ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1496 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 29901 - 29920 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 29901 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับจากหน่วยงานของรัฐ) | กค | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้เงินค่าตอบแทนพิเศษที่ผู้มีเงินได้ได้รับจากหน่วยงานของรัฐเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ๒. กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
| 29902 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ | นร | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) พร้อมทั้งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญา และข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้แจ้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดทราบและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญา ซึ่งปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำเนินคดีอาญาของประเทศไทย คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นสอบสวน โดยเฉพาะการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงด้านเดียวเพื่อพิสูจน์ความผิด โดยไม่ใส่ใจที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา และปัญหาการกลับคำให้การของพยานบุคคล โดยกล่าวอ้างว่าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมิชอบ เช่น บันทึกคำพยานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ขู่เข็ญ บังคับ หลอกลวง หรือทำร้ายบังคับให้จำเลยรับสารภาพ ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวทำให้เกิดจุดอ่อนในการดำเนินคดีอาญา จึงมีข้อเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการสอบสวน การรวบรวมพยาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยในชั้นการสอบสวนพยานบุคคล หรือผู้ต้องหา ให้กระทำ ณ สถานที่ราชการในห้องที่กำหนดไว้ เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นอาจจะกระทำในสถานที่ที่เหมาะสมก็ได้ และให้พนักงานสอบสวนจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียงการถามปากคำบุคคลดังกล่าว ซึ่งสามารถนำออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องไว้เป็นพยาน รวมทั้งให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนกำกับ ดูแล ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอย่างเคร่งครัด ๒. ข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ เห็นควรกำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาความแออัดของนักโทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยการใช้มาตรการทางเลือกแทนการใช้โทษจำคุกในเรือนจำตั้งแต่การเบี่ยงเบนก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงการใช้มาตรการทางเลือกในการลดโทษ อาทิ การกำหนดให้ความผิดทางอาญาบางประเภทเป็นความผิดอันยอมความได้ การยกเลิกการใช้โทษทางอาญาสำหรับความผิดอาญาบางประเภทที่มีฐานความผิดทางแพ่ง โดยกำหนดให้ใช้โทษอย่างอื่นแทนโทษทางอาญา การสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการชะลอการฟ้องสำหรับคดีอาญาบางประเภทในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นพนักงานอัยการเพื่อเบี่ยงเบนคดีไม่ต้องเข้าสู่ศาลโดยมีเงื่อนไขในการคุมความประพฤติ หากผิดเงื่อนไขก็จะถูกฟ้องต่อไป การสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการคุมประพฤติสำหรับผู้กระทำผิดทางอาญาให้มากขึ้นโดยการขยายหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แต่เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจในระบบคุมประพฤติ โดยนำเครื่องมือ Electronic Monitoring มาใช้ และรัฐควรให้การสนับสนุนกรมคุมประพฤติให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับการทำงานคุมประพฤติที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดีในเรือนจำลดน้อยลง เป็นต้น ๓. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ได้แก่ ๓.๑ คณะอนุกรรมการว่าด้วยการส่งเสริมหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและหลักนิติธรรม ได้จัดสัมมนาสัญจรเพื่อส่งเสริมหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและหลักนิติธรรม สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและนิติธรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา และผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารผ่านทางรายการ “ปัญหาบ้านเมือง” ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ๓.๒ คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ ได้ศึกษา วิจัย และค้นคว้าทางวิชาการเกี่ยวกับความเป็นมาของหลักนิติธรรม ความหมายและองค์ประกอบของหลักนิติธรรม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการดังกล่าวและเผยแพร่องค์ความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ๓.