ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1248 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24941 - 24960 จากข้อมูลทั้งหมด 124359 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 24941 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) (นางสุพัชรี มีครุฑ) | รง | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสุพัชรี มีครุฑ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 24942 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 | ศธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอและการพิจารณาเพื่อการจัดการอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพของสถานประกอบการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอและการพิจารณาเพื่อการจัดการอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพของสถานประกอบการ พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
| 24943 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองท่าเรือพระแท่น จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองท่าเรือพระแท่น จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลตะคร้ำเอน บางส่วนของตำบลท่าเรือ บางส่วนของตำบลแสนตอ อำเภอท่ามะกา และบางส่วนของตำบลวังศาลา บางส่วนของตำบลท่าตะคร้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 24944 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสลกบาตร จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสลกบาตร จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 24945 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) | ศธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ปรับ รองศาสตราจารย์ชนะ กสิภาร์ ออกจากการเป็นกรรมการ เนื่องจากมีปัญหารื่องสุขภาพ ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ ๒. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) ปรับ ศาสตราจารย์อดุล วิเชียรเจริญ ออกจากการเป็นกรรมการ และแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการดังกล่าว
|
||||||||||||||||||
| 24946 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 20 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย | นร11 | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๕๗ ณ เมืองบันดาอาเจห์ จังหวัดอาเจห์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามตารางการมอบหมายภารกิจหน่วยงานดำเนินงานตามผลการประชุมฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๐ แผนงาน IMT-GT อาทิ การดำรงบทบาทของแผนงาน IMT-GT ในการเป็นกรอบการพัฒนาระดับอนุภูมิภาคที่สำคัญ โดยเฉพาะในการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนระยะ ๕ ปี ระยะที่สอง ส่วนที่คงเหลือ (ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙) การเข้าร่วมการประชุมในทุกระดับของแผนงาน IMT-GT ของทุกองค์กรภายใต้แผนงาน IMT-GT การเร่งรัดพัฒนาพื้นที่ชายแดนตามแนวพื้นที่-ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของแผนงาน IMT-GT เพื่อสร้างความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ระดับอนุภูมิภาค การเร่งปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการข้ามแดนในการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ การประสานงานกับธนาคารพัฒนาเอเชียเพื่อให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการเร่งรัดขับเคลื่อนโครงการโดดเด่น (IMT-GT Signature Projects) ทั้งในโครงการที่มีในปัจจุบันและที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้นในอนาคต การประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียนในการขับเคลื่อนแผนงาน IMT-GT และการพัฒนาด้านการขนส่งอย่างเป็นองค์รวมทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอดประสานกับแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน เป็นต้น ๒. การดำเนินการตามผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๒๑ แผนงาน IMT-GT อาทิ การขับเคลื่อนโครงการตามแผนงาน ๕ ปี ระยะที่สอง ตามที่ระบุไว้ในแผนงานที่ได้ปรับปรุงล่าสุดตามผลการประชุมเพื่อขับเคลื่อนตามข้อสั่งการของผู้นำในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๘ รวมทั้งการดำเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดใน ๖ สาขาความร่วมมือ (การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง การค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเกษตรอุตสาหกรรมเกษตรและสิ่งแวดล้อม) การเสริมสร้างบทบาทของทุกองค์กรในแผนงาน IMT-GT ในการมีส่วนร่วมอย่างมีพลวัตรในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และเน้นย้ำบทบาทความสำคัญของกรอบการประชุมของมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดในกิจกรรมของ IMT-GT การขับเคลื่อนโครงการตามแผนงาน IMT-GT ตามที่รัฐบาลไทยได้เน้นย้ำความสำคัญซึ่งสอดคล้องกับข้อสั่งการของผู้นำ IMT-GT เช่น การเร่งพัฒนาตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดตั้งเมืองสีเขียว การขับเคลื่อนโครงการ IMT-GT Signature Projects ซึ่งไทยมีส่วนร่วม ได้แก่ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย และเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจไปยังอินโดนีเซีย