ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1276 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25501 - 25520 จากข้อมูลทั้งหมด 124393 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25501 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. .... | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 25502 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) (แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง) | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางของกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
| 25503 | ขอยุติการเสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 25504 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้
๑. คณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุง ๒. คณะกรรมการบริหารการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง
|
|||||||||||||||||||||
| 25505 | การจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเครื่องแบบและชุดทำงานให้กับลูกจ้าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด | ทก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) จ่ายเงินช่วยเหลือค่าเครื่องแบบและชุดทำงานให้กับลูกจ้างของ ปณท ในอัตราคนละ ๗๐๐ บาท/ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 25506 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1414 สายดงป่าลัน - หนองมะจับ พ.ศ. .... | คค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๑๔ สายดงป่าลัน-หนองมะจับ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๑๔ สายดงป่าลัน-หนองมะจับ ในท้องที่อำเภอแม่แตง และอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 25507 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้ามยุทธศาสตร์หรือไม่อยู่ในวัตถุประสงค์เดียวกัน แล้วขอทำความตกลงในรายละเอียดรวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กับสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณภายใต้แผนงานดำเนินการตามกรอบข้อตกลงอาเซียน โครงการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน จากงบรายจ่ายอื่น ไปตั้งจ่ายงบลงทุนและงบรายจ่ายอื่น จำนวน ๖ รายการ เป็นเงิน ๓๔,๓๐๐,๒๐๐ บาท ๑.๒ โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากแผนงานส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่าภาคการเกษตร และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นระบบ โครงการตรวจสอบคุณภาพ/ปริมาณผลิตสินค้าทางการเกษตร งบรายจ่ายอื่น จำนวน ๗,๘๔๐,๐๐๐ บาท สมทบกับงบประมาณในแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพภาคการตลาด การค้า และการลงทุน ผลผลิตการค้าได้รับการส่งเสริม ปกป้อง และอำนวยความสะดวก งบรายจ่ายอื่น จำนวน ๘,๑๖๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพภาคการตลาด การค้า และการลงทุน ผลผลิตการค้าได้รับการส่งเสริม ปกป้อง และอำนวยความสะดวก งบลงทุน จำนวน ๑ รายการ เป็นเงิน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล ประมวลผลข้อมูลการค้าผ่านแดน/ชายแดน โครงการปรับปรุงระบบสื่อสารสำหรับ Trade Solution Center และโครงการจัดทำระบบบริหารจัดการการระบายข้าว กระทรวงพาณิชย์ควรให้ความสำคัญต่อการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับหน่วยงานและระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงานทั้งในด้านระบบการจัดการและด้านการปฏิบัติงาน รวมทั้งการตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้สามารถรับทราบอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินโครงการอย่างทันท่วงทีและสามารถปรับปรุงแก้ไขให้การดำเนินโครงการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 25508 | มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิ่มการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม จาก ๒ เท่า เป็น ๓ เท่า และให้กระทรวงการคลังหารือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อกำหนดเพดานค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูงสุดตามมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดเพดานค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูงสุด จะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขที่เหมาะสมที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาต่อรายได้เฉลี่ยในระดับที่แตกต่างกัน ให้ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เพียงพอในระดับที่จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้น และในการตรวจสอบและรับรองโครงการวิจัยและพัฒนาที่จะได้รับการยกเว้นภาษี ควรมีการบูรณาการหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อให้การดำเนินมาตรการได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ โดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรอง ควรมีกลไกและกระบวนการตรวจสอบและรับรองโครงการที่ไม่ซับซ้อนและยุ่งยาก เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขอใช้สิทธิของภาคเอกชน นอกจากนี้ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่โครงการวิจัยและพัฒนาเป็นระยะเวลา ๕ ปี ควรมีการทบทวนตรวจสอบเพื่อประเมินผลความคืบหน้าจากการใช้สิทธิประโยชน์ทุก ๆ ปี เพื่อให้นิติบุคคลที่เข้าร่วมโครงการมีความใส่ใจที่จะพัฒนางานวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป ๓. โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติมาตรการปรับลดอัตราภาษีด้านต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไปหลายมาตรการแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของประเทศ ดังนั้น ให้กระทรวงการคลังดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ด้านภาษีอากรของประเทศและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการปรับลดอัตราภาษีด้านต่าง ๆ ในภาพรวม รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ที่ให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำแผนปฏิบัติภาษีของประเทศทั้งระบบโดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 25509 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การให้บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Book)] | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การให้บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Book)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 25510 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติบำรุงพันธุ์สัตว์ พ.