๓ คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมสากล ได้ศึกษาค้นคว้าทางวิชาการเกี่ยวกับ “หลักนิติธรรมสากล” ที่เป็นหลักเกณฑ์ในกรอบการทำงานขององค์การระหว่างประเทศ และ “หลักนิติธรรมสากล” ที่เป็นแนวทางหรือนโยบายของประเทศต่าง ๆ ที่เป็นหลักเกณฑ์ในกรอบการทำงานขององค์การระหว่างประเทศหรือคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล เพื่อนำมาเปรียบเทียบหรือประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ๓.๔ คณะอนุกรรมการวิชาการศึกษาสภาพปัญหาผู้ต้องขังในเรือนจำ ได้ศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ ๔. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจร กรณีเจ้าพนักงานจราจรเรียกรับเงินจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการจราจร เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการออกระเบียบปฏิบัติภายในเป็นการเพิ่มเติม โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||
| 29903 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย (กรณีสนับสนุนการลงทุนในตราสารการเงินที่ออกเพื่อระดมทุนตามหลักศาสนาอิสลาม) | กค | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ถือศุกูก ทรัสตี และผู้ระดมทุน สำหรับเงินได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ และการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ที่เกี่ยวกับการออกศุกูกตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนและกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บางกรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29904 | ร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. .... | พณ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในเขตพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส) และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา) ลงกึ่งหนึ่งต่อไปอีก ๕ ปี คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29905 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29906 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาทัน ตำบลดินจี่ ตำบลทุ่งคลอง ตำบลนาบอน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง ตำบลสำราญ ตำบลหนองช้าง ตำบลสำราญใต้ ตำบลคำสร้างเที่ยง อำเภอสามชัย ตำบลคำบง ตำบลนิคมห้วยผึ้ง ตำบลไค้นุ่น ตำบลหนองอีบุตร อำเภอห้วยผึ้ง ตำบลเหล่าใหญ่ ตำบลนาโก ตำบลหนองห้าง ตำบลกุดหว้า ตำบลนาขาม ตำบลแจนแลน ตำบลกุดค้าว ตำบลเหล่าไฮงาม ตำบลสามขา อำเภอกุฉินารายณ์ ตำบลภูดิน ตำบลขมิ้น ตำบลภูปอ ตำบลนาจารย์ ตำบลกลางหมื่น ตำบลลำปาว ตำบลบึงวิชัย ตำบลไผ่ ตำบลโพนทอง ตำบลเหนือ ตำบลเชียงเครือ ตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และตำบลดงพยุง ตำบลนาจำปา ตำบลสะอาดไชยศรี ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาทัน ตำบลดินจี่ ตำบลทุ่งคลอง ตำบลนาบอน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง ตำบลสำราญ ตำบลหนองช้าง ตำบลสำราญใต้ ตำบลคำสร้างเที่ยง อำเภอสามชัย ตำบลคำบง ตำบลนิคมห้วยผึ้ง ตำบลไค้นุ่น ตำบลหนองอีบุตร อำเภอห้วยผึ้ง ตำบลเหล่าใหญ่ ตำบลนาโก ตำบลหนองห้าง ตำบลกุดหว้า ตำบลนาขาม ตำบลแจนแลน ตำบลกุดค้าว ตำบลเหล่าไฮงาม ตำบลสามขา อำเภอกุฉินารายณ์ ตำบลภูดิน ตำบลขมิ้น ตำบลภูปอ ตำบลนาจารย์ ตำบลกลางหมื่น ตำบลลำปาว ตำบลบึงวิชัย ตำบลไผ่ ตำบลโพนทอง ตำบลเหนือ ตำบลเชียงเครือ ตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และตำบลดงพยุง ตำบลนาจำปา ตำบลสะอาดไชยศรี ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคำม่วง อำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29907 | ขออนุมัติรับโอนข้าราชการตุลาการมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งข้าราชการประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายประภาศ คงเอียด) | กค | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายประภาศ คงเอียด ข้าราชการตุลาการ ตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา สำนักงานศาลยุติธรรม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 29908 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการภาพรวมเกี่ยวกับการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 29909 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29910 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29911 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังใหญ่ ตำบลสายลำโพง ตำบลพนมเศษ ตำบลพนมรอก ตำบลดอนคา ตำบลวังมหากร ตำบลท่าตะโก ตำบลหัวถนน และตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังใหญ่ ตำบลสายลำโพง ตำบลพนมเศษ ตำบลพนมรอก ตำบลดอนคา ตำบลวังมหากร ตำบลท่าตะโก ตำบลหัวถนน และตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังใหญ่ ตำบลสายลำโพง ตำบลพนมเศษ ตำบลดอนคา ตำบลพนมรอก ตำบลท่าตะโก ตำบลหัวถนน และตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อให้การกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินสอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะที่ดินที่มีการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 29912 | รายงานผลการดำเนินการ กรณีสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เรื่อง องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตามมาตรา 61 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เรื่อง องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตามมาตรา 61 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550) | สสป | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตีรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง "องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตามมาตรา ๖๑ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐" โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเร่งรัดการตราพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค โดยนำร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... ที่ได้ผ่านวุฒิสภา และได้ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาในรัฐสภา และมีกฎหมายออกบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตา ๖๑ ที่กำหนดให้มีการดำเนินการ ภายหลังรัฐบาลประกาศนโยบายไม่เกิน ๑ ปี ๒. การเป็นผู้นำระดับอาเซียนในการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเร่งรัดและสนับสนุนให้มีการพิจารณา เพื่อผ่านร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค อันเป็นหลักประกันแก่ผู้บริโภคไทย และเป็นแบบอย่างเชิงสัญลักษณ์ของความเป็นผู้นำในประเทศต่าง ๆ ในประชาคมอาเซียน และในระดับนานาชาติต่อไป ๓. การแสดงเจตจำนงในการสนับสนุนบทบาทของภาคประชาชนในการเสนอร่างกฎหมายสู่รัฐสภาอย่างจริงจัง การผ่านพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค จะทำให้เจตจำนงดังกล่าวได้รับการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายฉบับแรกที่มีการเสนอรายชื่อ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ราย โดยภาคประชาชน และรัฐบาลได้ให้การรับรองเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๔. การเร่งสร้างความเข้าในเรื่ององค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้ประชาชน และผู้บริโภคทราบ โดยให้มีการดำเนินการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนากลไกรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค สนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติการจำลองขององค์กรผู้บริโภค นำร่องการบริหารจัดการเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในรูปแบบองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และสนับสนุนให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสนับสนุนงบประมาณและดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ในฐานะเครือข่ายทำงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในทุกระดับ ๕. การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในปัจจุบันในประเด็นการขยายสิทธิผู้บริโภคในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้สอดคล้องกับแนวทางการคุ้มครองผู้บริโภคของสหประชาชาติ และสภาพปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภคในปัจจุบัน การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมการเฉพาะเรื่องให้มีตัวแทนผู้บริโภคในสัดส่วนที่เหมาะสม ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นหน่วยงานกลางที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในการจัดการ และประสานงาน ชี้แจงผลการดำเนินการให้ผู้บริโภครับทราบผล เพื่อลดภาระต้นทุนในการร้องเรียนของผู้บริโภค จากการที่ต้องเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เมื่อเรื่องที่ร้องเรียนไม่ตรงกับความรับผิดชอบของหน่วยงาน การกำหนดให้สมาคมและมูลนิธิได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียม ในการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิผู้บริโภค การกำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่เป็นนิติบุคคลให้มีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภค การปรับปรุงมาตรการจัดการสินค้าที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค การเพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค การยกระดับการคุ้มคอรงผู้บริโภคด้านโฆษณา ให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาท เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการชดเชยที่รวดเร็วและเป็นธรรม และการปรับปรุงบทกำหนดโทษ โดยเพิ่มเพดานโทษสูงสุดให้เหมาะสมกับระดับความเสียหายและสภาวการณ์ในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีผู้ประกอบธุรกิจที่ก่อปัญหาซ้ำซาก
|
|||||||||||||||||||||
| 29913 | ผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร07 | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยผลการพิจารณาโครงการ/รายการที่สำคัญ และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ เห็นสมควรอนุมัติให้กระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณและเงินที่ส่วนราชการใช้จ่ายจริงน้อยกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ไปดำเนินการรวม ๒ โครงการ/รายการ ได้แก่