การพัฒนาเมืองสีเขียว การเปิดบริการเดินเรือเฟอร์รี่ขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร (Ferry RoRo Services) ระหว่างเบลาวัน-ปีนัง-ตรัง เป็นต้น ๓. การดำเนินการตามผลการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ ๑๑ แผนงาน IMT-GT อาทิ การประสานงานอย่างใกล้ชิด แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จสูงเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการดำเนินโครงการภายใต้กรอบการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด (Chief Ministers’ and Governors’ Forum : CMGF) ในอนาคต การเข้าร่วมการประชุมในกรอบ CMGF โดยทุกรัฐและจังหวัดในแผนงาน พร้อมทั้งจัดทำกรอบการดำเนินงานของ CMGF ที่สอดประสานกับการดำเนินงานของ ๖ คณะทำงาน การเสริมสร้างบทบาทของกรอบ CMGF ในการเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่รัฐและจังหวัดที่ยังขาดการพัฒนา โดยร่วมมือกับสภาธุรกิจ IMT-GT และภาคีการพัฒนาภาคเอกชน การขับเคลื่อนโครงการในกรอบ CMGF ที่แต่ละประเทศเสนอในการประชุมในกรอบ CMGF ที่ผ่านมา การเร่งรัดการดำเนินโครงการตามที่รัฐบาลไทยได้มีนโยบายเร่งรัดซึ่งสอดคล้องกับโครงการโดยเด่นภายใต้แผนงาน IMT-GT และการจัดตั้งศูนย์ CMGF ในทุกประเทศสมาชิกเพื่อเสริมสร้างเครือข่าย CMGF สามประเทศกับศูนย์ CMGF ไทยที่ได้จัดตั้งขึ้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 24947 | ร่างพระราชบัญญัติการวิจัยในคน พ.ศ. .... | นร | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการวิจัยในคน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้มีกฎหมายว่าด้วยการวิจัยในคน เพื่อกำกับดูแลการวิจัยในคนโดยเฉพาะ รวมทั้งจัดระบบการกำกับดูแลการวิจัยในคนให้มีประสิทธิภาพเพื่อคุ้มครองผู้เข้ารับการวิจัยให้ได้รับข้อมูลการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อใช้ในการตัดสินใจเข้าร่วมการวิจัยและกำกับดูแลนักวิจัยให้ดำเนินการวิจัยให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรให้มีการกำหนดขอบเขตของคำว่า “การวิจัยในคน” ให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ตีความ เช่น นักกฎหมาย นักวิจัย กรรมการจริยธรรมการวิจัย และผู้ตรวจสอบการวิจัย สามารถเข้าใจตรงกันและระบุได้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดไม่ใช่การวิจัย และเพิ่มเติมรายละเอียดในประเด็นของการคุ้มครองการวิจัยในคนให้ชัดเจน เช่น แนวปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมการวิจัย รวมทั้งพิจารณาความซ้ำซ้อนของถ้อยความในประเด็นเรื่องการให้ความยินยอมและวิธีการให้ความยินยอม นอกจากนี้ เห็นควรมีการบัญญัติกฎหมายให้มีความชัดเจนในเรื่องการเก็บ การรักษา ระยะเวลาการใช้ข้อมูล ตลอดจนการทำลายข้อมูลที่รวบรวมได้เมื่อไม่มีการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวิจัยแล้ว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
| 24948 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... | ศธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการให้การอุดหนุนด้านงบประมาณเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เห็นควรกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการสั่งจ่ายเงินรายได้ ตลอดจนระบบการติดตามและรายงานผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 24949 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | ศธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการควบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันทำให้จำนวนมหาวิทยาลัยในพื้นที่ลดลง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาดำเนินการทุกจังหวัดเกี่ยวกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐขึ้นใหม่ โดยใช้นโยบายการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันเพื่อความประหยัดทรัพยากรและสร้างความเข้มแข็งเป็นปึกแผ่นแก่สถาบันอุดมศึกษาแทนที่จะแข่งขันกันหรือสร้างภาระทั้งด้านงบประมาณ และการหาบุคลากรผู้สอน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา) เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||
| 24950 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... | ศธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ไปเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการให้การอุดหนุนด้านงบประมาณเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการสั่งจ่ายเงินรายได้ ตลอดจนระบบการติดตามและทบทวนผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 24951 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 6 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้สัตยาบันพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ ๑.๒ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามในพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ นำเสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศไทยมอบสัตยาบันสารของพิธีสารฯ ให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียน ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารดังกล่าว เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารฯ แล้ว ๑.๕ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารฯ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในพิธีสารฯ แล้ว โดยพิธีสารและข้อผูกพันดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการเปิดตลาดการค้าบริการด้านการเงินเพิ่มเติมในสาขาธนาคารพาณิชย์และสาขาประกันภัย ซึ่งเป็นการผูกพันไม่เกินไปกว่าอำนาจตามที่กฎหมายภายในกำหนดไว้ และจะเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ๒. ให้นำพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันเฉพาะสำหรับการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป |
||||||||||||||||||
| 24952 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ON JUSTICE AND LEGAL AFFAIRS COOPERATION BETWEEN THE MINISTER OF JUSTICE OF THE KINGDOM OF THALAND AND THE MINISTRY OF JUSTICE OF THE SOCIALIST REPUBLIC OF VIET NAM) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในสาขากิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 24953 | การขอต่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี | พม | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||
| 24954 | ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เพื่อสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่อง ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นระยะเวลา ๑ ปี (มกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ในวงเงิน ๔,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) และเลือกรูปแบบที่สอดคล้องกับความจำเป็นในการใช้เงินภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน สำหรับกรณี กฟภ. มีลูกหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระเป็นส่วนราชการนั้น หากส่วนราชการมีเงินเหลือจ่ายหรือสามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ เห็นควรให้โอนไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคเป็นลำดับแรกก่อนตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม และเรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 24955 | ขอเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยยกเลิกโครงการ รวมทั้งสิ้น ๑๑๙ โครงการ งบประมาณรวม ๒๗๖,๓๖๙,๒๐๐ บาท (ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เนื่องจากความซ้ำซ้อนปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน และสภาพแวดล้อมโครงการไม่เหมาะสม และเสนอโครงการใหม่ทดแทนโครงการที่ยกเลิก จำนวน ๑๒๐ โครงการ งบประมาณรวม ๒๗๐,๔๙๑,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำดังกล่าวให้ชัดเจน ถูกต้องตรงกันด้วย |
||||||||||||||||||
| 24956 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ [The Fourth Greater Mekong Subregion (GMS) Environment Ministers’ Meeting : EMM] ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ (Joint Ministerial Statement) โดยไม่มีการลงนาม ซึ่งสาระสำคัญของแถลงการณ์ร่วมฯ ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจาก ๖ ประเทศ ให้คำมั่นว่าจะพิจารณาแนวทางในการเพิ่มการลงทุนในต้นทุนทางธรรมชาติเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (๒) ประเทศสมาชิกยอมรับร่วมกันว่าการดำเนินโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีความสำคัญยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรือง การขจัดความยากจน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของอนุภูมิภาค (๓) ต้นทุนทางธรรมชาติถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และยั่งยืน จึงควรมีการเชื่อมโยงต้นทุนทางธรรมชาติกับการดำเนินงานของทุกสาขาและในทุกระดับของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างเหมาะสม และ (๔) ประเทศสมาชิกยินดีต่อข้อริเริ่มภายใต้แผนงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานด้านต้นทุนทางธรรมชาติ ๒. หัวหน้าคณะผู้แทนไทยแจ้งว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) จัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ จำนวน ๒ รายการ คือ การประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๒ ในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ๒๕๕๘ และการประชุมครึ่งปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๐ ในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยประเทศสมาชิกรับทราบและยินดีให้การสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมทั้ง ๒ รายการ
|
||||||||||||||||||