ศ. 2509 พ.ศ. .... | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติบำรุงพันธุ์สัตว์ พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 25511 | แนวทางการดำเนินการรวมตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการการรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กับบริษัทตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX) ตามรายละเอียดและแผนการดำเนินการด้านธุรกิจและปฏิบัติการ (Business & Operation Model) ที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อดำเนินการให้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อไป ๒. รับทราบเกี่ยวกับการเตรียมการแผนการโอนบุคลากรและแผนการดำเนินการแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (คณะกรรมการ ก.ส.ล.) AFET TFEX และบริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการรวมตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) การดูแลบุคลากรทั้งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ให้รับพนักงานของสองหน่วยงานดังกล่าวไว้ทั้งหมด และให้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่ได้รับอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ การรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ขอให้มีการพิจารณาแนวทางการดำเนินการที่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกษตรกรส่วนใหญ่จะได้รับ และระดับความเหมาะสมในการแทรกแซงสินค้าเกษตรที่สำคัญ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมควบคู่ไปกับการควบรวมด้วย เพื่อให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นกลไกที่เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรกรรมของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 25512 | การปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี 2007 เป็นฉบับปี 2012 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ สำหรับกฎเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-จีน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ดำเนินการต่อไป เพื่อให้กฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSR) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-จีน พิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๒ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อผนวกกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าฉบับปี ๒๐๑๒ เข้าไปในความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและกรมศุลกากรดำเนินกระบวนการภายในแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการทราบถึงการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาโมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติในการระบุประเภทพิกัดใน Form E และการดำเนินการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. การปรับพิกัดศุลกากรจากระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ เป็นการดำเนินการขององค์การศุลกากรโลก ซึ่งจะมีการปรับทุก ๕ ปี ส่งผลให้การดำเนินการภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ ต้องมีการปรับ PSR ให้สอดคล้องกับระบบดังกล่าว ดังนั้น จึงให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและรวบรวมเกี่ยวกับการปรับกฎเฉพาะรายสินค้า ภายใต้กรอบความตกลงที่ไทยมีพันธกรณี ซึ่งได้มีผลการประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วจนถึงปี ๒๕๕๗ โดยให้วิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับ PSR ต่อความตกลงแต่ละฉบับ รวมทั้งมีผลเป็นการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนสาระของความตกลงหรือไม่อย่างไรด้วย แล้วเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในคราวเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
| 25513 | ขออนุมัติวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มเติม และขยายเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปี | พม | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในวงเงิน ๑๖,๐๓๗,๕๐๐ บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลากันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๔,๕๘๒,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๑,๔๕๔,๘๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะต้องดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานของทางราชการ และหนังสือที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 25514 | ข้อเสนอโครงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในกรอบวงเงินสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ความเป็นเลิศ ๑๑ ศูนย์ จำนวน ๔,๗๒๐ ล้านบาท สำหรับกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) กำกับติดตามการดำเนินงานของศูนย์ความเป็นเลิศที่จัดตั้งขึ้นแล้ว และที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ให้สามารถสร้างผลงานหรือมีผลผลิตที่ปรากฏเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและประเทศ ๓. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า โครงการสถาบันทางด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและเวชพันธุ์รักษ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) เป็นตัวอย่างของการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สังคมและประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่ายด้านการสาธารณสุข รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการให้บริการและการวิจัยด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและยีนบำบัดในภูมิภาคอาเซียน จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 25515 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (นางเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ) | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๒. นายสมอาจ ตั้งเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