๑. โครงการก่อสร้างบริเวณพื้นที่อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า เป็นเงิน ๒๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ภายใต้แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน เพื่อใช้เป็นคลังเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ (เครื่องผลักดันน้ำ) ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ ๒. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อผลักดันน้ำ เป็นเงิน ๒.๐๐๐๐ ล้านบาท ๓. รวมเป็นเงินที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณ และเงินที่ส่วนราชการใช้จ่ายจริงน้อยกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยาฯ ในครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗.๐๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 29914 | การเข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 20 ปีแผนงาน GMS | นร | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (Greater Mekong Subregion : GMS) ของไทย รายงานสรุปผลการเข้าร่วมงานฉลองครบรอบ ๒๐ ปีแผนงาน GMS ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารพัฒนาเอเชีย กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยงานฉลองครบรอบ ๒๐ ปีแผนงาน GMS ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศสมาชิกได้ทบทวนความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในกลุ่มในการเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในอนาคต และร่วมหารือเพื่อเตรียมการประชุมระดับรัฐมนตรี ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๘ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ นครหนานหนิง มณฑลกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยประเด็นสำคัญที่รัฐมนตรี ๖ ประเทศจะหารือร่วมกัน คือ การจัดทำกรอบการลงทุนของภูมิภาค (Regional Investment Framework) เพื่อกำหนดโครงการลงทุนลำดับความสำคัญสูงของ GMS ในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้า สำหรับการดำเนินงานของฝ่ายไทยเพื่อสนับสนุนการประชุมระดับรัฐมนตรี ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๘ มีดังนี้
๑. การจัดทำกรอบการลงทุนของอนุภูมิภาค ในระยะที่ ๑ ซึ่งครอบคลุมการประเมินการพัฒนารายสาขา การวิเคราะห์แผนและนโยบายการพัฒนาประเทศ รวมถึงจัดทำข้อเสนอโครงการลงทุนลำดับความสำคัญสูงของแต่ละประเทศ ๒. การจัดทำร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการสาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๒๐๑๓-๒๐๑๗) และการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจสำหรับการดำเนินงานร่วมกันเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีการเคลื่อนย้ายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๓. การเตรียมการลงนามในเอกสารสำคัญ ๒ เรื่อง ได้แก่ การลงนามในความตกลงเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Railway Association : GMRA) และการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลต่อการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Inter-Governmental MOU for the Establishment of the Regional Power Coordination Centre in the Greater Mekong Subregion : IGM) ๔. การเร่งรัดการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อการให้สัตยาบันภาคผนวกและพิธีสารแนบท้ายความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากปัจจุบันเหลือเพียงไทยและเมียนมาร์ที่ให้สัตยาบันภาคผนวกและพิธีสารฯ ไม่ครบทั้ง ๒๐ ฉบับ ทั้งนี้ ไทยอยู่ระหว่างผลักดันร่างกฎหมาย ๕ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างกฎหมาย ๓ ฉบับ อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการรับขนของทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ของกระทรวงคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน The GMS Agreement) ของกระทรวงการคลัง และร่างกฎหมาย ๒ ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (ในเรื่องเกี่ยวกับข้อบทว่าด้วยการผ่านแดน) ของกรมศุลกากร และร่างพระราชบัญญัติการรับขนคนโดยสารและสัมภาระทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ของกระทรวงคมนาคม
|
|||||||||||||||||||||
| 29915 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อพิจารณาเรื่อง การอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาเข้ามาดำเนินโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Composition, Cloud, Climate Coupling Regional Study - SEAC4 RS) | สผ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า ประธานรัฐสภามีบัญชาให้บรรจุเรื่อง ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่อง การอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาเข้ามาดำเนินโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Composition, Cloud, Climate Coupling Regional Study - SEAC4 RS) ในประเทศไทย ตามมาตรา ๑๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๓๐ น.
