ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1491 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 29801 - 29820 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 29801 | ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างและระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี | กษ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖) เป็น ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘) ๑.๒ ขยายวงเงินค่าก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๔,๙๓๖,๓๓๐,๐๐๐ บาท เป็น ๕,๑๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๑,๙๗๘,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๒,๒๗๐,๑๒๖,๒๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ๑.๔ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๒,๑๑๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๓๔๗,๑๑๕,๘๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ตามสัญญาที่ ๒ ที่กำหนดสิ้นสุดสัญญาวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ ควรเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด หรือก่อนกำหนดเพื่อให้สามารถผันน้ำได้ทันฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) และเนื่องจากโครงการฯ มีการเปลี่ยนแปลงแบบเพื่อให้สอดรับกับแผนการก่อสร้างของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นการวางแผนดำเนินการหลังจากที่โครงการได้รับอนุมัติให้ดำเนินการ ดังนั้น การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐในอนาคตควรประสานและบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนถึงแผนงานในอนาคต เพื่อให้การก่อสร้างของหน่วยงานต่าง ๆ มีความสอดคล้องกัน เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ ประหยัดงบประมาณ และสามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กรมชลประทานรับไปประสานงานกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน เป็นต้น เพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 29802 | รายงานผลการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ระหว่างวันที่ 12 - 13 กันยายน 2555) | ศธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ เพื่อพบปะเจรจาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของลาวได้หยิบยกประเด็นการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชน (Community Learning Center : CLC) โดยเห็นว่า การดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนของไทยเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการพัฒนาอาชีพในชุมชนของลาว พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการของฝ่ายไทยในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนในลาว โดยมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งขึ้นทุกแขวง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยินดีให้การสนับสนุน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาการศึกษาของลาว ประกอบด้วย ทุนฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น จำนวน ๒๐ ทุน ทุนการศึกษาต่อระดับ ปวส. จำนวน ๑๓ ทุน ทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จำนวน ๑๗ ทุน ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน ๔๓ ทุน และทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน ๖ ทุน รวมทั้งสิ้น ๙๙ ทุน วงเงินประมาณ ๑๕ ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเห็นว่า หน่วยงานต่าง ๆ ของลาวและไทยยังมีความร่วมมือกันในหลายโครงการ จึงเสนอให้ฝ่ายลาวรวบรวมความต้องการและเสนอมาเพื่อที่ฝ่ายไทยจะพิจารณาให้ความร่วมมือในการดำเนินการต่อไป ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอให้มีการจัดทำบันทึกความตกลงด้านการศึกษาไทย-ลาวฉบับใหม่แทนฉบับเดิมที่ได้หมดอายุแล้ว โดยเสนอให้มีการลงนามในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของลาวจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||
| 29803 | รายงานประจำปี 2554 ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๔ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สภาที่ปรึกษาฯ และสำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ (ตุลาคม ๒๕๕๓-กันยายน ๒๕๕๔) จำนวนทั้งหมด ๑๘๙,๕๗๕,๗๐๐.๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณเพื่อการดำเนินงานของสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน ๙๓,๑๐๒,๐๐๐.๐๐ บาท งบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน ๘๒,๑๗๙,๔๐๐.๐๐ บาท และงบประมาณเพื่อการดำเนินงานของสำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน ๑๔,๒๙๔,๓๐๐.๐๐ บาท โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณไป จำนวน ๑๕๐,๘๕๒,๘๖๔.๔๓ บาท เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๑๙,๘๑๗,๗๓๘.๖๗ บาท และมีงบประมาณคงเหลือ จำนวน ๑๘,๙๐๕,๐๙๖.๙๐ บาท ๒. การเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ต่อคณะรัฐมนตรี จำนวนทั้งหมด ๒๓ เรื่อง จำแนกตามหมวด ๕ หมวด ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๖ เรื่อง ด้านสังคม จำนวน ๗ เรื่อง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๗ เรื่อง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ เรื่อง และด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพลังงาน จำนวน ๑ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||
| 29804 | ขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรณีกระทรวงการคลังขออนุมัติค่าใช้จ่ายค่าถอนคืนรายได้แผ่นดิน เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา รายบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) ซึ่งยื่นฟ้องกรมสรรพสามิต จำเลยที่ ๑ กรมศุลกากร จำเลยที่ ๒ และกรมสรรพากร จำเลยที่ ๓ ต่อศาลภาษีอากรกลาง ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีกรณีการนำเข้าน้ำมันเตาแต่สำแดงว่าเป็นน้ำมันรีดิวซ์ครูด และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้กรมสรรพสามิตคืนเงินค่าประกันภาษีพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๗๙,๘๓๓,๓๙๒.๐๔ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนถึงวันที่กรมสรรพสามิตอนุมัติให้คืนเงินแก่โจทก์ โดยกรมสรรพสามิตได้คำนวณดอกเบี้ยถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ คิดเป็นเงินจำนวน ๖๕,๐๖๔,๐๑๗.๘๖ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๔๔,๘๙๗,๔๐๙.๙๐ บาท แต่โดยที่กรมสรรพสามิตมีแหล่งเงินรายได้จากการดำเนินงาน จึงเห็นสมควรให้กรมสรรพสามิตพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก็เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับวงเงินและรายละเอียดค่าใช้จ่าย ให้กรมสรรพสามิตทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการละเมิด ตามนัยพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
