ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1367 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27321 - 27340 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27321 | แนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร | นร05 | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ดังนี้
๑. ให้มีบุคคล (รัฐมนตรี) ที่รับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์การดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งเป็นผู้ประสานงานกิจการด้านสินค้าเกษตรในแต่ละประเภทที่สำคัญ ๆ ตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิต การแปรรูป ตลอดจนเสถียรภาพของราคา ให้เชื่อมโยงตั้งแต่ไร่นาจนถึงผู้บริโภค และการส่งออก ได้แก่ ๑.๑ ข้าว นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๒ ข้าวโพด นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๑.๓ มันสำปะหลัง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ๑.๔ อ้อย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๑.๕ ยางพารา นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. ให้รัฐมนตรีทั้ง ๕ ท่านดังกล่าวทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล และประสานการดำเนินงานกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด โดยภารกิจหลักในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ยังคงเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ปกติ
|
|||||||||||||||||||||
| 27322 | การจัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศ | นร04 | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ของประเทศได้จัดทำเอกสารข้อมูล (Profile) ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “MODERN THAILAND” ขึ้น โดยมีข้อมูลในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค แผนบริหารจัดการน้ำ การปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และได้พิมพ์ตราสัญลักษณ์ (Logo) ของประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งเป็นการให้ข้อมูลและสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในระยะต่อไปจะทำเอกสารดังกล่าวเป็นฉบับภาษาไทย และจะทำเอกสารนี้เป็นข้อมูลของแต่ละจังหวัดต่อไปด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการจัดทำเอกสารข้อมูล (Profile) ของแต่ละจังหวัดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดให้ครบถ้วน เช่น ยุทธศาสตร์ของจังหวัด พืชผลทางการเกษตร สินค้า ผลิตภัณฑ์ และพืชสมุนไพร เป็นต้น ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำตราสัญลักษณ์ของประเทศไทย (Logo) ไปใช้ประโยชน์ในวาระ/โอกาสต่าง ๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้โดยทั่วกัน ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเร่งแจ้งรายละเอียดและแนวทางการใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวให้ทุกหน่วยงานทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 27323 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | นร | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27324 | การเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 การประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 23 | นร04 | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานว่าในระหว่างวันที่ ๖-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ได้เดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นการประชุมดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ มีประเด็นหารือสำคัญ ๓ ประเด็น คือ ๑.๑ การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ (Attaining the Bogor Goals) ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเปิดเสรีการค้าการลงทุนภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยเป็นเป้าหมายตามความสมัครใจสำหรับประเทศไทยต้องเร่งรัดดำเนินการให้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ๑.๒ การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม (Sustainable Growth with Equity) โดยประเทศที่พัฒนาแล้วควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือและสิทธิพิเศษแก่ประเทศที่ยังพัฒนาไม่ทันประเทศอื่นด้วย ๑.๓ การส่งเสริมความเชื่อมโยงภูมิภาค (Promoting Connectivity) ทั้งในด้านการขนส่งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเลเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง รวมถึงการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงทางด้านอาหาร ด้านน้ำ และด้านพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green energy) โดยประเทศไทยได้รับการยอมรับให้เป็นแหล่งสำรองอาหารของโลก ๒. การเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒๓ ทุกประเทศมีความเห็นตรงกันว่า ในอนาคตต้องพิจารณาว่าภายหลังการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว (Post ASEAN) ในปี ๒๐๑๕ ทุกประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ และความมั่นคงในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยได้ผลักดันเรื่องความมั่นคงทางอาหารและการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือภัยพิบัติ โดยเฉพาะการมีข้าวสำรองกรณีเกิดภัยพิบัติและส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในการดูแลการเก็บอาหารสำรอง การส่งเสริมพลังงานสีเขียว นอกจากนี้ ไทยมีบทบาทในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน เกี่ยวกับในเรื่องทะเลจีนใต้ (South China Sea) ซึ่งหลายประเทศมีความเห็นตรงกันที่ต้องการให้การเดินเรือในทะเลจีนใต้เป็นไปโดยเสรีและปลอดภัย