ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1272 จากทั้งหมด 6220 หน้า แสดงรายการที่ 25421 - 25440 จากข้อมูลทั้งหมด 124393 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25421 | กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติเช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์และขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2561 จำนวน 72 คัน พร้อมขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555 และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 | นร01 | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมประชาสัมพันธ์เช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน ๗๒ คัน ระยะเวลาการเช่า ๔๖ เดือน (เดือนธันวาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑) ภายในวงเงิน ๑๓๓,๙๒๖,๗๐๐.๐๐ บาท จากเงินรายได้ของกรมประชาสัมพันธ์ โดยอัตราค่าเช่าให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินอัตราตามหลักเกณฑ์การคำนวณการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ตามบัญชีอัตราค่าเช่ารถยนต์ประเภทต่าง ๆ ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๖.๔/ว.๖๔ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25422 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการนำอาคารประเภทอื่นมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการนำอาคารประเภทอื่นมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร ลักษณะของบันได ช่องทางเดินภายใน และที่ว่างของอาคาร การรับน้ำหนักของอาคาร ตลอดจนอุปกรณ์ดับเพลิง เพื่อการขออนุญาตในการก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารในการประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25423 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สายงานอุตุนิยมวิทยา ระดับทรงคุณวุฒิ และสายงานเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก ระดับชำนาญการ และระดับชำนาญการพิเศษ เป็นสายงานและระดับที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการเพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25424 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2554) | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25425 | ขอความร่วมมือเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา (โครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน) | ยธ | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๓๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ต้องมีความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ของการดำเนินการเดียวกัน การสนับสนุนการปฏิบัติการควรเป็นการสนับสนุนด้านวิชาการ เทคนิคการปฏิบัติ และการอบรม ณ ที่ตั้งหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ควรเป็นการปฏิบัติการภาคสนาม นอกจากนี้ การสนับสนุนครุภัณฑ์และสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นการสนับสนุนตามโครงการที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว หรือเป็นไปตามข้อหารือ ข้อตกลงร่วมกันในแต่ละปี ไม่ถือเป็นข้อผูกมัดกับรัฐบาลไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ในส่วนของการขออนุมัติเป็นหลักการให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการภายใต้กรอบงบประมาณงบเงินอุดหนุนรายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศนั้น ให้สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอขออนุมัติตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นคราว ๆ ไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25426 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างสะพามข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ. ๑๐๒๓ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทเร่งประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยในการออกแบบสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟเพื่อให้สามารถรองรับแนวทางการพัฒนาระบบรถไฟทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25427 | การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง | พน | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง ภายใต้วงเงินรวมต้องไม่เกินร้อยละ ๓ ของฐานเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมของผู้ที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง (เงินเดือนเต็มขั้น) ควรกำหนดสัดส่วนร้อยละของผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้นในแต่ละระดับอัตราการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงดสุดของระดับหรือตำแหน่ง (เงินเดือนเต็มขั้น) เพิ่มเติมด้วย เช่น อัตราการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ไม่เกินร้อยละ ๒๕ ของจำนวนผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้น และในอัตราร้อยละ ๕ ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของจำนวนผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้น เป็นต้น โดยให้พิจารณาจัดสรรวงเงินและอัตราการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษในอัตราที่สูงกว่าให้กับผู้ปฏิบัติงานในระดับ ๗ ลงมาก่อน และต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดรายบุคคลเพื่อประกอบการพิจารณาจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง (เงินเดือนเต็มขั้น) และควรกำหนดเป็นเงื่อนไขว่า การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าวไม่ถือเป็นค่าจ้าง และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว และไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่พนักงานและลูกจ้างของ กฟผ. รวมทั้งต้องตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวและบริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ควบคุมได้ มีแนวทางในการเพิ่มรายได้เพื่อให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หาก กฟผ. มีการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนขั้นต่ำสุดและขั้นสูงสุดในแต่ละระดับใหม่ ให้ระงับการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงสุดของระดับหรือตำแหน่ง (เงินเดือนเต็มขั้น) ของ กฟผ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25428 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท นฐ. ๓๐๐๔ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25429 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพนทอง และตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพนทอง และตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพนทอง และตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ลบ. ๔๐๓๗ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25430 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับบนทางหลวงชนบท อด. ๑๐๐๕ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25431 | การบริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ | พม | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์บริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เป็นครั้งที่ ๒ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ตั้งไว้ ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25432 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายพิษณุ เชิดชูเกียรติไพศาล กับพวกรวม 25 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | อส | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายพิษณุ เชิดชูเกียรติไพศาล กับพวกรวม ๒๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25433 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้อง ในคดีระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ 2 คณะรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย | อส | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ ๒ คณะรัฐมนตรี ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25434 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2556 | พม | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ในปี ๒๕๕๖ ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมดประมาณ ๖๖.๗ ล้านคน ในจำนวนนี้มีประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป จำนวนประมาณ ๙.๖ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๔ ของประชากรทั้งหมด โดยในระยะ ๓๐ ปีที่ผ่านมา โครงสร้างอายุของประชากรไทยได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สาเหตุได้แก่ อัตราการเกิดที่ลดลง และอายุของคนไทยที่ยืนยาวขึ้น โดยระดับการสูงวัยของประชากรวัดด้วยดัชนีการสูงวัย (Index of Ageing) ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๘๓ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และจะเกิดปรากฏการณ์สำคัญคือ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จะมีจำนวนผู้สูงอายุ (อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป) มากกว่าจำนวนเด็ก (อายุต่ำกว่า ๑๕ ปี) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ทั้งนี้ ประเทศไทยเข้าสู่ “สังคมสูงอายุ” ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ จากการที่ประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไปมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๑๐ ของประชากรทั้งหมด และจะกลายเป็น “สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์” ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จากการที่ประชากรสูงอายุสูงถึงร้อยละ ๒๐ และเป็น “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” ปี พ.ศ. ๒๕๗๘ เมื่อประชากรสูงอายุเพิ่มสูงถึงร้อยละ ๓๐ ของประชากรทั้งหมด ๑.๒ การดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เริ่มมีความตื่นตัวในการเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสร้างหลักประกันรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผู้สูงอายุ เช่น จัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุเพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่ครบวงจร โดยการจัดให้เป็นศูนย์เบ็ดเสร็จในการดูแลและส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ การมีอาชีพ และให้ผู้สูงอายุมีสถานที่ทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน เป็นต้น ๑.๓ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้รัฐบาลสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี เสริมสร้างสุขภาพอนามัยของผู้สูงอายุและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานประกันสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ ของพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และการสมัครเป็นสมาชิกตามมาตรา ๓๐ ของพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีความซ้ำซ้อนหรือแตกต่างกันหรือไม่ และควรดำเนินการประการใด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ควรเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้ทราบโดยทั่วกันด้วย ๓. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากผู้สูงอายุแล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอีกหลายกลุ่มในสังคมที่รัฐจะต้องให้ความช่วยเหลือดูแล เช่น เด็กแรกเกิด เด็กออทิสติก (autistic) และคนพิการ เป็นต้น ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ในภาพรวมทั้งหมดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าวในแต่ละกรณีให้เหมาะสม เป็นธรรม ไม่เกิดความซ้ำซ้อน และมีความยั่งยืนต่อไป โดยไม่เป็นภาระงบประมาณจนเกินความจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25435 | ผลการประชุมเวทีหารือระดับรัฐมนตรีเพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6 (The 6th Economic Corridor Forum : ECF) ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 6 (The 6th Mekong - Japan Economic Ministers Meeting) ณ กรุงเนปยิดอ ประเทศเมียนมา | นร11 | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเวทีหารือระดับรัฐมนตรีเพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖ (The 6th Economic Corridor Forum : ECF) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๗-๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๖ (The 6th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเวทีหารือระดับรัฐมนตรีเพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖ รัฐมนตรีแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ได้ร่วมกันทบทวนบทบาทเวทีหารือระดับรัฐมนตรีเพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อเน้นการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ โดยเสนอให้มีการจัดการประชุมสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวง (Governors’ Forum) เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ และมีการเชิญชวนให้ภาคเอกชนและนักลงทุนที่มีศักยภาพเข้าร่วมลงทุนเพื่อการพัฒนาด้วย รวมทั้งเห็นควรให้เพิ่มบทบาทคณะทำงานสาขาการอำนวยความสะดวกด้านการค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีแผนงาน GMS ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Railway Association : GMRA) ระหว่างปลัดกระทรวงคมนาคมของไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม เป็นผลให้ทุกประเทศลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวครบถ้วนทั้ง ๖ ประเทศแล้ว ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๖ รัฐมนตรีลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่นรับทราบความคืบหน้าการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงและแนวทางในการดำเนินงานในอนาคต ประกอบด้วย โครงการภายใต้แนวทางการพัฒนาลุ่มน้ำโขง และการจัดทำวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมลุ่มแม่น้ำโขง รวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วม (Joint Media Statement) ซึ่งมีสาระสำคัญในการรายงานผลลัพธ์การดำเนินงานตามที่ประชุมสุดยอดผู้นำ ครั้งที่ ๕ และนำเสนอความก้าวหน้าโครงการตามแนวทางการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ระหว่างปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตลอดจนรับทราบความก้าวหน้าในการจัดทำวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25436 | ขออนุมัติยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 (เรื่อง หลักเกณฑ์การมีรถรับรองไว้ใช้ในราชการฯ) | นร04 | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ (เรื่อง หลักเกณฑ์การมีรถรับรองไว้ใช้ในราชการ และรถที่ใช้ในภารกิจถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์) เพื่อดำเนินการจัดซื้อรถยนต์รับรองแขกต่างประเทศ ยี่ห้อเบนซ์ S300 จำนวน ๕ คัน รวมเป็นเงิน ๒๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่ได้ตั้งคำของบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25437 | ผลการประชุมสมัชชา สมัยที่ 13 ขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APT) และผลการเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการ APT | ทก | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสมัชชา (General Assembly : GA) สมัยที่ ๑๓ ขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Telecommunity : APT) ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ เมืองย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และผลการเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการ APT ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ของ APT ระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ โดยมีเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ชาญฉลาด ซึ่ง APT จะนำมาเป็นแนวทางในการร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในด้านต่าง ๆ ที่มีความสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ (๑) นโยบายที่เอื้อให้เกิดความเจริญเติบโตด้าน ICT และเศรษฐกิจดิจิทัลที่ฉลาดอย่างยั่งยืน (๒) สังคมที่ปลอดภัยและมั่นคงด้วยการใช้ ICT (๓) ความเชื่อมั่นในการใช้ ICT (๔) การสร้างระบบนิเวศน์ทาง ICT ที่ยั่งยืนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงนวัตกรรม (๕) การสร้างขีดความสามารถและการพัฒนาองค์กร และ (๖) การเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการพัฒนาด้าน ICT ๒. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เพิ่มอัตราต่อหน่วยสำหรับเงินค่าบำรุง APT ร้อยละ ๑๓ จากเดิมหน่วยละ ๙,๐๙๘ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นหน่วยละ ๑๐,๒๘๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ ๓. ที่ประชุมได้มีการเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการและรองเลขาธิการ APT ซึ่งมีประเทศสมาชิก APT มีสิทธิ์ลงคะแนนมีทั้งสิ้น ๓๑ ประเทศ โดยมีผู้สมัครในตำแหน่งเลขาธิการ APT จำนวน ๓ คน จากประเทศไทย มัลดีฟส์ และอินเดีย ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นางสาวอารีวรรณ ฮาวรังษี ประเทศไทย ได้รับเลือกตั้ง โดยมีคะแนน จำนวน ๑๖ คะแนน สำหรับผลการเลือกตั้งตำแหน่งรองเลขาธิการ APT ผู้มีสมัครจากประเทศญี่ปุ่นเพียงคนเดียวและได้รับเลือกตั้งในตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ได้รับการเลือกตั้งจะมีวาระการดำรงตำแหน่งเป็นเวลา ๓ ปี (ปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๘) และจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25438 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ | นร | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ จำนวน ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ โดยให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑๓ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายคณิต แสงสุพรรณ ประธานกรรมการ ๒. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเกริก วณิกกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายรอม หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. รองศาสตราจารย์บุญสนอง รัตนสุนทรากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายดิสทัต โหตระกิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25439 | การแต่งตั้งกรรมการสภาสถาปนิก | มท | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาสถาปนิก จำนวน ๕ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางดวงขวัญ จารุดุล ๒. นายสมชาย วัฒนะวีระชัย ๓. นายสุนัย อภิรักษ์ธาธาร ๔. นายสมชัย ศรีวิบูลย์ ๕. ศาสตราจารย์สุนทร บุญญาธิการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25440 | การเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (จำนวน 3 คน 1. นายคุรุจิต นาครทรรพ ฯลฯ) | พน | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการ แทนนายสมบัติ ศานติจารี ๒. นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ กรรมการอื่น แทนนายประจวบ อุชชิน ๓. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ กรรมการอื่น (เพิ่มเติม)
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