| 29805 | แผนยุทธศาสตร์การกำกับกิจการพลังงาน ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2556 - 2560) รวมทั้งแผนการดำเนินงานงบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2556 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบแผนยุทธศาสตร์การกำกับกิจการพลังงาน ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ และผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ๑.๒ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่ายและประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของ สำนักงาน กกพ. โดย ๑.๒.๑ แผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีเป้าหมายพัฒนาหลักการและแนวทางการกำกับกิจการพลังงานให้เป็นสากลและทันสมัย สอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ และนโยบายของรัฐที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงาน การกำกับราคาพลังงานให้มีราคาเหมาะสมเป็นธรรม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ได้แก่ การเสริมสร้างการกำกับดูแลกิจการพลังงานอย่างมีมาตรฐาน เป็นธรรมและเชื่อถือได้ การส่งเสริมกิจการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและเสริมสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม การคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้พลังงานและผู้มีส่วนได้เสียตามมิติงานกำกับกิจการพลังงาน และพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ๑.๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพื่อรองรับแผนดำเนินงานประจำปีฯ จำนวน ๗๙๙.๔๙ ล้านบาท โดยรวมค่าใช้จ่ายในการจัดหาสถานที่ทำการสำนักงาน กกพ. เป็นการถาวรไว้ด้วย จำนวนประมาณ ๕๗ ล้านบาท และจะกันเงินเป็นภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม (ถ้ามี) เพื่อให้เพียงพอต่อการจัดหาสถานที่ทำการสำนักงาน กกพ. พร้อมทั้งจะจัดสรรเงินงบประมาณประจำปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ สมทบสำหรับเป็นภาระค่าใช้จ่ายในการจัดหาสถานที่ทำการสำนักงาน กกพ. ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒.๓ ประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะมีวงเงินรวมประมาณ ๗๙๙.๗๙ ล้านบาท เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงานรายปี และรายได้หรือผลประโยชน์อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ กกพ. ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนบริหารงบประมาณ ให้คำนึงถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การใช้จ่ายรายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงานเกิดประโยชน์สูงสุด และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรเร่งดำเนินการตามระเบียบและประกาศเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา ๙๗(๑) เพื่อชดเชยผู้รับใบอนุญาตซึ่งได้ให้บริการไฟฟ้าไปยังท้องที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 29806 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน | วท | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถอนเรื่อง ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน
คืนไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจากเดิมจังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดอุดรธานี สมควรพิจารณาข้อเท็จจริง เหตุผลความจำเป็น และดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนครบถ้วน |
|||||||||||||||||||||
| 29807 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดอมรินทราราม ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ให้แก่กองทัพบก พ.ศ. .... | พศ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดอมรินทราราม ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ให้แก่กองทัพบก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดอมรินทราราม ตำบลโคกหม้อ อำเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๕๐๐๑ (บางส่วน) เนื้อที่ ๓ ไร่ ๑ งาน ๘๒ ตารางวา ให้แก่กองทัพบก เพื่อขยายอาณาเขตบริเวณที่ตั้งหน่วยจังหวัดทหารบกราชบุรี ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29808 | โครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556 - 2560) | ศธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้ดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการระยะที่ ๑ ซึ่งสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคและประมาณการค่าใช้จ่ายต่อบุคคลที่เหมาะสมในโอกาสแรก ก่อนที่จะมีการขยายผลโครงการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยในโครงการกับมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงเพื่อให้เกิดเครือข่ายทางวิชาการที่เข้มแข็งในการช่วยยกระดับความสามารถในการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยในโครงการ การกำหนดให้มีแผนพัฒนาศักยภาพและเพิ่มพูนประสบการณ์ทางวิชาชีพสำหรับครูผู้สอน และส่งเสริมการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นตามความสามารถ การกำหนดทิศทาง นโยบายและแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจน การกำหนดเป้าหมายการดำเนินโครงการที่มีการขยายจำนวนนักเรียนและห้องเรียนเพิ่มขึ้น และพิจารณาความพร้อมของบุคลากรครูผู้สอน ครูพี่เลี้ยง และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่จะต้องมีคุณสมบัติและมีความสามารถพิเศษที่พร้อมจะพัฒนาสู่การเป็นนักประดิษฐ์ นักเทคโนโลยี รวมทั้งการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนทรัพยากรอย่างจริงจังทั้งด้านงบประมาณ บุคลากรและสถานที่ฝึกงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 29809 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา" | สสป | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็นและผลการพิจารณาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา" โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รัฐบาลควรมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทบทวนร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๕) โดยนำความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ มาประกอบการพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ไม่เกิดผลเสียหายแก่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทที่ประเทศไทยเคารพนับถือมาเป็นเวลาช้านาน ๑.