ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1246 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24901 - 24920 จากข้อมูลทั้งหมด 124359 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 24901 | พิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แทนประธานกรรมการที่ลาออกจากตำแหน่ง (นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม) | ทก | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แทนนายจรัมพร โชติกเสถียร ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 24902 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ 1 (1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2557) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) | กษ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ ๑ (๑ ตุลาคม-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ดำเนินการใน ๔ เรื่อง (จากทั้งหมด ๖ เรื่อง) ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และการแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเกี่ยวข้องใน ๓ ด้าน (จากทั้งหมด ๕ ด้าน) ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร และการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์การช่วยเหลือผลิตผลทางการเกษตรในระดับจังหวัด ๒.๓ ด้านกฎหมาย ได้แก่ การรวบรวม พิจารณา ทบทวน แก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัย ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
| 24903 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดตราด พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนมาใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร และคณะกรรมการควบคุมอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 24904 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดน่าน เพื่อประโยชน์ในการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 24905 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมขนโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลวังจิก ตำบลโพธิ์ประทับช้าง และตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 24906 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสตูล พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสตูล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลคลองขุด ตำบลควนขัน และตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 24907 | รายงานผลการดำเนินงานประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) ของกระทรวงแรงงาน | รง | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการภายใต้มาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่างเป็นระบบ ได้แก่ การจัดระเบียบบริษัทจัดหางาน สาย/นายหน้า การจัดระเบียบแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว การลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การจัดระเบียบเรือประมงและแรงงานภาคประมง การตรวจป้องปรามเพื่อลดความเสี่ยงการค้ามนุษย์ การเพิ่มความพยายามในการระบุเหยื่อค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การยกระดับการคุ้มครองแรงงาน การส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และการอบรม/ประชุม/สัมมนา ๒. การดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการภายใต้คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ด้านแรงงาน สาธารณสุข และความมั่นคง ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ แนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ แนวทางการฝึกอบรมฝีมือแรงงานไทยบริเวณชายแดนและแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการดำเนินงานสนับสนุนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
| 24908 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2557) | พณ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๓ เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ๒. ประเด็นเรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาราคาข้าวและการระบายข้าว การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล และการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพ และการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||
| 24909 | ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายโดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจตามร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้มีความสอดคล้องกับแนวทางและหลักการการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
| 24910 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. นายดาวิน นารูลา ฯลฯ) | ยธ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายดาวิน นารูลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางเพทาย ปทุมจันทรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายไพฑูรย์ สว่างกมล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
| 24911 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ) | ทส | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 24912 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๑ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||
| 24913 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ท่านให้แผ่ไพศาลทั้งในประเทศและนานาประเทศ ตลอดจนน้อมนำจิตใจของปวงชนชาวไทยให้แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 24914 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางในการปฏิรูปทุนหมุนเวียนในกรณีที่จะต้องดำเนินการปรับปรุง พัฒนา ยุบรวม หรือยุบเลิกกองทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้จัดทำกรอบในการจัดทำ “แผนปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน ระยะเวลา ๓ ปี” ของกองทุนหมุนเวียนที่อยู่ในข่าย “ปรับปรุง/พัฒนา” และจัดทำ “แผนทบทวนและฟื้นฟูประสิทธิภาพการดำเนินงาน ระยะเวลา ๑ ปี” ของทุนหมุนเวียนที่อยู่ในข่าย “ไม่ผ่าน” โดยเทียบเคียงกับการจัดทำแผนฟื้นฟูของรัฐวิสาหกิจ ๒. จัดประชุมหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียน จำนวน ๓๐ ทุน เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการนำเงินของทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน โดยมีขั้นตอนและวิธีการ คือ ๒.๑ หน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนจัดทำแผนปฏิบัติการฯ จำแนกตามลักษณะของกรณีเป็นเงินฝากที่กระทรวงการคลัง หรือเงินฝากประเภทออมทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ให้นำส่งเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ และกรณีเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ประเภทประจำ หรือลงทุนในตราสารทางการเงิน ให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน ๕ วันทำการ นับจากวันที่ครบกำหนดของเงินฝากประจำหรือวันครบกำหนดไถ่ถอนตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ ให้นำส่งจนครบวงเงินที่ต้องนำส่งตามมติคณะรัฐมนตรีของแต่ละทุนหมุนเวียน ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๒ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการให้องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีหนังสือสั่งการไปยังหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ๒.