|
|||||||||||||||||||||
| 29916 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 5/2555 ณ วันที่ 24 กันยายน 2555) | วท | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ พายุดีเปรสชั่นที่ก่อตัวทางด้านตะวันออกของอายุไต้ฝุ่น "เจอลาวัต" (JELAWAT) มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แต่มีทิศทางไปยังประเทศญี่ปุ่น สำหรับร่องมรสุมที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยพบว่ามีร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก และจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๕๕ และในช่วงวันที่ ๒๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางแห่ง สำหรับปริมาณน้ำฝนในภาพรวมพบว่า ฝนสะสมในทุกภาคสูงกว่าค่าเฉลี่ย ๓๐ ปี เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย โดยทุกภาคมีฝนน้อยกว่าเมื่อปี ๒๕๕๔ ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๕๗๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๙๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๖๕๔ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๘๔๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑,๘๑๒ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒..๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๓๐๒.๑๓ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๐๗ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง +๒๕๙.๒๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๓๙ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย +๔๗.๑๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๗๒ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑๙๓.๓๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๘๘ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๗๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๔๕ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๖๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๗๓ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๓๗.๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗,๗๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๙๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๑.๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๒๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๓๖๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๖.๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๔๘๗ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๔๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๔๘,๗๓๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๐,๒๕๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๙,๔๗๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๒๑,๔๑๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๖% ต่ำกว่าปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยแล้งอยู่ค่อนข้างมาก และมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างน้อยมาก จึงเสนอให้ปรับลดการระบายน้ำ ๓.๒ เขื่อนประแสร์และเขื่อนคลองสียัด มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนทั้งสองเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในบริเวณดังกล่าว จึงให้เฝ้าระวังและติดตามตามปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างเพิ่มเติม รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่เหนือน้ำและท้ายของของเขื่อนทั้งสอง ๓.๓ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้ปรับลดการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลลงเหลือไม่เกินวันละ ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือไม่เกินวันละ ๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาผลกระทบท้ายน้ำด้วย ๓.๔ เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ ให้ลดการระบายน้ำที่เขื่อนศรีนครินทร์ลงเหลือวันละ ๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนวชิราลงกรณลดการระบายลงเหลือวันละ ๑๖ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเริ่มลดการระบายของทั้งสองเขื่อนตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๕ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า ดังนี้ ๔.๑ สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย ๑๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครปฐม สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ พิจิตร และนครนายก รวม ๓๘ อำเภอ ๒๖๙ ตำบล ๑,๗๔๖ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๗๕,๙๙๔ ครัวเรือน ๑๘๖,๕๐๘ คน ๔.๒ พื้นที่ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีเอ่อล้นเข้าท่วม ในพื้นที่ ๕ อำเภอ ๒ เขตเทศบาลตำบล ๓๖ ตำบล ๒๔๐ หมู่บ้าน ๒๗ ชุมชน จังหวัดสระแก้ว ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ ๕ อำเภอ ๓๒ ตำบล ๒๙๔ หมู่บ้าน ๑๒,๙๙๘ ครัวเรือน ๓๔,๖๔๕ คน และจังหวัดนครนายก เกิดฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ๒ อำเภอ ๖ ตำบล ๓๐ หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอองครักษ์ ตำบลบางสมบูรณ์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๒๓๐ ครัวเรือน ๒,๓๗๐ คน ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำได้เตือนภัยสถานการณ์น้ำป่า ณ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ เตือนภัยสีเขียว(เฝ้าระวัง) ๑ จังหวัด คือจังหวัดอุตรดิตถ์ ๕. สรุปผลการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในเขตจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก และสุโขทัย ในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กันยายน ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อติดตามสถานการณ์และรับมือปัญหาอุทกภัยปี ๒๕๕๕ เป็นการเร่งด่วนเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๕ ณ ห้องประชุม ๑ กระทรวงมหาดไทย พร้อมจัดประชุมทางไกลผ่านระบบ Tele-conference กับจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด และมอบให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการรับมือปัญหาอุทกภัยปี ๒๕๕๕ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
