายงานการถอดบทเรียนการดำเนินการของส่วนราชการและจังหวัดในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2564 | นร.12 | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการถอดบทเรียนการดำเนินการของส่วนราชการและจังหวัดในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ โดยเป็นการสรุปบทเรียนในการบริหารจัดการผลกระทบจากโควิด-๑๙
ในภาพรวมของส่วนราชการและจังหวัด
ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานและให้บริการประชาชนได้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพหากเกิดสภาวะวิกฤตในอนาคต
โดยมีข้อเสนอแนะที่สำคัญ เช่น
การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลเพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของภาครัฐในการให้บริการภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มบริการแบบเบ็ดเสร็จ
และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการและระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการทำธุรกรรมกับภาครัฐ
การจัดทำและทบทวนแผนบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต
การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการออกแบบ การให้บริการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ๒.
เห็นชอบข้อเสนอแนะการบริหารงานและการให้บริการประชาชนกรณีเกิดสภาวะวิกฤตในอนาคต
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ติดตามความคืบหน้าและรายงานต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6999 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | คค. | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุนและงบกระแสเงินสด
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วมีความเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ณ
วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมนำรายงานในเรื่องนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อรัฐสภาได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7000 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดทุนทรัพย์การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่น พ.ศ. .... | นร.12 | 19/04/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดทุนทรัพย์การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนทุนทรัพย์ของการไกล่เกลี่ย
และประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่นที่มิใช่ข้อพิพาททางแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน มรดก
จากเดิมที่กำหนดจำนวนทุนทรัพย์ไว้ไม่เกินสองแสนบาท เป็น จำนวนไม่เกินสองล้านบาท
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่นของประชาชน
เพื่อให้การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งอื่นมีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาประโยชน์ในกรณีนำพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
พ.ศ. ๒๕๖๒ มาพิจารณาประกอบการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