๒ โดยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือพระพุทธศาสนา รัฐบาลจึงควรเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนและภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางและทั่วถึง ๑.๓ การที่ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ความหมายของคำว่า "พระพุทธศาสนา" หมายความว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทและอาจริยวาทหรือมหายาน เป็นประเด็นปัญหาที่สำคัญมาก เพราะอาจจะมีผลกระทบกระเทือนและมีผลเสียหายแก่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ซึ่งพระมหากษัตริย์และประชาชนชาวไทยเคารพนับถือมาช้านาน รัฐบาลจึงควรจัดให้ "สังฆพิจารณ์" ในบรรดาพระสงฆ์ และ "ประชาพิจารณ์" ในบรรดาพุทธศาสนิกชนชาวไทย ว่าจะรับความหมายของคำว่าพระพุทธศาสนา รวมถึงพระพุทธศาสนาฝ่ายอาจริยวาทหรือมหายานหรือไม่ ๑.๔ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นปีที่มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับพระพุทธศาสนา เป็นปีพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า รัฐบาลจึงควรจัดให้มีการรณรงค์อย่างจริงจัง จริงใจ และต่อเนื่องในการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยจัดทำแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแผนทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑.๕ โดยที่พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนา การรักษาพระไตรปิฎก คือการรักษาพระพุทธศาสนา รัฐบาลจึงควรจัดให้มีการรณรงค์อย่างจริงจัง จริงใจ และต่อเนื่อง ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้เข้าใจและเข้าถึงพระไตรปิฎก ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระไตรปิฎก ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาตามพระไตรปิฎก เพื่อป้องกันการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า สนับสนุนให้วัดและสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีพระไตรปิฎกที่เป็นภาษาไทยที่อ่านเข้าใจได้ง่ายไว้ประจำวัดและสถานศึกษา รวมทั้งจัดให้มีการอบรม การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระไตรปิฎกแก่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะเยาวชนผู้เป็นทรัพยากรและอนาคตของชาติ ๒. มอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) ที่กำหนดให้การเสนอร่างกฎหมายในเรื่องใดที่ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ไม่ให้มีบทบัญญัติกำหนดให้ยกเว้นภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร ไปประกอบการพิจารณาในการเสนอร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 29810 | การรับรองร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ครั้งที่ 1 | กต | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue-ACD) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญ ได้แก่ ๑.๑ ต้อนรับการเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ ๓๒ ของสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน ๑.๒ รำลึกถึงข้อริเริ่มของไทยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ในการก่อตั้ง ACD ให้เป็นเวทีการประชุมเพื่อรวมทุกมิติของความเข้มแข็งในเอเชียและเปลี่ยนทวีปเอเชียที่กว้างใหญ่ให้เป็นประชาคมเอเชียที่เป็นเอกภาพ ๑.๓ แสดงความพอใจกับความสำเร็จของ ACD ในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา และให้แนวทางการดำเนินความร่วมมือในอนาคต อาทิ การรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจและภัยพิบัติ การส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือด้านการเงิน การลงทุน และการศึกษา ๑.๔ เน้นย้ำถึงหลักการด้านสันติภาพ เสรีภาพขั้นพื้นฐาน สิทธิมนุษยชน ความมั่นคง เสถียรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก ๑.๕ ตกลงตามข้อเสนอของไทยและรัฐคูเวตในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนากลไกด้านสถาบันของ ACD ต่อไป ๑.๖ ยินดีกับข้อเสนอของสาธารณรัฐทาจิกิสถานที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๑ ข้อเสนอของราชอาณาจักรบาห์เรนที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๒ และข้อเสนอของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๓ รวมทั้งไทยที่จะเป็นเจ้าภาพครั้งที่ ๑๔ ๒. อนุมัติในหลักการให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนให้การรับรองแถลงการณ์ดังกล่าว หากมีการแก้ไขร่างแถลงการณ์ดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการหรือสาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะผู้แทนไทยในการดำเนินการต่อไป โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
| 29811 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี | ศธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเปลี่ยนแปลงรายการอาคารเรียนของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี จากอาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล. ตอกเข็ม ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๑,๗๑๘,๐๐๐ บาท ซึ่งไม่รวมวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด เป็นอาคารเรียนแบบพิเศษ ๗ ชั้น ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๓,๖๒๗,๓๘๐ บาท เพื่อให้อาคารเรียนมีความเหมาะสมกับพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างและลดปัญหาความขาดแคลนอาคารเรียนในการจัดการเรียนการสอนในลักษณะของการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๒๕๗,๗๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๘,๔๖๐,๓๐๐ บาท สำหรับวงเงินส่วนที่เกินงบประมาณ จำนวน ๑,๙๐๙,๓๘๐ บาท ให้ใช้เงินรายได้ของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี จ่ายสมทบต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 29812 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับคูเวต | สธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับคูเวต มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างไทยกับคูเวต ๒. อนุมัติในหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่มิใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ลงนาม โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
