ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1275 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25481 - 25500 จากข้อมูลทั้งหมด 124393 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25481 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... | สว | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. .... และผลการดำเนินการตามข้อสังเกต ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ควรประสานความร่วมมือกันเพื่อรวบรวมและจัดประเภทของกฎหมายที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการที่มีภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตได้เตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เช่น การจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน จัดตั้งศูนย์บริการร่วม การจัดระบบและกระบวนการในการทำงาน รวมทั้งรีบเร่งพัฒนาระบบงานเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานทางระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่บุคลากรที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการร่วมหรือศูนย์รับคำขออนุญาต เป็นต้น โดยควรจัดทำให้แล้วเสร็จก่อนที่พระราชบัญญัตินี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยวางแผนการดำเนินงานเป็นสามระยะ คือ ระยะที่หนึ่ง จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและจัดทำฐานข้อมูลกฎหมายที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาต ฯลฯ รวมทั้งกิจกรรมที่ต้องมีการอนุมัติ อนุญาต ฯลฯ ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระยะที่สอง จะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคู่มือประชาชนตามแบบที่กำหนดเพื่อเตรียมจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระยะที่สาม ตรวจสอบความถูกต้องของคู่มือประชาชนแล้วให้เสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันครบกำหนดระยะที่สอง สำหรับการพัฒนาระบบการทำงานของส่วนราชการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้มอบหมายให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้การบริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามมาตรฐาน (Platform) เดียวกัน ส่วนการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรที่เป็นพนักงานประจำ ศูนย์บริการร่วมหรือศูนย์รับคำขออนุญาต สำนักงาน ก.พ.ร. ได้เตรียมแผนการฝึกอบรมดังกล่าวไว้แล้ว ๒. มอบหมายให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบหลักสำหรับการพัฒนาระบบการทำงานของส่วนราชการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25482 | รายงานผลการดำเนินงานเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ "Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014" | วธ | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ “Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014” ที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง และโรงละครรอบบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ ๑-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตลอดการจัดงานเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ มีผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าร่วมชมการแสดงทั้ง ๑๓ พื้นที่ รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ ท้องสนามหลวง (เวทีใหญ่ ๑ เวที และเวทีเล็ก ๒ เวที) โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็กและโรงใหญ่) โรงละครวังหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงฯ โรงละครศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) และศูนย์การค้าสยามพารากอน รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ รวมจำนวนมากกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ คน เกิดรายได้หมุนเวียนในช่วงเวลาดังกล่าวกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๒. จากผลสำเร็จการจัดงานเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ และภาพความประทับใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทย ทำให้มีคณะหุ่นนานาชาติหลายประเทศได้ร่วมกับคณะหุ่นไทย กำหนดจัดกิจกรรมและเข้าร่วมแสดงหุ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ได้แก่ (๑) เทศกาลหุ่นนานาชาติ 2014@เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และโรงละครหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒) เทศกาลหุ่นสายนานาชาติ ณ จังหวัดภูเก็ต “Phuket Harmony Puppet” วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ โรงเรียนสามกอง และถนนคนเดินหลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และ (๓) คาราวานหุ่นไทยสัญจรคืนสุข ๔ ภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ภาคใต้ จังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ภาคเหนือ จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ และภาคกลาง จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25483 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2557 (ครั้งที่ 147) | พน | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ (ครั้งที่ ๑๔๗) เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนปี ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นราคาเริ่มต้นในการแข่งขันทางด้านราคา โดยให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รับไปดำเนินการประกาศหยุดรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Adder โดยให้มีผลถัดจากวันที่ กพช. มีมติ และให้ออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ และดำเนินการประกาศรับข้อเสนอขอขายไฟฟ้าภายใต้กลไกการแข่งขันด้านราคา (Competitive Bidding) ภายในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการดำเนินการในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบ Adder เป็น FiT และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับไปดำเนินการ ๑.