ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1366 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27301 - 27320 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27301 | การปรับเพิ่มเงินเดือนครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ให้ได้รับเดือนละ 15,000 บาท ในปีงบประมาณ 2556 | พศ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๘๒,๐๑๙,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเงินเดือนครูและบุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็น ๑๑,๖๘๐ บาท เท่าอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๕-กันยายน ๒๕๕๖ (๑๒ เดือน) จำนวน ๒,๘๔๓ รูป/คน วงเงิน ๔๐,๓๐๙,๐๐๐ บาท และเป็นค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่เป็นคฤหัสถ์และมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกจนถึงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๕-กันยายน ๒๕๕๖ (๑๒ เดือน) จำนวน ๑,๓๔๖ คน วงเงิน ๔๑,๗๑๐,๖๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27302 | แผนแม่บทโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก | นร08 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบแผนแม่บทโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) เพื่อเสริมสร้างคน ชุมชน พื้นที่บริเวณชายแดน จำนวน ๔๘ หมู่บ้าน (จังหวัดเชียงใหม่ ๑๓ หมู่บ้าน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๓๔ หมู่บ้าน จังหวัดตาก ๑ หมู่บ้าน) ให้มีภูมิคุ้มกันตนเองในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคง โดยให้คนและชุมชนสามารถดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งสามารถสนับสนุนหน่วยงานรัฐในการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน เฝ้าระวังแจ้งเตือน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมียุทธศาสตร์ดำเนินงานของแผนแม่บทโครงการฯ รวม ๔ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคง ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจชุมชน ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่ให้ปรับแผนงาน/โครงการ/งบประมาณของหน่วยงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อดำเนินการในพื้นที่เป้าหมายเร่งด่วน และจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับในแผนงบประมาณปกติตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ หากมีโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนและไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณตามแผนงานปกติของหน่วยงาน เห็นสมควรให้เสนอของบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27303 | รายงานการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 128 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | สผ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรายงานการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ ๑๒๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 128th Assembly of the Inter-Parliamentary Union) ระหว่างวันที่ ๑๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงกีโต สาธารณรัฐเอกวาดอร์ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมภายใต้หัวข้อในการอภิปรายทั่วไป (General Debate) ในครั้งนี้คือ “จากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งสู่การพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย ในแนวทาง ‘การมีชีวิตที่ดี’ หรือ ‘Buen Vivir’ : ทางเลือกใหม่ ทางแก้ไขใหม่” ที่ประชุมเห็นด้วยในเรื่องของการพัฒนาในบริบทของการเติบโตทางเศรษฐกิจว่ามีความจำเป็นและมีส่วนช่วยเหลือในด้านการพัฒนาอย่างมากสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาในหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการนำหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาปรับใช้เพื่อเป็นหลักในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒. แถลงการณ์กีโต (Quito Communigue) ได้มีการอภิปรายในเรื่องเกี่ยวกับนโยบายความเป็นอยู่พื้นที่เศรษฐกิจสีเขียว การบริหารแบบประชาธิปไตย การพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบใหม่ และการทำงานของรัฐสภา ซึ่งเรื่องดังกล่าวควรถูกนำไปอภิปรายในการประชุมของรัฐสภาแห่งชาติ เพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะนำสู่การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมกับในระดับโลก ๓. การประชุมคณะมนตรีบริหารสหภาพรัฐสภา ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับสมาชิกภาพในสหภาพรัฐสภา การอนุวัติยุทธศาสตร์สหภาพรัฐสภา ๒๕๕๕-๒๕๖๐ ความร่วมมือกับสหประชาชาติ การรับรองรายงานการเงินปี ๒๕๕๕ ปฏิบัติการสหภาพรัฐสภาเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและสถาบันรัฐสภา การประชุมสหภาพรัฐสภาในอนาคต การแก้ไขธรรมนูญและข้อบังคับ แถลงการณ์ของประธานสหภาพรัฐสภาว่าด้วยสถานการณ์ในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง การเลือกตั้งเลขาธิการสหภาพรัฐสภา และการบรรจุระเบียบวาระเร่งด่วนที่เสนอโดยราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (Jordan) เรื่อง “บทบาทของรัฐสภาในการจัดการกับผลกระทบด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมที่เกิดจากวิกฤตการณ์ในซีเรีย และการกดดันรัฐบาลของตนเองให้แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและด้านมนุษยธรรมต่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียและให้การสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยดังกล่าว ๔. การประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรี ครั้งที่ ๑๘ ที่ประชุมรับทราบเรื่องการติดตามแผนปฏิบัติการด้านรัฐสภาที่ตระหนักถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Plan of Action on Gender-sensitive parliament) ของสำนักเลขาธิการสหภาพรัฐสภา โดยที่ประชุมได้แยกออกเป็น ๒ กลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายในการพิจารณามุมมองทางด้านสถานะระหว่างชายหญิง ในหัวข้อของคณะกรรมาธิการ คณะที่ ๑ และคณะกรรมาธิการ คณะที่ ๒ ได้แก่ “การบังคับใช้หลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง : บทบาทรัฐสภาในการคุ้มครองชีวิตพลเรือน” (Enforcing the responsibility to protect : The role of parliament in safeguarding civilians’ lives) และ “การค้าอย่างเป็นธรรมและกลไกทางการเงินที่มีนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Fair trade and innovative financing mechanisms for sustainable development) ๕. การประชุมกลุ่มอนุภูมิภาคอาเซียน+๓ ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้แทนสมาชิกในกลุ่มเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างข้อมติ และการประชุมกลุ่มภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประชุมได้มีการเสนอตัวคณะผู้แทนประเทศต่าง ๆ เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งที่ว่างลงในสหภาพรัฐสภา ๖. การประชุมคณะกรรมาธิการ คณะที่ ๑ ว่าด้วยสันติและความมั่นคงระหว่างประเทศ หัวข้อ “การบังคับใช้หลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง : บทบาทรัฐสภาในการคุ้มครองชีวิตพลเรือน” ประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ แต่เห็นด้วยในการใช้เครื่องมือการแทรกแซงผ่านองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นกลไกที่นานาประเทศร่วมลงนามยอมรับ ในฐานะสมาชิกรัฐสภาจะมีการผลักดันให้ภาครัฐบาลนำหลักการนี้ไปปฏิบัติโดยเจรจากับทุกภาคส่วนผ่านกระบวนการนิติบัญญัติในการให้ความคุ้มครองชีวิตพลเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรี ๗. การประชุมคณะกรรมาธิการ คณะที่ ๒ ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลัง และการค้า หัวข้อ “การค้าอย่างเป็นธรรมและกลไกทางการเงินที่มีนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” สมาชิกรัฐสภาควรส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าแฟร์เทรด และสนับสนุนองค์กรอิสระด้านการค้าต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุนสินค้าประเภทนี้ โดยการตรากฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายการลดภาษีสินค้าแฟร์เทรด ๘. การประชุมคณะกรรมาธิการ คณะที่ ๓ ว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน หัวข้อ “การใช้สื่อ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองและประชาธิปไตย” ที่ประชุมได้รับรองร่างข้อมติว่าด้วยการใช้สื่อ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองและประชาธิปไตย ๙. การอภิปรายกลุ่มย่อย มีหัวข้อการอภิปราย ได้แก่ หัวข้อ “การทำให้ยาเสพติดไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย : จะสามารถหยุดยั้งอาชญากรรมได้หรือไม่ (The legalization of drugs : Can it help curb organized crime?) และหัวข้อเรื่อง “การดูแลสิทธิเด็กพิการ” (Addressing the rights of children with disabilities) ๑๐. การประชุมยุวสมาชิกรัฐสภา ที่ประชุมได้ให้การรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ในการจัดตั้งการประชุมยุวสมาชิกแห่งสหภาพรัฐสภา (Forum of Young Parliamentarians) เพื่อแบ่งปันเป้าหมายยุทธศาสตร์ของสหภาพรัฐสภาและกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาประสบความสำเร็จ และได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในการใส่มุมมองของตนเองลงในร่างข้อมติในคณะกรรมาธิการทั้ง ๓ คณะ ในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ ๑๒๘ รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการพัฒนา กฎ โครงสร้างผู้เข้าร่วมประชุมและบทบาทของการประชุมยุวสมาชิกรัฐสภาแห่งสหภาพรัฐสภา (young parliamentarians of the IPU) ๑๑. การสัมมนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “Towards a new vision for development : What place for governance?” และกรอบแผนงานว่าด้วยการพัฒนาระหว่างประเทศ ผลการสัมมนาส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นว่า ปัญหาที่สำคัญที่ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยากลำบาก คือ ปัญหาการคอร์รัปชัน ซึ่งการบริหารต้องเล็งเห็นความสำคัญข้อนี้ และต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ประกอบกับให้ความสำคัญกับภาคประชาสังคมอย่างเท่าเทียมกันทุกภาคส่วน ทั้งสตรี เยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ๑๒. กรณีของประเทศไทยจากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสมาชิกรัฐสภา ที่ประชุมรับทราบว่าคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสมาชิกรัฐสภาจะยังคงกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ในรายงานของคณะกรรมาธิการ สำหรับกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการจะยังไม่พิจารณาเพิ่มเติมในชั้นนี้ ๑๓. การเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมาธิการส่งเสริมกฎหมายมนุษยชนระหว่างประเทศ ของนายพีรพันธุ์ พาลุสุข หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ที่ประชุมได้มีมติให้ Mr. A.A. Cakra Wijiaya จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๗ นอกจากนี้ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาลไทย ในฐานะกรรมาธิการสมทบได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับคู่มือสำหรับสมาชิกรัฐสภาว่าด้วยสัญชาติและการไร้สัญชาติว่า เป็นคู่มือที่มีประโยชน์ควรมีการเผยแพร่ให้แพร่หลาย และควรให้ความสนใจในภูมิภาคที่มีปัญหาเกิดขึ้นและส่งเสริมความร่วมมือส่วนภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นพิเศษ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27304 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ 8 (The 8th AMMSWD) และการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาบวกสาม ครั้งที่ 4 (The 4th AMMSWD+3) | พม | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๘ (The 8th AMMSWD) และการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาบวกสาม ครั้งที่ ๔ (The 4th AMMSWD+3) ระหว่างวันที่ ๓-๗ กันยายน ๒๕๕๖ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นความก้าวหน้าในการดำเนินงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ๒๕๕๔-๒๕๕๘ (ASEAN Strategic Framework for Social Welfare and Development 2011-2015) ๑.