| 25516 | มาตรการการดำเนินการปรับลดค่างานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ | นร07 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการการดำเนินการปรับลดค่างานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ กรณีที่หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ และได้ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างโดยได้เปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอยู่ระหว่างการลงนามในสัญญาก่อสร้าง ให้หน่วยงานภาครัฐเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้างกับผู้เสนอราคารายต่ำสุด ตามราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้ใช้วันที่เจรจาต่อรองจนได้ข้อยุติเป็นฐานในการคำนวณค่า K แทนเดือนเปิดซองประกวดราคา ๑.๒ กรณีที่หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอยู่ระหว่างกระบวนการเปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้หน่วยงานภาครัฐเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้างกับผู้เสนอราคารายต่ำสุด ตามราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้ใช้วันที่เปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นฐานในการคำนวณค่า K แทนเดือนเปิดซองประกวดราคา ๑.๓ กรณีหน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และยังไม่ได้ประกาศประกวดราคา สอบราคา หรือประกาศร่างขอบเขตงาน (Terms of Reference : TOR) ให้หน่วยงานภาครัฐยกเลิกการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างเดิม และให้กำหนดราคากลางงานก่อสร้างใหม่ตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่เป็นฐานในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างดังกล่าว ๑.๔ กรณีหน่วยงานภาครัฐดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการภายหลังวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้กำหนดราคากลางโดยใช้ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่เป็นฐานในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันนับตั้งแต่วันที่หน่วยงานภาครัฐทราบมติคณะรัฐมนตรี สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้าง (ค่า K) ตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดดัชนีราคาที่ใช้คำนวณตามสูตรที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้เป็นรายวันตั้งแต่วันที่ ๑๖-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ด้วย ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีการดำเนินการตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาดำเนินการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ให้หน่วยงานภาครัฐทราบโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้าง หรือกำหนดราคากลางงานก่อสร้างใหม่ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ และสามารถช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 25517 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ควบคู่ไปกับการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 25518 | ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานรายการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร ซึ่งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร ตามผลการจัดจ้าง ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) มีสัดส่วนที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๖๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือร้อยละ ๕๕ และสัดส่วนที่ใช้จากเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือร้อยละ ๔๕ โดยในส่วนที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วในแผนงานบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคให้เกิดความยั่งยืน ผลผลิตการจัดเก็บภาษีศุลกากร งบดำเนินงาน รายการค่าจ้างบำรุงรักษา ระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray จำนวน ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบดำเนินงานที่ได้รับจัดสรรแล้ว อีกจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ปีละ ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ปีละ ๑๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเปรียบเทียบระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวกับประเทศอื่น ๆ ว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอย่างไร รวมทั้งหากมีการจัดหาระบบใหม่ทดแทนระบบเดิมจะเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 25519 | ขออนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๒.๔๙๐ ล้านบาท ให้องค์การสวนยางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ในช่วงที่มีการขยายระยะเวลาโครงการจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสรุปผลการดำเนินงานและการเงินของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง พร้อมทั้งผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางในสต็อก เพื่อให้องค์การสวนยางสามารถปิดบัญชีโครงการฯ ได้ตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง) คือ ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ และสามารถส่งมอบยางในสต็อกให้กับโครงการมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางไปบริหารจัดการได้อย่างถูกต้องตามระเบียบและขั้นตอนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 25520 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2557 | นร01 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ในภาพรวม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้ดำเนินการสอดส่องแผนงาน/โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด แผนงานโครงการของจังหวัดและส่วนราชการในจังหวัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด เช่น โครงการก่อสร้างถนน สะพาน อาคาร สถานที่ต่าง ๆ ฝายน้ำล้น สถานีสูบน้ำ คลองส่งน้ำ การพัฒนาและปรับปรุงด่านชายแดน และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในประเด็นต่าง ๆ เป็นต้น จำนวน ๖๘๗ งาน/โครงการ มีมติเป็นข้อเสนอแนะให้จังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐรับไปดำเนินการ จำนวน ๑๙๐ ข้อ จังหวัดได้แจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ ก.ธ.จ. จำนวน ๑๗๓ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๑.๐๕ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดและหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลของหน่วยงานภาครัฐ มีความชัดเจนและปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม และไม่ซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
.....
