ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 8/2555 ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2555) | วท | 15/10/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ พายุไต้ฝุ่น “พระพิรุณ” (PRAPIROON) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย และในช่วงวันที่ ๑๕-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจายในระยะนี้ สำหรับปริมาณฝนสะสมรวม ๑,๓๗๖.๓ มิลลิเมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงวันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ ๓๐-๔๐ ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ ๑๖-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ ๖๐-๗๐ ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๔๒๑ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๙๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๔๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๘๔๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑,๔๘๔ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒..๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๓๐๑.๙๗ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๒๓ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง +๒๕๙.๒๐ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๔๐ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย +๔๖.๓๙ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๔๘ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑๙๒.๙๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๒๘ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๓๙ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๘๑ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๒๐ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๑๔ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๘.๔๖ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๘,๔๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๔,๖๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๑๓.๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๕๒๒ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๖๗๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๑๐.๙๘ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๗๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๕๒,๐๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๕,๒๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๔๑,๐๗๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๑๘,๐๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๓% ซึ่งมีปริมาณน้ำกักเก็บลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนยังคงน้อยมากวันละไม่ถึง ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ในระยะสั้นให้ปรับลดการระบายน้ำเพื่อประหยัดน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปีถัดไป ๓.๒ เขื่อนประแสร์และเขื่อนคลองสียัด มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนประแสร์เกินระดับกักเก็บปกติ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๑๐๖% ส่วนเขื่อนคลองสียัดปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๙๘% ให้เร่งระบายน้ำเท่าที่สามารถทำได้และควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ๓.๓ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนมีเพียงพอต่อความต้องการ ให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลไม่เกินวันละ ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนสิริกิติ์ไม่เกินวันละ ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓.๔ เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงให้ปรับการระบายน้ำโดยพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริเวณท้ายเขื่อนเป็นสำคัญ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า ดังนี้ ๔.๑ สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม รวม ๓๑ อำเภอ ๒๕๔ ตำบล ๑,๕๓๓ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๙๔,๒๗๐ ครัวเรือน ๒๗๘,๔๐๒ คน ๔.๒ พื้นที่ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีเอ่อล้นเข้าท่วม ในพื้นที่ ๗ อำเภอ ๕๔ ตำบล ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอ ศรีมหาโพธิ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอบ้านสร้าง อำเภอศรีมโหสถ และอำเภอประจันตคาม สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา เกิดฝนตกหนักและน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ในพื้นที่ ๙ อำเภอ ๓๕ ตำบล ๒๕๒ หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง ๖ อำเภอ ๑๘ ตำบล ๑๔๙ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางคล้า อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอคลองเขื่อน อำเภอบ้านโพธิ์ และอำเภอราชสาส์น สถานการณ์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำบางปะกงและคลองท่าลาดระดับน้ำลดลง ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำไม่มีรายงานการเตือนภัยสถานการณ์ดินโคลนถล่ม และน้ำป่า
|
.....