๓ หน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนจัดส่งรายงานผลการนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามแบบที่กรมบัญชีกลางกำหนด ๓. สรุปผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีทุนหมุนเวียนที่นำส่งตามแผนปฏิบัติการฯ จำนวน ๒๙ ทุน โดยมีประเด็นรอความชัดเจนในข้อกฎหมาย ๑ ทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า ยอดเงินเรียกนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน รวม ๒๘,๑๐๗.๑๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 24915 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล (กขร.) และรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พิจารณารายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการทุกคณะแล้ว เห็นควรที่จะได้มีการติดตามงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกร การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา การเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า ๒. ให้คณะกรรมการและผู้ประสานงานเพื่อเชื่อมโยงการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๕ คณะ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน) (๒) คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) (นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นประธาน) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และผู้ประสานงานบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล (ระดับกระทรวง) (ปขก.) จัดทำแผนการดำเนินงานของแต่ละคณะส่งให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อบูรณาการแล้วเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทาง เป้าหมาย และวัตถุประสงค์เดียวกันตามนัยข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ด้านการบริหารราชการและอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||
| 24916 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยภาพรวมงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๔๓๐,๐๖๒ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐๔,๗๔๘ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้ แล้วให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำผลการดำเนินการในเรื่องนี้ไปใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไป ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ)
|
|||||||||||||||||||||
| 24917 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก)] | สว | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนางจินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กับคณะ เป็นผู้เสนอ (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก)] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาทนายความ เห็นด้วยในหลักการและมีข้อสังเกตบางประการ สำหรับกระทรวงยุติธรรมชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับเพศที่มีเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด และแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามการกระทำชำเรา โดยมีหลักการทำนองเดียวกันกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “สื่อลามกอนาจารเด็ก” ขอบเขตของ “สื่อลามกอนาจารเด็ก” การกำหนดองค์ประกอบความผิดตามร่างมาตรา ๒๘๗/๑ ในส่วนที่ว่า “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" และประเด็นเรื่องอายุของเด็กที่จะได้รับความคุ้มครองจากการกำหนดความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เป็นต้น ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นางจินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 24918 | การจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา | รง | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา หลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ดำเนินการกับแรงงานต่างด้าว จำนวน ๔ กลุ่ม ๑.๑.๑ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการตรวจสัญชาติแล้ว ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาตทำงาน จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ เนื่องจากแรงงานกลุ่มนี้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด โดยอนุญาตให้ทำงานต่อได้อีกไม่เกิน ๒ ปี หลังสิ้นสุดการอนุญาต ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ แล้ว เมื่อครบกำหนดแรงงานกลุ่มนี้ต้องเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และสามารถกลับเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ตาม MOU) ได้ในโอกาสต่อไป ๑.๑.๒ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ถือใบอนุญาตทำงานที่ออกให้ ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ที่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจสัญชาติ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่ ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ และขอรับใบอนุญาตทำงาน ซึ่งแรงงานต่างด้าวดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา ๑ ปี และได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสัญชาติให้แล้วเสร็จ เมื่อผ่านการตรวจสัญชาติแล้วจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และอนุญาตทำงานต่อไปอีก ๒ ปี ๑.๑.๓ กลุ่มที่ไม่มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่ และขออนุญาตทำงาน ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ให้ดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม จับกุม และผลักดันส่งกลับตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๑.๑.๔ กลุ่มผู้ติดตาม ให้ผู้ติดตามมารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่พร้อมกับแรงงานต่างด้าว ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ผู้ติดตามที่มารายงานตัวจะมีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรเช่นเดียวกับแรงงานต่างด้าวตามข้อ ๑.๑.๑ หรือ ๑.๑.๒ แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ติดตามที่ไม่มารายงานตัวจะต้องถูกดำเนินการผลักดันพร้อมแรงงานต่างด้าวตามข้อ ๑.๑.๓ ๑.๒ การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเล ๑.๒.๑ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นโดยการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล ให้ดำเนินการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ (จดทะเบียนปีละ ๒ ครั้ง) และให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว และให้นำแรงงานต่างด้าวไปทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพ ประกันสุขภาพ และขออนุญาตทำงาน ๒๕๕๘ ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ในพื้นที่จังหวัดชายทะเล ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๒.๒ การแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการนำเข้าแรงงานประมงต่างด้าวถูกกฎหมายตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๗ ขั้นตอน ได้แก่ (๑) การลงทะเบียนแรงงาน นายจ้าง และรวบรวมความต้องการแรงงานประมง (๒) การรับสมัครแรงงานไทยและการอนุมัตินำเข้าแรงงานต่างด้าว (๓) การคัดเลือกบริษัทจัดหางานที่ถูกกฎหมายกรณีนำเข้าแรงงานต่างด้าว (๔) การนำเข้าแรงงานต่างด้าว สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนสมาชิก หรือนายจ้างประมง ประสานการดำเนินงานกับบริษัทจัดหางาน (๕) การดูแลแรงงานประมงก่อนลงเรือ โดยการปฐมนิเทศ ชี้แจงข้อปฏิบัติให้แรงงานทราบ (๖) การควบคุมตรวจติดตามเรือประมงและแรงงานบนเรือ และ (๗) การลงโทษหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการได้ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ ๑.๓ การปรับปรุงบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา ให้กระทรวงแรงงานขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะการปรับระยะเวลาการกลับเข้าทำงานใหม่ของแรงงานต่างด้าวหลังทำงานครบกำหนด ๔ ปี จากเดิมกำหนดไว้ ๓ ปี ลดลงเหลือ ๓๐ วัน เพื่อความต่อเนื่องของการทำงานและสอดคล้องกับระยะเวลาการเตรียมการจัดทำเอกสารเพื่อกลับเข้ามาทำงานใหม่ รวมทั้งแรงงานได้กลับไปเพื่อพักผ่อนอยู่กับครอบครัวหลังจากเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพและออกใบรับรองแพทย์ ให้ดำเนินการโดยหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และให้มีมาตรการบังคับในการซื้อบัตรสุขภาพแรงงานต่างด้าวควบคู่ไปกับการตรวจสัญชาติ เพื่อการออกใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และใบอนุญาตทำงานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกำหนดหน่วยประสานข้อมูลบุคคลที่ถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อใช้ในการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดรายละเอียดการพัฒนาระบบและดำเนินงานด้านการตรวจสุขภาพและการประกันสุขภาพคนต่างด้าวทั้งระบบ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานพิจารณากำหนดมาตรการในการจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ครบถ้วนและเป็นระบบ โดยให้ครอบคลุมถึงแรงงานสัญชาติเวียดนาม บังกลาเทศ เนปาล และชาวไทยภูเขา เป็นต้น เพื่อให้การจัดระบบแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานความก้าวหน้าในเรื่องนี้สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้ต่างประเทศทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 24919 | การปรับปรุงการปฏิบัติราชการและหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ของสำนักงบประมาณ | นร07 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการปฏิบัติราชการและหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงการดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๑ ให้หัวหน้าส่วนราชการ/ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินรายการค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกันได้ รวมถึงให้แก้ไขข้อความที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องได้ โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ๑.๒ ให้ส่วนราชการเร่งรัดจัดสรรงบประมาณไปยังหน่วยงานภูมิภาคภายใน ๓ วันทำการ ๑.๓ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น/ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจอนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการได้ โดยอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดิม และไม่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของรายการ สำหรับกรณีเปลี่ยนวัตถุประสงค์ให้ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณฯ ๑.๔ กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการฯ/ผู้ว่าราชการจังหวัด โอนงบประมาณไปสมทบรายการค่าครุภัณฑ์/ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างที่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับ ได้อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรร ๒. การปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๑ กำหนดให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ ๒.๒ ให้ส่วนราชการฯ สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งกระทบต่อวัตถุประสงค์ของรายการภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกันได้โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ๓. ให้ส่วนราชการฯ ขอทำความตกลงแบบรูปรายการมาตรฐานสิ่งก่อสร้างที่กำหนดขึ้นเฉพาะหน่วยงาน กับสำนักงบประมาณให้เป็นปัจจุบัน ๔. การเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี ให้ส่วนราชการฯ ดำเนินการตามแนวทางข้อ ๑ และข้อ ๒ โดยอนุโลม ๕. การเร่งรัดขั้นตอนการดำเนินการของสำนักงบประมาณ ประกอบด้วย การพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง การพิจารณาความเหมาะสมของราคารายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ การพิจารณาอนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จัดสรรงบประมาณตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 24920 | การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | นร | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินทางไปศึกษาดูงาน การจัดประชุม อบรม สัมมนาในต่างประเทศ ดังนี้
๑. ให้หัวหน้าส่วนราชการ (กระทรวง/กรม) หรือเทียบเท่า ผู้บริหารของส่วนราชการทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น กรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลที่รัฐถือหุ้น งดเว้นการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ยกเว้นกรณีเข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนาตามพันธกรณี ข้อตกลงระหว่างประเทศหรือหลักสูตรการศึกษาที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยหากมีความจำเป็นให้ขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นรายกรณี และให้รวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีทราบเป็นรายเดือน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติปฏิบัติในแนวทางเดียวกันด้วย ๒. หากหน่วยงานเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาดูงาน อบรม หรือสัมมนา ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการศึกษาดูงานภายในประเทศแทน โดยเฉพาะการศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการตามแนวพระราชดำริต่าง ๆ หรือให้พิจารณาเชิญวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาบรรยาย ซึ่งจะได้ประโยชน์และเป็นการประหยัดงบประมาณยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการเดินทางด้วยเครื่องบินในชั้นโดยสาร ดังนี้ ๓.๑ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (อธิบดีหรือเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการ เอกอัครราชทูต รองปลัดกระทรวง) ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ให้เดินทางภายในประเทศในชั้นประหยัดและเดินทางต่างประเทศในชั้นธุรกิจ ๓.๒ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ประเภทอำนวยการ ระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ให้เดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในชั้นประหยัด ทั้งนี้ ในระหว่างที่กระทรวงการคลังดำเนินการปรับปรุงระเบียบฯ ให้ข้าราชการถือปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
.....