๑ ที่ประชุมมีความพึงพอใจต่อความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ด้านสวัสดิการสังคมและพัฒนา ๒๕๕๔-๒๕๕๘ ๑.๒ ที่ประชุมมีความเห็นว่าปัญหาด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาเป็นประเด็นตัดขวาง และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาแบบหลายมิติ จึงสนับสนุนให้มีการทำงานแบบองค์รวม (Holistic approach) ๑.๓ ที่ประชุมเล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือไม่เพียงแต่ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน แต่เล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับกลุ่มประเทศ+๓ คู่เจรจา หุ้นส่วนการพัฒนา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของดัชนีชี้วัดประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนและการประเมินผลครึ่งแผนแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างประชาคมอาเซียนภายในปี ๒๕๕๘ โดยต้องเป็นไปอย่างบูรณาการ อยู่บนพื้นฐานหลักสิทธิมนุษยชน มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒. ประเด็นการพัฒนาสังคมอย่างทั่วถึงสำหรับทุกคน ๒.๑ ที่ประชุมเน้นย้ำถึงพันธกรณีที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งมาตรการการคุ้มครองทางสังคม และนำแนวคิด ประเด็นห่วงใยของกลุ่มคนเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการในประชาคมอาเซียน ๒.๒ ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อท้าทายที่พบในหลายประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ปัญหาสังคมผู้สูงอายุว่าเป็นสิ่งที่ประเทศสมาชิกอาเซียนและกลุ่มประเทศ+๓ ต้องมีนโยบายหรือมาตรการเตรียมการเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ๓. ประเด็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งการคุ้มครองทางสังคมในอาเซียน ที่ประชุมให้การรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งมาตรการการคุ้มครองทางสังคมเพื่อเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ณ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งปฏิญญาดังกล่าวเป็นเครื่องมือยืนยันว่าทุกคนในสังคม โดยเฉพาะคนยากจน กลุ่มเสี่ยง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน เด็ก แรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน และกลุ่มคนเปราะบางอื่น ๆ จะได้รับสิทธิในการเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมซึ่งเป็นหลักการขั้นพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียม ๔. ประเด็นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็ก ที่ประชุมให้การรับรองปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กในอาเซียน เพื่อเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ณ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งปฏิญญาดังกล่าวให้คำมั่นต่อความต้องการการทำงานอย่างเป็นองค์รวมเพื่อส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็ก และการตอบสนองต่อมิติหญิงชาย ความเปราะบางของเด็ก และการตอบสนองต่อช่วงวัยในการป้องกันและขจัดความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ๕. ประเด็นความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ว่าด้วยเรื่องสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ๕.๑ ที่ประชุมมีความพึงพอใจต่อความสำเร็จจากการดำเนินโครงการที่ดำเนินงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับกลุ่มประเทศ+๓ โดยมีโครงการของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย อาทิ โครงการการพัฒนาโดยใช้แนวคิดชุมชนเพื่อรวมต้นแบบการสาธารณสุขและการบริการสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ และการพัฒนาการให้บริการการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มคนเปราะบาง ซึ่งประเด็นสังคมผู้สูงอายุเป็นหัวข้อที่หลายประเทศสมาชิกอาเซียนต้องเผชิญร่วมกันในไม่กี่ปีข้างหน้า ๕.๒ ที่ประชุมมีความพึงพอใจต่อแผนงานโครงการใหม่ ๆ ที่ดำเนินงานกับกลุ่มประเทศ+๓ อีกทั้งชื่นชมการให้การสนับสนุนด้วยดีของกลุ่มประเทศ+๓ มุ่งสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๖. การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๙ (The 9th AMMSWD) และการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาบวกสาม ครั้งที่ ๕ (The 5th AMMSWD+3) ที่ประชุมแสดงความขอบคุณประเทศอินโดนีเซียในฐานะที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม The 9th AMMSWD และการประชุม The 5th AMMSWD+3 ที่จะจัดขึ้นในปี ๒๐๑๖
|
||||||||||||||||||||||||