| 29917 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร07 | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๘,๘๗๒.๗๘๔๗ ล้านบาท ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๑๓,๐๒๕.๔๗๑๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑,๒๘๒.๗๔๖๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๑๕ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๙๗,๖๖๓.๗๕๒๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๑๖ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๙ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๙ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๔ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งเงินคืนในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๘๒๔.๐๘๒๔ ล้านบาท คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๓๑๓.๕๔๔๙ ล้านบาท คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๖๔๙.๕๔๓๕ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙,๘๓๖.๗๙๒๖ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๒,๐๖๑.๗๓๔๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๗๗๕.๐๕๗๘ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๔,๐๐๔.๑๔๔๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑๙๖.๘๐๔๓ ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๒๘.๙๗๐๐ ล้านบาท กระทรวงกลาโหม จำนวน ๑๙.๘๕๐๐ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๑๗๑.๔๗๐๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 29918 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ | นร07 | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ซึ่งขณะนี้มีหนี้ค้างชำระ จำนวน ๙๑๖,๖๘๔,๐๕๑ บาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ให้โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ๒ รายการ ได้แก่ รายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดสกลนคร จำนวน ๕๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดพังงา จำนวน ๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. ให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๓. สำหรับหนี้ค่าวัสดุอาหารส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๑๑,๖๘๔,๐๕๑ บาท เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้กรมราชทัณฑ์เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นค่าวัสดุอาหารไว้แล้ว จำนวน ๓,๑๗๕,๗๐๕,๒๐๐ บาท ไปชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 29919 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณและขออนุมัติค่าใช้จ่ายสำนักบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย | วท | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการกระบวนการสรรหาผู้สนใจออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ในวงเงิน ๒ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ในส่วนค่าใช้จ่ายของสำนักนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ให้ทบทวนค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๖๔.๙๔ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๘.๒๖๓๕ ล้านบาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศใช้บังคับแล้ว ๑.๒ กรณีสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายกรณีเฉพาะหน้าเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เหลือจ่าย จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้แล้ว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแจ้งคืนเงินงบประมาณดังกล่าวให้สำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยประสานงานกับ สบอช. เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องและไม่เกิดความซ้ำซ้อนกัน และเห็นสมควรให้มีงบประมาณเพื่อดำเนินการกรณีมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาคัดเลือกผู้เสนอกรอบแนวคิดตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งการจะใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบประมาณเหลือจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นควรให้ดำเนินการให้สอดคล้องตามระเบียบและขั้นตอนวิธีการงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้สำนักงบประมาณร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ สบอช. พิจารณาในรายละเอียดทั้งด้านอัตราค่าจ้างในการจัดจ้างบุคลากรเพิ่มเติม และการจัดหาครุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 29920 | ขออนุมัติการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) | กค | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศ วงเงิน ๑๑,๓๔๘.๓๕ ล้านบาท และให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินต่อจากกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง ทั้งนี้ วงเงินที่ รฟท. กู้ต่อจากกระทรวงการคลังจะนำไปใช้จ่ายในส่วนของค่าเวนคืนและรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง จำนวน ๑๒๘.๘๒ ล้านบาท ดำเนินการประกวดราคา จำนวน ๘ ล้านบาท ค่าก่อสร้าง จำนวน ๑๐,๘๐๕.๒๙ ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน ๔๐๖.๒๔ ล้านบาท ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปหารือร่วมกันในเรื่องการพิจารณาความเหมาะสมของการจัดเตรียมงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตามแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเพื่อรักษาวินัยการคลังและลดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการเงินของ รฟท. โดยเฉพาะอัตราส่วนความสามารถในการก่อหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของ รฟท. |
|||||||||||||||||||||
.....