๒ เห็นชอบหลักการและแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปจัดทำร่างแผน PDP 2015 ในรายละเอียด รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานนำร่างแผน PDP 2015 ไปรับฟังความคิดเห็นก่อนนำเสนอ กพช. ต่อไป ๑.๓ เห็นชอบกรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยราคาพลังงานต้องสะท้อนต้นทุนแท้จริง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคขนส่งควรจะมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่ใกล้เคียงกัน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมพลังงานทดแทน ลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง (Cross Subsidy) ค่าการตลาดควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละประเภทในอัตราที่ใกล้เคียงกันตามค่าความร้อน และมอบหมายให้ กบง. รับไปดำเนินการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรายละเอียด ภายใต้กรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ประกอบด้วย (๑) การปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากระบบ Adder เป็น FiT ควรมีการกำหนดปริมาณไฟฟ้าขั้นต่ำที่ต้องการอย่างชัดเจนในแต่ละชนิดวัตถุดิบ และกำหนดให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้สามารถจ่ายเข้าสู่ระบบสายส่งได้โดยไม่ต้องมีการรอให้สายส่งมีพื้นที่ว่างก่อน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้รูปแบบ FiT สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ (๒) แผนอนุรักษ์พลังงานกับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า (PDP 2015) ควรมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน พร้อมทั้งกลไกในการขับเคลื่อนแผน และการติดตามและประเมินผลอย่างจริงจังและต่อเนื่อง (๓) การพึ่งพาการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ควรดำเนินนโยบายต่างประเทศให้เหมาะสม และมีแผนสำรองถ้าเกิดข้อขัดแย้ง/ข้อพิพาททางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อาจทำให้ไม่สามารถนำเข้าไฟฟ้าได้ (๔) การปรับโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงปิโตรเลียม ควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคขนส่ง และควรมีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยการปรับอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ของเชื้อเพลิงบางประเภทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และ (๕) การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้า ควรมีการกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยไฟฟ้า และประสิทธิภาพขั้นต่ำของโรงไฟฟ้าแต่ละประเภทให้ชัดเจน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25484 | ขอความเห็นชอบร่างกฎหมายเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ จำนวน 8 ฉบับ | ทก | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๗ ฉบับ เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... มาตรา ๖ (๓) และมาตรา ๙ (๔) ที่กำหนดรายรับและการใช้จ่ายกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องจัดสรรเพื่อสมทบให้แก่กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ จะต้องเป็นการส่งเสริม สนับสนุนโดยไม่ขัดแย้ง และซ้ำซ้อนกับการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พ.ศ. .... ที่กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติเป็นองค์การมหาชน ไม่ควรกำหนดให้สำนักงานดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้น เข้าเป็นหุ้นส่วน เข้าร่วมทุนกับนิติบุคคล และการกู้ยืมเงิน รวมทั้งการจัดตั้งหน่วยงานควรคำนึงถึงการควบรวม ทบทวนภารกิจ หรือยุบเลิกโครงสร้างของหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานภาครัฐขึ้นใหม่เกินความจำเป็นเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้จ่ายงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... เป็นกฎหมายที่จัดทำขึ้นใหม่ มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายคล้ายคลึงกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ เห็นควรพิจารณาปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้อยู่ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติเดียวกัน ตลอดจนควรกำหนดให้มีความเชื่อมโยงของนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการเฉพาะด้าน ตามร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... กับคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่กำหนดให้มีขึ้นตามร่างกฎหมายเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศทั้ง ๘ ฉบับ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและการวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลให้แก่ประชาชนและภาคเอกชนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25485 | รายงานข้อเสนอการปฏิรูประเทศไทย | นร11 | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานข้อเสนอการปฏิรูปประเทศไทย ประกอบด้วย (๑) ประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้เอง และ (๒) ประเด็นที่ควรเสนอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติดำเนินการ และให้นำรายงานข้อเสนอการปฏิรูปประเทศไทยเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการหรือองค์กรใหม่เพื่อพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ ควรพิจารณาถึงบทบาทในการสร้างความสอดคล้องเชิงนโยบายเป็นสำคัญ และควรพิจารณาถึงความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่ขององค์กรที่มีอยู่ในปัจจุบัน การปฏิรูปเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของภาคการผลิตและภาคบริการ ควรให้มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างของระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการ วทน. ให้สามารถกำหนดนโยบายและแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การผลักดันกฎหมายที่ส่งผลต่อการลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและปฏิรูปการเรียนรู้ควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน การพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพโดยให้มีการร่วมจ่ายค่าบริการสุขภาพระหว่างรัฐและผู้ใช้บริการตามเศรษฐานะ ควรเป็นการจ่ายแบบล่วงหน้า (Pre-payment) ไม่ใช่การร่วมจ่าย ณ จุดรับบริการ การปฏิรูปด้านการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับ/กฎระเบียบที่เกี่ยวกับการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน และการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน ควรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศทั้งมิติด้านการพัฒนา และด้านการรักษาความมั่นคงอย่างประสานสอดคล้องและสมดุลกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการปรับแก้ไขในรายละเอียดในส่วนของข้อเสนอการปฏิรูปประเทศไทยที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันทีให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเริ่มดำเนินการตามข้อเสนอฯ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๓. เพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประชุมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปประเทศไทยดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25486 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช 2457 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 | สม | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะนโยบาย และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และให้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับไปดำเนินการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยมีผลการพิจารณาในภาพรวม ดังนี้ ๒.๑ ให้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รับข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเยียวยาความเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๒ ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในประเด็นอื่นที่นอกเหนือจากข้อ ๒.๑ ในชั้นนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการกำหนด แก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิก แต่ประการใด ๒.๓ สำนักนายกรัฐมนตรี โดย กอ.รมน. ควรรับข้อเสนอของสำนักงานอัยการสูงสุดไปแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการในการพิจารณานำผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดเข้าสู่กระบวนการอบรมเพื่อประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการดำเนินคดีอาญาในชั้นสอบสวน ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการในการตรวจสอบความถูกต้องของการสอบสวนและความเห็นของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ เพื่อให้การนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้อย่างจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25487 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) | นร | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งมีวาระการจ้างไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ผู้อำนวยการและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยบริการรูปแบบพิเศษซึ่งมีวาระการจ้างไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25488 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดเพลง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | พศ | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดเพลง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ของวัดเพลง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25489 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (จำนวน 3 ราย 1. นายอยุทธ์ หรินทรานนท์ ฯลฯ) | กษ | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายอยุทธ์ หรินทรานนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ ๒. นายสุรเดช เตียวตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายธนิตย์ เอนกวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25490 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นางสุวณี รักธรรม ฯลฯ) | พม | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ นางสุวณี รักธรรม ๑.๒ รองศาสตราจารย์สุรสิทธิ์ วชิรขจร ๑.๓ รองศาสตราจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ๑.๔ รองศาสตราจารย์เดชา สังขวรรณ ๑.๕ นายสมชัย จิตสุชน ๑.๖ นายวิชัย อัศรัสกร ๑.๗ นายมณเฑียร บุญตัน ๑.๘ นายพรเทพ พัฒธนานุรักษ์ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการสังคม ให้มีการวางแผนและกำหนดประเด็นที่จะต้องดำเนินการ โดยให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการปฏิบัติให้มีความสอดคล้องกันตามประเด็นที่ได้กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25491 | แต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 | กต | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการเพื่อวิเคราะห์คำพิพากษาและแนวทางการดำเนินการ มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ และนายวีรชัย พลาศรัย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกรณีกัมพูชาขอให้ศาลฯ ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ เพื่อจัดทำคำอธิบายคำพิพากษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อเสนอต่อรัฐบาลไทย ศึกษา วิเคราะห์ผลของคำพิพากษาฯ ในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางกฎหมาย เสนอแนะการดำเนินการต่อไปของรัฐบาล รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ๑.๒ คณะกรรมการแปลเอกสารในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕ มีอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นรองประธานกรรมการ และเลขานุการกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการจัดทำคำแปลและตรวจสอบความถูกต้องของคำแปลเอกสารที่เกี่ยวข้องในคดีตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ ดำเนินการประชาสัมพันธ์คำแปลเอกสารที่เกี่ยวข้องในคดีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ ให้สาธารณชนรับทราบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานตามความเหมาะสม พิจารณาการจัดทำรูปเล่มและตีพิมพ์ พิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุผลตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าว รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ๒. หากคณะกรรมการเพื่อวิเคราะห์คำพิพากษาและแนวทางการดำเนินการ และคณะกรรมการแปลเอกสารในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ จะมีการดำเนินการในเรื่องใด ๆ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบก่อนทุกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25492 | การเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และพิจารณามอบหมายสำนักงบประมาณอำนวยความสะดวก ในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน | สลธ.คสช. | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอขอแก้ไขข้อความตามหนังสือคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ คสช. (คตช.) ๒/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ จาก “ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสถานที่ปฏิบัติงานของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ” เป็น “ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ” ๒. รับทราบคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒๗/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตามองค์ประกอบคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ๓. มอบหมายให้สำนักงบประมาณอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานและรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒๗/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตามองค์ประกอบคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และพิจารณาการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบของทางราชการ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25493 | การเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา 35 (3) (ข) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | ศป | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้นายกู้เกียรติ สุนทรบุระ เป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25494 | ขอเสนอคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว มาเพื่อนายกรัฐมนตรีทราบ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 127/2557 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ มาเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ | สลธ.คสช. | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๗ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25495 | การแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา | กต | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายตรีโยโก จัตมีโก (Mr. Triyogo Jatmiko) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๓ จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25496 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 3 ราย) (1. นายเชิดชู รักตะบุตร ฯลฯ) | กต | 06/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๓ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายเชิดชู รักตะบุตร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม ๒. นายรัศมี จิตต์ธรรม ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ๓. นางสาวอังสนา สีหพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รัฐอิสราเอล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25497 | ขอนำเสนอภาพวีดีทัศน์เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อจัดฉายแก่คณะรัฐมนตรี | นร04 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รายงานว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เข้าไปมีบทบาทต่อทุกภาคส่วนและกำลังขยายออกไปมากขึ้น แม้แต่ในชีวิตประจำวันและความเป็นอยู่ของทุกคน ระบบดิจิทัลเข้าไปมีบทบาทในการสื่อสารประจำวัน การทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ เช่น การซื้อขายผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ (e-commerce) การให้บริการภาครัฐ (e-government) แต่ยังมีข้อจำกัดในการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อรองรับการเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่หลายประการที่ต้องการสนับสนุนและพัฒนาเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ครอบคลุมทั่วประเทศมีการบูรณาการโครงข่ายทั่วประเทศทั้ง fiber optic โครงข่ายไร้สาย และโครงข่ายดาวเทียม เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง ง่ายดาย ใช้สะดวก และต้องดำเนินการเพื่อให้ค่าบริการอินเทอร์เน็ตมีราคาถูกลง ๑.