| 27305 | การชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการชดเชยการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นหน้าที่ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท่าอากาศยานฯ ในระยะต่อไป รวมทั้งเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในเชิงมนุษยธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) โดยกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้ ทอท. พิจารณาการชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเรื่อง การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ) ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยพิจารณาจ่ายเงินชดเชยตามกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ขออนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ระยะที่ ๑) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] จำนวน ๑๑,๒๓๓.๗๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้ ทอท. เร่งรัดการจ่ายเงินชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาในการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรณีการบินในช่วงฤดูหนาว) ที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการให้ ทอท. พิจารณาขยายกรอบการชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ และวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ให้แก่อาคารที่ปลูกสร้างตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ จนถึงวันที่ท่าอากาศยานฯ เริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ โดยใช้หลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ และวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ และพิจารณาจ่ายจากกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๒ จำนวน ๑๑,๒๓๓.๗๐๐ ล้านบาท ๑.๔ ให้ ทอท. เป็นผู้พิจารณาการชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานฯ ในกรณีที่มีการร้องเรียนเรื่องผลกระทบด้านเสียงจากผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงที่อยู่นอกเหนือจากบริเวณพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ และวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ โดยขยายกรอบการชดเชยให้แก่อาคารที่ปลูกสร้างจนถึงวันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มเปิดดำเนินการเป็นกรณีไป โดยประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินการตรวจวัดระดับเสียงในหน่วย NEF และใช้งบประมาณของ ทอท. เพื่อความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ๑.๕ รับทราบแนวทางการพัฒนาที่ดินและการสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ ทอท. ได้ดำเนินการจัดซื้อมาจากผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและอยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงที่ระดับ NEF มากกว่า ๔๐ จนถึงปัจจุบัน จำนวน ๑๘๐ อาคาร ค่าใช้จ่ายประมาณ ๘๒๖.๓๙ ล้านบาท (กระจายอยู่ในพื้นที่ของตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร) โดยเป็นที่ดินพร้อมปลูกสร้างแปลงใหญ่สุดประมาณ ๑๗ ไร่ จำนวน ๑ ราย นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่โดยเฉลี่ยไม่เกิน ๕๐-๖๐ ตารางวา มีทั้งที่อยู่ในสภาพดีและชำรุดไม่เหมาะเป็นที่พักอาศัย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ทอท. ได้แก่ ๑.๕.๑ การจำหน่ายสินทรัพย์อาจไม่เหมาะสมและไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ทอท. เพราะอาจจะเกิดข้อพิพาทด้านกฎหมายเรื่องผลกระทบด้านเสียงในอนาคตได้ ๑.๕.๒ ที่ดินซึ่งประกอบด้วยอาคารและพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ เห็นควรให้ผู้ประกอบการที่สนใจใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว เสนอแนวทางในการใช้ประโยชน์ที่ดินเองเพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาด ๑.๕.๓ ทอท. จะใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของส่วนต่าง ๆ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีสภาพดีและสามารถเข้าพักอาศัยได้ ๑.๕.๔ ทอท. จะพิจารณาหลักเกณฑ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการใช้ประโยชน์ที่ดินและการบริหารจัดการที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่เหมาะสมโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้ ทอท. พิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินดังกล่าวให้เกิดความคุ้มค่า สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และประโยชน์สูงสุดให้กับ ทอท. ต่อไป ๑.๖ ให้ ทอท. เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานฯ ทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น และจังหวัด ให้มีความรู้ความเข้าใจในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามแนวเส้นเสียง และวิธีการจ่ายเงินชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานฯ ตลอดจนประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ และคำพิพากษาของศาลในคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับผลกระทบด้านเสียงต่อไป ๒. ให้ตัดแนวทางการพัฒนาที่ดินและการสร้างมูลค่าเพิ่มสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ในข้อที่ว่า “ทอท. จะใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของส่วนต่าง ๆ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีสภาพดีและสามารถเข้าพักอาศัยได้” ออก |
||||||||||||||||||||||||
| 27306 | กำหนดการและจังหวัดที่จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย | นร01 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการและจังหวัดที่จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ฉบับแก้ไข ซึ่งเริ่มดำเนินการจากวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะดำเนินการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน ๓๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำพูน ชัยนาท เชียงใหม่ อ่างทอง ลำปาง อุทัยธานี พะเยา นครสวรรค์ แพร่ ลพบุรี อุตรดิตถ์ สุพรรณบุรี สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา ตาก ปทุมธานี กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา พิจิตร สมุทรปราการ พิษณุโลก สมุทรสาคร เพชรบูรณ์ สมุทรสงคราม สกลนคร สงขลา ชัยภูมิ ราชบุรี สระบุรี กาญจนบุรี นครนายก