|||||||||||||||||||||
| 29813 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 8/2555 ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2555) | วท | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ พายุไต้ฝุ่น “พระพิรุณ” (PRAPIROON) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย และในช่วงวันที่ ๑๕-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจายในระยะนี้ สำหรับปริมาณฝนสะสมรวม ๑,๓๗๖.๓ มิลลิเมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงวันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ ๓๐-๔๐ ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ ๑๖-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ ๖๐-๗๐ ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๔๒๑ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๙๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๔๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๘๔๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑,๔๘๔ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒..๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๓๐๑.๙๗ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๒๓ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง +๒๕๙.๒๐ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๔๐ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย +๔๖.๓๙ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๔๘ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑๙๒.๙๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๒๘ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๓๙ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๘๑ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๒๐ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๑๔ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๘.๔๖ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๘,๔๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๔,๖๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๑๓.๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๕๒๒ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๖๗๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๑๐.๙๘ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๗๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๕๒,๐๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๕,๒๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๔๑,๐๗๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๑๘,๐๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๓% ซึ่งมีปริมาณน้ำกักเก็บลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนยังคงน้อยมากวันละไม่ถึง ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ในระยะสั้นให้ปรับลดการระบายน้ำเพื่อประหยัดน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปีถัดไป ๓.๒ เขื่อนประแสร์และเขื่อนคลองสียัด มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนประแสร์เกินระดับกักเก็บปกติ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๑๐๖% ส่วนเขื่อนคลองสียัดปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๙๘% ให้เร่งระบายน้ำเท่าที่สามารถทำได้และควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ๓.๓ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนมีเพียงพอต่อความต้องการ ให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลไม่เกินวันละ ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนสิริกิติ์ไม่เกินวันละ ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓.๔ เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงให้ปรับการระบายน้ำโดยพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริเวณท้ายเขื่อนเป็นสำคัญ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า ดังนี้ ๔.๑ สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม รวม ๓๑ อำเภอ ๒๕๔ ตำบล ๑,๕๓๓ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๙๔,๒๗๐ ครัวเรือน ๒๗๘,๔๐๒ คน ๔.๒ พื้นที่ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีเอ่อล้นเข้าท่วม ในพื้นที่ ๗ อำเภอ ๕๔ ตำบล ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอ ศรีมหาโพธิ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอบ้านสร้าง อำเภอศรีมโหสถ และอำเภอประจันตคาม สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา เกิดฝนตกหนักและน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ในพื้นที่ ๙ อำเภอ ๓๕ ตำบล ๒๕๒ หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง ๖ อำเภอ ๑๘ ตำบล ๑๔๙ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางคล้า อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอคลองเขื่อน อำเภอบ้านโพธิ์ และอำเภอราชสาส์น สถานการณ์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำบางปะกงและคลองท่าลาดระดับน้ำลดลง ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำไม่มีรายงานการเตือนภัยสถานการณ์ดินโคลนถล่ม และน้ำป่า
|
|||||||||||||||||||||
| 29814 | ถ้อยแถลงร่วมผลการเยือนรัฐคูเวตอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมผลการเยือนรัฐคูเวตอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประกาศในระหว่างการเยือนคูเวตอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ร่างถ้อยแถลงฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายคูเวตที่จะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในระดับทวิภาคีและระดับพหุภาคีระหว่างภูมิภาคภายใต้กรอบความร่วมมือด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมบทบาทของแต่ละฝ่ายในเวทีระหว่างประเทศ ๒. หากก่อนประกาศมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างถ้อยแถลงในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ โดยถ้อยคำดังกล่าวสอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