นอกจากนี้ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ในอนาคต โดยเน้นเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และการพัฒนาภายหลังจากปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ในการนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสรุปภารกิจหลักของแต่ละส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC) และการพัฒนาภายหลังจากปี ๒๐๑๕ แล้วจัดส่งให้แต่ละส่วนราชการเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27325 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง เพื่อจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน 15 แห่ง | นร04 | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง เพื่อจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน ๑๕ แห่ง) ที่รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรม เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗,๐๕๐,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม โดยในระยะแรกดำเนินการนำร่องในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๗ แห่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ เป็น “อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ”
|
|||||||||||||||||||||
| 27326 | มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2557 - 2561) | นร | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่ คปร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ประกอบด้วย มาตรการบริหารจัดการอัตรากำลังปกติ มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ และแนวทางการนำมาตรการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ๑.๒ ให้ คปร. สำนักงาน ก.พ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ร่วมกับส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการนำมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ให้ คปร. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรอัตรากำลังคืนให้กับส่วนราชการที่มีภารกิจตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ประเทศ และมีภารกิจเพิ่มขึ้น การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการคืนทั้งหมดเพื่อรองรับกับภารกิจของหน่วยงานในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาข้าราชการร้อยละ ๑๐๐ ให้มีความรู้ความสามารถทักษะและสมรรถนะตามแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนควรมีการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการพัฒนา และในการดำเนินมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐฯ ควรครอบคลุมพนักงานมหาวิทยาลัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เช่นเดียวกับข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ การทำความเข้าใจกับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนราชการในราชการบริหารฝ่ายพลเรือนให้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการ การพัฒนาเครื่องมือ กลไก หรือคู่มือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม การให้ความสำคัญกับการวางกรอบหลักเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มอัตราตั้งใหม่ให้เหมาะสมกับฐานะการคลังของประเทศในระยะยาวเพื่อให้มีความยั่งยืนและคุ้มค่าด้านบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ การวางระบบหรือกลไกที่สามารถบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐทั้งระบบให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น การขยายขอบเขตการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมกำลังคนภาครัฐทุกประเภท (ทั้งในฝ่ายพลเรือนและทหาร) รวมทั้งการจัดทำแนวทางในการส่งเสริมและ/หรือมาตรการสร้างแรงจูงใจอย่างชัดเจน เพื่อให้การถ่ายโอนบุคลากรไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้ คปร. และสำนักงาน ก.พ. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.๑ เนื่องจากแนวทางการบริหารและการพัฒนากำลังคนภาครัฐทั้งระบบทั้งที่สังกัดหน่วยงานภายใต้ฝ่ายบริหารและสังกัดองค์กรต่าง ๆ ที่มิได้อยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารยังมีความเหลื่อมล้ำ และไม่ได้มีการบูรณาการการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการในเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม ควรให้ คปร. รับไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริหารและการพัฒนากำลังคนภาครัฐเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ๓.๒ ในกระบวนการสรรหาและพัฒนากำลังคนในภาคราชการ ควรคำนึงถึงการเสริมสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถได้มีโอกาสแสดงศักยภาพและได้รับการยอมรับ รวมทั้งควรมีการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานเพื่อให้มีศักยภาพที่หลากหลายมากขึ้น (Multi Skill) ทั้งนี้ ในกระบวนการสรรหาและพัฒนากำลังคนในภาคราชการควรมีการพิจารณาปรับปรุง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา เพื่อให้ได้กำลังคนที่มีทักษะ สมรรถนะ และทัศนคติที่เหมาะสมและมีใจรักในงานบริการ เพื่อให้สอดคล้องและรองรับการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแนวใหม่ ควรให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การสรรหากำลังคนเข้าสู่ระบบราชการให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