นครปฐม ปราจีนบุรี นนทบุรี จันทบุรี และกรุงเทพมหานคร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27307 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (พลโท พงศกร รอดชมภู และนายพรชาต บุนนาค) | นร08 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายพรชาต บุนนาค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๒. รับโอนพลโท พงศกร รอดชมภู ข้าราชการทหาร ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27308 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27309 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 6/2556 ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2556) | นร | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. ลักษณะอากาศ พายุไต้ฝุ่น "นารี" จะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนามในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ หลังจากนั้นจะเคลื่อนผ่านประเทศลาว และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำอย่างรวดเร็วโดยจะเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออกมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรง และในช่วงวันที่ ๑๔-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง ๓-๕ องศาเซลเซียส ๒. ปริมาณน้ำฝน ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันแรกของสัปดาห์ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย และบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงในระยะปลายสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นเกือบตลอดสัปดาห์ ๓. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม กรมชลประทานรายงานว่า ๓.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 และเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๑,๖๐๔ และ ๑,๕๘๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตามลำดับ และ อ.บางไทร สถานี C.29 ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย ๒,๑๓๗ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๓.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๑.๔๐ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๓๐ เมตร แม่น้ำวัง ที่สถานี W.4A จังหวัดตาก +๑.๕๐ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๖๐ เมตร ตามลำดับ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.16 จังหวัดพิษณุโลก +๘.๑๙ เมตร สูงกว่าตลิ่ง ๑.๑๙ เมตร แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๐.๖๓ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๓๗ เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๗๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๔๙ เมตร และแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๖๕ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๒๐ ม.รทก. ๓.๓ น้ำในเขื่อน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ๖,๔๓๔, ๕,๗๗๔ และ ๑,๐๒๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัยรวมทั้งสิ้น ๔๒ จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ ๑,๑๑๑,๐๘๕ ครัวเรือน ๓,๖๔๐,๒๙๕ คน มีผู้เสียชีวิตรวม ๔๒ ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๑๙ จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||
| 27310 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นายธนะ ดวงรัตน์ และนายดิฐ อัครพลังพรหม) | นร04 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายธนะ ดวงรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายดิฐ อัศวพลังพรหม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
| 27311 | ขออนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ได้รับค่าตอบแทนแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (จำนวน 4 ราย 1. พลอากาศโท อุทัย เศรษฐวงศ์ ฯลฯ) | พว | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ จำนวน ๔ ราย คือ ๑.๑ พลอากาศโท อุทัย เศรษฐวงศ์ ๑.๒ พลอากาศเอก ทศพล สง่าเนตร ๑.๓ พลอากาศโท อำนาจ ปภาวสิทธิ์ ๑.๔ พลตรี พิริยะ การะเจดีย์ มีสิทธิ์ได้รับรถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง เป็นกรณีพิเศษตามความเห็นของคณะกรรมการรถราชการ สำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งดังกล่าว ให้สำนักพระราชวังเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบดำเนินงาน ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ทั้งนี้ อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. อนุมัติในหลักการให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ราชการบริหารส่วนกลาง ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ปฏิบัติราชการประจำกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และกองงานพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้มีสิทธิ์ได้รับรถประจำตำแหน่ง หรือมีสิทธิเลือกรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามความเห็นของคณะกรรมการรถราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27312 | หนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส | ศธ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Declaration d’Intention dans le Domain de la Cooperation Educative entre le Ministre Francais des Affaires Etrangeres et Le Ministre Thailandais de l’Education) โดยสาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินโครงการอบรมครูภาษาฝรั่งเศส ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการศึกษาและการวิจัย ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27313 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายประมวล จันทร์พงษ์) | พน | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประมวล จันทร์พงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27314 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปณิธาน จินดาภู และนางอรรชกา สีบุญเรือง) | อก | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสากรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางอรรชกา สีบุญเรือง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสหากรรม ๒. นายปณิธาน จินดาภู ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