๒ ทางเข้าออกอินเทอร์เน็ต (gate way) ไม่เพียงพอ ๑.๓ ขาดการลงทุนในด้าน data center ขนาดใหญ่ที่ทุกคนจะเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ๑.๔ ขาดกฎหมายเพื่อรองรับการติดต่อซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต ๑.๕ ขาดแหล่งทุน venture capital เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ลงทุนทำธุรกิจด้าน digital content และธุรกิจด้านดิจิทัลอื่น ๆ ๑.๖ ขาดเวทีหรือช่องทางให้เยาวชนได้เรียนรู้หรือแสดงฝีมือในเรื่องซอฟต์แวร์เฉพาะทางสำหรับภาคอุตสาหกรรม (embedded software) และซอฟต์แวร์ประเภทอื่น ๆ เช่น mobile application ๑.๗ ขาด platform กลางสำหรับการซื้อขายแบบ e-commerce ๑.๘ ขาด platform สำหรับให้ความรู้แก่เยาวชน และความรู้เรื่องสุขภาพแก่บุคคลทั่วไป ในการนี้จึงเห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (National Digital Economy Committee) เพื่อทำหน้าที่ประสานการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น ๒. แม้ว่าการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีผลดีหลายประการ แต่ก็มีข้อที่ต้องพึงระวัง เช่น ความมั่นคงทางอิเล็กทรอนิกส์ (cyber security) การรักษาความเป็นส่วนตัว (privacy) ภัยคุกคามทางอิเล็กทรอนิกส์ (cyber terrorism) เป็นต้น ดังนั้น จะต้องมีการกำหนดนโยบายรองรับในเรื่องเหล่านี้ และเพื่อให้การขับเคลื่อนไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรองรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล และจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action plan) เพื่อไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25498 | ขอนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลงานด้านต่างประเทศของกระทรวงวัฒนธรรมในการประชุมคณะรัฐมนตรี | วธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมขอถอนเรื่องเพื่อจัดทำเอกสารประกอบการเสนอในการประชุมครั้งถัดไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25499 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2557 (ช่วงประสบภัยเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2557) | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๗ (ช่วงประสบภัยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ กรณีการให้ความช่วยเหลือชาวประมงที่เรือประมงได้รับความเสียหายจากพายุคลื่นลมแรง จำนวน ๑๕ ลำ ใน ๕ จังหวัด ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง ให้ความช่วยเหลือชาวประมงผู้ประสบภัยได้ตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจนถึงวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ภายในกรอบวงเงิน ๙๗๓,๕๐๐ บาท ๑.๒ กรณีการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย ภัยฝนทิ้งช่วง อัคคีภัย ภัยพายุลูกเห็บ และภัยอื่น ๆ (ช้างป่าทำลายพืชผลการเกษตร) รวม ๖ ประเภทภัย จำนวน ๓๖,๑๗๔ ราย ในพื้นที่ ๒๓ จังหวัด วงเงิน ๒๗๒,๘๐๕,๙๙๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และจังหวัดดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อขออนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการ และหรือขยายระยะเวลาให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดก่อน หากได้ดำเนินการตามระเบียบแล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ขยายวงเงินทดรองราชการ และหรือขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว จึงขอรับการจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรเพิ่มเติมต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตรให้ครอบคลุมถึงผลิตผลทางการเกษตรทุกชนิดในระยะยาว ทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมง เพื่อให้สามารถคุ้มครองภัยธรรมชาติทุกประเภทต่อเกษตรกรทุกกลุ่ม การประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญของระบบประกันภัย และสมัครเข้าร่วมการทำประกันภัยอย่างต่อเนื่อง การเร่งสำรวจความเสียหายและประมาณการสรุปค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเมื่อมีการประกาศเขตภัยพิบัติ และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดเพื่อให้ความเห็นชอบ รวมทั้งการจ่ายเงินให้เกษตรกรและการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรจะต้องมีการจัดทำทะเบียนอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล และเมื่อได้รับอนุมัติให้จ่ายเงินหรือให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ แก่เกษตรกรขอให้มีการตรวจสอบของภาคประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เหมาะสมและมีความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติมากยิ่งขึ้น ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ให้แล้วเสร็จโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25500 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... | นร09 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยแก้ไขปรับปรุงการจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กระทรวงศึกษาธิการ เสียใหม่ โดยแก้ไขชื่อ (๑) “สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม” เป็น “สำนักศิลปะและวัฒนธรรม” (๒) “สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ” เป็น “สำนักหอสมุด” และ (๓) “สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน” เป็น “สำนักทะเบียนและประมวลผล” เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและการดำเนินการในปัจจุบัน ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้ส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