| 27327 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 10 ฉบับ | กษ | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน ๑๐ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย คลองน้ำแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำยม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแนะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองสิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน (ลำน้ำเดิม) เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
| 27328 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ สพฐ. 1 โรงเรียนบ้านแม่แฮเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ | ศธ | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ สพฐ. ๑ โรงเรียนบ้านแม่แฮเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑ หลัง เป็นวงเงิน ๑๕,๙๘๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงิน ๒,๙๐๙,๖๐๐ บาท ที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๑,๖๓๘,๔๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก วงเงิน ๑,๔๓๒,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป และให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดก่อนลงนามในสัญญาจ้าง ตามข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 27329 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ปรับปรุง 46 โรงเรียนเบตง วีระราษฎร์ประสาน จังหวัดยะลา | ศธ | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ โรงเรียนเบตง วีระราษฎร์ประสาน จังหวัดยะลา จำนวน ๑ หลัง เป็นวงเงิน ๒๓,๐๕๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงิน ๓,๕๔๐,๐๐๐ บาท ที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๔,๑๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก วงเงิน ๕,๓๕๕,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป และเมื่อได้รับอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขอขยายอนุมัติระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดก่อนลงนามในสัญญาจ้าง ตามข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 27330 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดการขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" | สสป | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดการขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการจัดการฐานข้อมูล ได้แก่ ส่งเสริมการจัดทำฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ ประเภท และชนิดของขยะมูลฝอย รวมถึงการส่งผ่านข้อมูลที่เป็นปัจจุบันไปยังประชาชนในท้องถิ่นเพื่อให้ได้รับทราบและตรวจสอบข้อมูลการจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนของตนเอง และร่วมมือลดปริมาณ จำนวน และประเภทขยะมูลฝอยทุกชนิดจนให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ๒. ด้านมาตรการทางกฎหมาย ได้แก่ ส่งเสริมให้ท้องถิ่นออกเป็นข้อบัญญัติของเทศบาลหรือมาตรการการจัดการขยะมูลฝอยที่สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของชุมชน รวมถึงให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตามและการบังคับใช้ข้อบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ส่งเสริมให้ภาครัฐร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในการบริหารขยะมูลฝอยอย่างครบวงจรทั้งระบบ และจัดการขยะอันตราย รวมทั้งรัฐควรอำนวยความสะดวกด้วยการปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เอกชนดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักการบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ๓. ด้านงบประมาณและบุคลากร ได้แก่ สนับสนุนหรืออุดหนุนงบประมาณแก่ท้องถิ่นที่มีรายได้ไม่เพียงพอในการจัดการขยะมูลฝอยให้สามารถดำเนินการเดินระบบการจัดการในเบื้องต้นได้ตามความเหมาะสมกับสภาพจริงของท้องถิ่นนั้น ๆ และสนับสนุนให้มีบุคลากรสำหรับดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยอย่างเพียงพอ และต้องกำหนดค่าตอบแทนที่ครอบคลุมทั้งเงินเดือนและสวัสดิการในอัตราที่สามารถดำรงชีพได้อย่างไม่ขัดสน ๔. ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ ส่งเสริมและสนับสนุนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนในการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ระดับครอบครัว จนถึงสังคมเมืองขนาดใหญ่ให้มีความตระหนักในการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งส่งเสริมให้ร่วมรับผิดชอบในการจ่ายค่าจัดการขยะมูลฝอยในอัตราที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของท้องถิ่น ๕. ด้านการใช้เทคโนโลยีจัดการขยะมูลฝอย ได้แก่ สนับสนุนให้มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยแบบรวมกลุ่ม เพื่อให้มีต้นทุนในการดำเนินงานด้วยการใช้เครื่องมือและเครื่องจักรกลเพียงพอ ดังที่มีการดำเนินการไปแล้วในบางพื้นที่ เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 27331 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนเขตอำเภอท่าปลากับอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | มท | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนเขตอำเภอท่าปลากับอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนเขตอำเภอท่าปลากับอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อประโยชน์แก่การปกครองและความสะดวกของประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27332 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การขยายเวลามาตรการภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน) | กค | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การขยายเวลามาตรการภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน) มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อกำหนดให้เงินได้ของวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนในด้านการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ และพัฒนากลุ่มอาชีพที่ครบวงจรทั้งห่วงโซ่มูลค่า รวมทั้งการหาช่องทางการตลาดหรือช่องทางในการกระจายสินค้า และควรมีการปรับปรุงกฎระเบียบของกองทุนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้วิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรเพิ่มบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้สนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 27333 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 สายกรุงเทพมหานคร - แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ - รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง - บ้านพุแค พ.ศ. .... | คค | 15/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง-บ้านพุแค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง-บ้านพุแค ในท้องที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 27334 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ให้เขตพื้นที่แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2556) | นร05 | 09/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอรายงานข้อเท็จจริงการชุมนุมซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรอันเป็นกรณีจำเป็นในการรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศและเป็นกรณีฉุกเฉิน ๒. เห็นชอบ ๒.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๒ ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๓ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ รวม ๓ ฉบับ (ในเขตพื้นที่แขวงดุสิต และแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบานพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบปรามศัตรูพ่าย กรุงเทพเทพมหานคร) ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ซึ่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (นายนิพนธ์ ฮะกีมี) ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง หรือสามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบตามปกติแล้ว ก็ให้ยกเลิกประกาศ และข้อกำหนดดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลต่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาทราบโดยเร็ว ๓. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ จัดให้มีการชี้แจงจัดทำความเข้าใจกับประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า การออกประกาศและข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ เป็นการป้องกันเหตุร้าย และความวุ่นวาย รวมทั้งคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของทางราชการ และประชาชนที่มาร่วมชุมนุม
|
|||||||||||||||||||||
| 27335 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญทั่วไป) วันศุกร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. รับทราบผลการประสานงานของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เรื่อง การนัดประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
| 27336 | รายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ 23 สิงหาคม 2554 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2555) | สว | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประสานงานของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เรื่อง การนัดประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
| 27337 | การลงพื้นที่ติดตามและรายงานสถานการณ์อุทกภัย | นร | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบโดยด่วน และให้รายงานผลไปยังคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเพื่อรวบรวมและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 27338 | การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กำชับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) อย่างเคร่งครัดว่า หากเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีมีประเด็นที่อาจจะเกี่ยวกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหน่วยงานเจ้าของเรื่องไม่ได้ส่งเรื่องพร้อมความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาด้วย ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องเสนอเรื่องถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องนั้นไม่น้อยกว่า ๗ วัน เพื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้ขอความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 27339 | การรายงานผลการดำเนินงานมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 มาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2556/57 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ตามมติคณะรัฐมนตรี | กษ | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร รายงานผลการดำเนินการมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี ๒๕๕๗ มาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี ๒๕๕๖/๕๗ และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ ของกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งมีหน้าที่ในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร ประชาคม และออกใบรับรองให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว ในปี ๒๕๕๖/๕๗ ดังนี้ ๑.๑ ยางพารา เกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๕๗๕,๒๔๑ ครัวเรือน รับขึ้นทะเบียนและบันทึกในระบบสารสนเทศเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราแล้ว จำนวน ๒๑๖,๔๑๓ ครัวเรือน พื้นที่ปลูก ๓,๑๔๑,๕๗๒ ไร่ พื้นที่เปิดกรีด ๒,๕๓๖,๓๘๐ ไร่ ส่งรายชื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดระดับตำบลดำเนินการแล้ว จำนวน ๓,๗๙๒ ครัวเรือน พื้นที่ปลูก ๔๓,๗๖๗ ไร่ พื้นที่เปิดกรีด ๓๘,๔๓๕ ไร่ ๑.