|
||||||||||||||||||||||||
| 27315 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (จำนวน 3 ราย 1. พลโท รุจวินท์ กิจวิทย์ ฯลฯ) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. พลโท รุจวินร์ กิจวิทย์ กรรมการ ๒. นายวีรภัทร ศรีไชยา กรรมการ ๓. พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27316 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายกิตติรัตน์ มังคละคีรี) | สสป | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ มังคละคีรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27317 | การช่วยเหลือเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | พณ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินที่ใช้ในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ อีกจำนวน ๖,๖๖๐ ล้านบาท (คำนวณจากปริมาณรับจำนำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ ๔๒๕,๐๐๐-๔๕๐,๐๐๐ ตัน คูณราคารับจำนำข้าวเปลือก ๕% ตันละ ๑๔,๘๐๐ บาท) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปพลางก่อน ในวงเงิน ๖,๖๖๐ ล้านบาท โดยชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงิน จำนวน ๖,๖๖๐ ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. ต่อไป เนื่องจากเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ภายในกรอบระยะเวลาการรับจำนำที่กำหนดคือ ไม่เกินวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกรด้านการพัฒนาคุณภาพข้าวและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้าว รวมทั้งควรมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจนและไม่มีข้าวเหลือขาย ที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฯ โดยเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27318 | การติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก | ศธ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เมื่อวันที่ ๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอกงไกรลาศ โดยเฉพาะอำเภอกงไกรลาศ แม่น้ำยมล้นตลิ่งเกิดภาวะน้ำท่วมขังในระดับสูง ซึ่งได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยจังหวัดสุโขทัยเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน สำรวจความเสียหายเพื่อจะได้ฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ให้ประชาชนแจ้งข่าวสารและเตือนภัยสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ดำเนินการสำรวจพนังกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพแข็งแรงพร้อมรับมือกับสถานการณ์การไหลบ่าของแม่น้ำ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นตามอำนาจหน้าที่ จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนพบปะชี้แจงและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยทุกตำบลของอำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง ๒. วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและรับฟังสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดพิษณุโลก โดยจังหวัดพิษณุโลกมีสภาพพื้นที่ราบลุ่มในหลายอำเภอ และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม แม่น้ำวังทอง คลองชมพู และแม่น้ำแควน้อย มีพื้นที่ประสบอุทกภัยที่ระดับน้ำลดลงแต่ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ จำนวน ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวัดโบสถ์ พื้นที่ที่มีระดับน้ำท่วมขังมากยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ จำนวน ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอบางระกำ และอำเภอวังทอง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่ม ได้แก่ ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง ยังมีสภาพน้ำท่วมขังมาก ซึ่งได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดพิษณุโลก ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น เน้นการประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสารสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด สำรวจความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำในแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ให้อยู่ในสภาพแข็งแรงพร้อมรับสถานการณ์การไหลบ่าของน้ำ และดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยให้ทันเวลาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด สำหรับสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นและให้ดำเนินการวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง
|
||||||||||||||||||||||||
| 27319 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ให้เขตพื้นที่แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2556) | นร05 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ให้เขตพื้นที่แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด เขตบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27320 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อลงมติวาระที่สอง ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๙๐) วันอังคารที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบ และเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