| 29815 | การเสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร | กต | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือทางกฎหมายที่กำหนดมาตรฐานระดับสากลเกี่ยวกับการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำโดยองค์กรอาชญากรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันอนุสัญญาดังกล่าวต่อไป ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เสริมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จะจัดตั้งในลักษณะองค์กรพร้อมกันกับการให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดความเห็นจากสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับพิธีสารเพื่อต่อต้านการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่นฐานโดยทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เสริมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 29816 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย) | สธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 29817 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 241/2555) (ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร04 | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔๑/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) [แต่งตั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.)] ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 29818 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกันยายน 2555 | พณ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ และรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๖.๖๗ เทียบกับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๖.๒๘ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๔ (เดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๐) เป็นผลจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๑ โดยสินค้าประเภทอาหารที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ปลาและสัตว์น้ำ ผักสดและผลไม้ เครื่องประกอบอาหาร เครื่องปรุงรส เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารสำเร็จรูป สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลงตามปริมาณผลผลิตและภาวะตลาด ได้แก่ ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ นมและผลิตภัณฑ์นม น้ำตาลทราย เป็นต้น สำหรับดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๖ ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า ที่มีการปรับขึ้นตามค่า Ft สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งสินค้าประเภทค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว แชมพูสระผม ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ครีมนวดผม) ปรับลดลงตามการส่งเสริมการจำหน่าย และราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีการลดลงตามภาวะตลาดโลก เป็นต้น ๒. พิจารณาเทียบกับดัชนีราคาเดือนกันยายน ๒๕๕๔ สูงขึ้นร้อยละ ๓.๓๘ จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ ๓.๖๖ โดยดัชนีราคาหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๒.๑๕ ปลาและสัตว์น้ำ ร้อยละ ๓.๖๘ ผักและผลไม้ ร้อยละ ๑๔.๑๔ เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๒.๓๐ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๓.๐๘ และอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ ๓.๗๓ ดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๓.๒๐ จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน ร้อยละ ๓.๔๖ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ ๑.๐๔ หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ร้อยละ ๐.๙๘ หมวดพาหนะการขนส่ง และการสื่อสาร ร้อยละ ๓.๙๗ หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๗.๐๕ หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา สูงขึ้นร้อยละ ๐.๕๔ ๓. พิจารณาดัชนีเฉลี่ย ๙ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เทียบกับระยะเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๙๔ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ ๕.๔๖ และดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๑.๓๗ ตามการสูงขึ้นของหมวด ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ ๒.๔๑ เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ ร้อยละ ๑.๕๔ ไข่และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ ๐.๕๕ ผักและผลไม้ ร้อยละ ๑๒.๔๖ เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ ๖.๕๐ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๒.๗๕ อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ ๖.๓๐ ค่าน้ำประปา ร้อยละ ๕.๘๒ ค่ากระแสไฟฟ้า ร้อยละ ๑๔.๒๘ หมวดยานพาหนะ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๘ และน้ำมันเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ ๑.๖๗ เป็นต้น ๔. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐๘.๗๗ เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๓ (เดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๗) จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ ผ้าและเสื้อผ้า ค่าน้ำประปา ค่าเช่าบ้าน ผลิตภัณฑ์ยาสูบและผลิตภัณฑ์สุรา สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาดบางชนิด (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง) สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว แชมพูสระผม น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว กระดาษชำระ ครีมนวดผม)
|
|||||||||||||||||||||
| 29819 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายดิสทัต โหตระกิตย์) | นร09 | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 29820 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายโกมล จิรชัยสุทธิกุล) | นร09 | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโกมล จิรชัยสุทธิกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) กลุ่มร่างกฎหมายและให้ความเห็นทางกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
.....