| 24957 | โครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กที่ประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน ในกรอบวงเงิน ๘๐๗.๙๗ ล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อ่างเก็บน้ำ (พลังงานศักย์) จำนวน ๑๐ แห่ง กำลังการผลิตรวมประมาณ ๘.๔ เมกะวัตต์ วงเงิน ๗๙๓.๙๗ ล้านบาท และก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ประตูระบายน้ำ (พลังงานจลน์) วงเงิน ๑๔ ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของ กฟภ. ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ยกเว้นโครงการที่อ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน จังหวัดตราด ให้ กฟภ. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้เรียบร้อย ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้ กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรเร่งรัดและติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กฯ ให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ และให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินและบริหารการลงทุนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในกรอบวงเงินลงทุนที่กำหนดไว้ ตลอดจนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้การใช้ประโยชน์จากประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานเป็นไปอย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์มากที่สุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ กฟภ. ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณานำนวัตกรรมใหม่ในการผลิตกระแสไฟฟ้ามาดำเนินการให้เหมาะสมกับสภาพปริมาณน้ำในเขื่อนในปัจจุบันด้วย |
||||||||||||||||||
| 24958 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2556 | ศย | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ สำนักงานศาลยุติธรรมมีสินทรัพย์/ส่วนทุน จำนวน ๓๐,๙๗๑,๔๙๘,๑๗๕.๙๕ บาท ๒. รายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ สำนักงานศาลยุติธรรมมีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน ๑๘,๐๒๓,๒๓๗,๔๒๓.๒๔ บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๕,๘๐๗,๕๐๙,๘๒๓.๐๐ บาท โดยมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๒,๑๗๗,๕๘๒,๙๗๘.๕๕ บาท
|
||||||||||||||||||
| 24959 | ขออนุมัติปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย | กห | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๒๘ เว้นอัตราเบี้ยเลี้ยงทหารกองประจำการ กรณีไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามนอกที่ตั้งปกติ หรือไปปฏิบัติราชการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ให้ได้รับอัตราเบี้ยเลี้ยงเพิ่มขึ้น จากเดิมวันละ ๙๔ บาท เป็นวันละ ๒๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ยกเว้นในส่วนของอัตราเบี้ยเลี้ยงประจำสำหรับนักเรียนทหารซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร อัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักศึกษาวิชาการทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และอัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักเรียนเตรียมทหาร ให้ได้รับในอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ ๑๒๐ บาท เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับนักเรียนนายร้อยตำรวจ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๗๗๘,๕๐๕,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินการตามข้อ ๑ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงกลาโหมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
| 24960 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง( กปส.) ครั้งที่ 1/2558 | สวพส. | 03/03/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และมีมติเห็นชอบ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ยุทธศาสตร์ แผนงาน และคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ การเพิกถอนพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ ออกจากเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย การสนับสนุนโครงการพัฒนาและติดตั้งระบบงาน ERP (Enterprise Resource Planning) ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) และการแต่งตั้งคณะทำงานศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้ง “คณะทำงานสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง” โดยมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว ๓. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สนับสนุนงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จำนวน ๓๘ แห่ง และโครงการขยายผลโครงการหลวง จำนวน ๒๙ แห่ง ในวงเงิน ๙๐๓,๙๙๒,๑๔๒ บาท โดยเฉพาะงบประมาณด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ จำนวน ๓ แปลง ออกจากเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จำนวนพื้นที่ ๘๖๘-๑-๕๘ ไร่ มาเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้แก่ แปลงที่ดินด้านทิศเหนือ จำนวน ๒๙๕-๒-๒๖ ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งมูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) แปลงที่ดินด้านทิศใต้ จำนวน ๑๐๔-๐-๒๒ ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมอยู่ในปัจจุบัน และพื้นที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จำนวน ๔๖๘-๓-๑๐ ไร่ โดยให้ดำเนินการตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๕. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติสนับสนุนโครงการพัฒนาและติดตั้งระบบงาน ERP (Enterprise Resource Planning) ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ของมูลนิธิโครงการหลวงพร้อมทั้งจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในระดับพื้นที่เพื่อนำข้อเสนอแนะจากที่ประชุมไปดำเนินการเพื่อขยายผลให้เกิดเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานตามที่ได้รับการพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
.....