๒ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๑๓๕,๘๔๙ ครัวเรือน พื้นที่ ๒,๔๒๕,๘๑๐ ไร่ ผลผลิต ๑,๗๓๕,๔๒๗ ตัน เกษตรกรผ่านประชาคม จำนวน ๒๘,๕๘๔ ครัวเรือน พื้นที่ ๕๘๓,๐๗๓ ไร่ ผลผลิต ๔๐๔,๕๓๐ ตัน (คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๐๔ ของจำนวนครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียน) ออกใบรับรอง ๒๓,๐๓๘ ครัวเรือน พื้นที่ ๔๔๑,๘๒๗ ไร่ ผลผลิต ๓๐๖,๓๓๒ ตัน (คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๖๐ ของจำนวนครัวเรือนที่ผ่านการประชาคม) ๑.๓ ข้าว เกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๒,๓๔๓,๘๒๔ ครัวเรือน พื้นที่ ๔๑,๘๙๙,๐๘๐ ไร่ ผลผลิต ๑๗,๘๕๔,๗๐๘ ตัน เกษตรกรผ่านประชาคม จำนวน ๓๘,๗๙๙ ครัวเรือน พื้นที่ ๘๕๓,๓๓๓ ไร่ ผลผลิต ๔๘๓,๐๘๖ ตัน (คิดเป็นร้อยละ ๑.๖๖ ของจำนวนครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียน) ออกใบรับรอง ๑๙,๒๘๙ ครัวเรือน พื้นที่ ๓๙๘,๑๓๙ ไร่ ผลผลิต ๒๓๙,๐๗๓ ตัน (คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๗๒ ของจำนวนครัวเรือนที่ผ่านการประชาคม) ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินมาตรการการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง การเข้มงวดต่อการตรวจสอบสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวที่เข้าร่วมโครงการเพื่อป้องกันการสวมสิทธิและการบุกรุกป่า การเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร็ว โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง การเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์และสิทธิครอบครองประกอบการออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าวแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง การประเมินผลสำเร็จการดำเนินโครงการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระยะต่อไป รวมทั้งการเตรียมความพร้อมและการปรับตัวของเกษตรกรในการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ควรเพิ่มการรายงานการป้องกันปัญหาการทุจริตในกระบวนการขึ้นทะเบียนและการทำประชาคม ตลอดจนผลจากการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของโครงการให้มีความรัดกุมมากขึ้น และการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลเกษตรกรให้มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันเพื่อให้การลงทะเบียนต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการตรวจสอบในระดับพื้นที่ ซึ่งจะช่วยป้องกันเรื่องการสวมสิทธิได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 27340 | รายงานประจำปี 2555 ของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ | สสส. | 08/10/2556 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๕ ของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การบริหารงบประมาณในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ใช้จ่ายงบประมาณเพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรวม ๓,๕๓๑ ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายเพื่อสนับสนุนโครงการใหม่ และโครงการต่อเนื่อง จำนวน ๓,๒๒๔ ล้านบาท ๑.๒ ผลงานเด่นประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ได้แก่ ขยายต้นแบบสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ระดมความร่วมมือขยายพื้นที่วัฒนธรรมปลอดเหล้า ความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อความปลอดภัยทางถนน ขับเคลื่อนมาตรการเพื่อคนไทยปลอดภัยจากแร่ใยหิน สร้างคุณค่าผู้พิการทางสายตาเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะด้านการนวดไทย ร่วมคิดร่วมสร้างจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองต้นแบบส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กและเยาวชน เพิ่มพื้นที่สุขภาวะและพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย สร้างสุขภาวะในวัด เสริมสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์ สร้างแรงจูงใจใหม่ เพิ่มจำนวนคนไทยออกกำลังกาย ฟื้นฟูชุมชนทั่วไทย และเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ จุดกระแสสวดมนต์ข้ามปี สร้างค่านิยมเริ่มต้นปีใหม่คนไทย ๑.๓ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสส. แล้วเห็นว่า รายงานการเงินแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวของแต่ปีของ สสส. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. ให้ สสส. รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการตรวจสอบภายใน ที่เห็นว่า สสส. ควรกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และนำข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ของคณะกรรมการประเมินผลฯ ไปดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานของ สสส. รวมทั้งควรให้มีการจัดทำแผนลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังร่วมกันระหว่าง สสส. กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเห็นควรพิจารณาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการ แนวทางการจัดสรรและบริหารจัดการงบประมาณที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานสำหรับลดปัจจัยเสี่ยงและสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะต่อไป ตลอดจนควรมีการทบทวนระบบการควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในเรื่องการเน้นการควบคุม/ป้องกันและรับช่วงต่อในการดูแลรักษาผู้ป่วยเรื้อรังอย่างต่อเนื่องไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
.....
