ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1077 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21521 - 21540 จากข้อมูลทั้งหมด 124297 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21521 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21522 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอแปลงที่ดินที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เชียงราย และกาญจนบุรี รวมพื้นที่ประมาณ ๑๑,๙๕๗ ไร่ ๒. เห็นชอบอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (สงขลา ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และหนองคาย) ระยะเวลาการเช่า ๕๐ ปี และอาจต่อสัญญาเช่าได้อีก ๕๐ ปี ๓. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายและความเห็นของกรรมการไปประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๔. มอบหมายให้คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงานสาธารณสุขและความมั่นคง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กรมธนารักษ์ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||
21523 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 (ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 - 30 กันยายน 2558) [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม 37 ประเด็นการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ] | นร04 | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม ๓๗ ประเด็น การปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเทียบผลการดำเนินการก่อน-หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ) สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี โดยได้ปรับปรุงกฎหมายภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SMEs หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้ SMEs ที่เริ่มประกอบกิจการ ๒. การกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเพิ่มจากร้อยละ๒๐๐ เป็นร้อยละ ๓๐๐ (จากเดิม ๒ เท่า เป็น ๓ เท่า) ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) ๓. การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ แบบดิจิทัล (One Map) และพัฒนาเป็น Application เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๔. การปรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่เป็นหนี้ประมาณ ๘,๐๐๐ ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นบวกถึงกว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การปรับเพิ่มวงเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพของคนพิการจากเดิมรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นรายละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย ๖. การขยายความคุ้มครองประกันสังคมภาคบังคับไปสู่ลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ (เดิมคุ้มครองเฉพาะลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน) และขยายความคุ้มครองไปสู่ลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศและไปประจำทำงานในต่างประเทศ (เดิมไม่คุ้มครอง) ๗. การยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสภาประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
21524 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี 2558 | พณ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยปี ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ ๕.๗๘ โดยมีสาเหตุสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงกระทบมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อีกทั้งยังกดดันให้ราคาสินค้าเกษตรโลกอยู่ในระดับต่ำ ๒. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๗,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๘.๗๓ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒๑๔,๓๗๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๕.๗๘ เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ๓. มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร หดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก โดยภาพรวมเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๙.๘ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๗.๔ (YoY) ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน โดยภาพรวมเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๖.๗ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๔.๐ (YoY) ปัจจัยหลักยังคงมาจากการหดตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันดิบหรืออุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากการกลั่นปิโตรเลียม และมีแนวโน้มลดต่ำลงมากต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ๔. การนำเข้าเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๕,๖๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๙.๒๓ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒๐๒,๖๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑๑.๐๒ (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เกินดุล ๑,๔๘๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทั้งปี ๒๕๕๘ เกินดุล ๑๑,๗๒๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการกลับมาเกินดุลการค้าครั้งแรกในรอบ ๔ ปี อีกทั้งเป็นมูลค่าเกินดุลที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๕๒
|
||||||||||||||||||||||||
21525 | การถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายวิทาลี จี. คัลยูชิน (Mr. Vitaly Kulyushin)] | กต | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอดถอน นายวิทาลี จี. คัลยูชิน (Mr. Vitaly Kulyushin) ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21526 | การขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำสาธารณรัฐมอลตาคนใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟรานซิส คาร์โบนาโร (Francis Carbonaro)] | กต | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟรานซิส คาร์โบนาโร (Francis Carbonaro) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสาธารณรัฐมอลตา สืบแทน นายวิลเลี่ยม เอช คาร์โบนาโร (William H. Carbonaro) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากชราภาพ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21527 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอิสลาม เบกเมอซาเยฟ (Mr. Islam Bekmirzaev)] | กต | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนาย อิสลาม เบกเมอซาเยฟ (Mr. Islam Bekmirzaev) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย สืบแทน นายซาอิดราฮิม อิครามอฟ (Mr. Saidrakhim Ikramov) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21528 | บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ | กต | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka on Technical Cooperation) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในระยะยาวและยั่งยืนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่งเสริมการศึกษาและโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม รวมถึงความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ตกลงร่วมกัน เป็นต้น โดยจะกำหนดสาขาความร่วมมือระหว่างกันต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาไทยซึ่งไม่สอดคล้องกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาอังกฤษ และมีจำนวนข้อบทไม่ครบถ้วน ควรตรวจสอบความถูกต้องของคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ อีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
21529 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2557 | กค | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เฉพาะในส่วนของโครงการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ เท่านั้น หากพ้นจากห้วงเวลาดังกล่าวแล้ว หน่วยงานใดยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ให้เงินงบประมาณดังกล่าวพับไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณในประเด็นการเปลี่ยนแปลงรายการที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีดังกล่าวไปดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๑ ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อให้สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดยังมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อ [รวมถึงโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้พับไปเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) ด้วย] ก็ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาและติดตามการก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ของหน่วยงานที่ได้รับการขยายระยะเวลาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
21530 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 | ทก | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการ ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานด้านดาวเทียมสื่อสารภาครัฐที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๑.๓ รับทราบการพิจารณาประเด็นข้อหารือที่สำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (UNOOSA) เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายอวกาศของประเทศไทย รวม ๖ ประเด็น ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาแล้ว ๒ ประเด็น ได้แก่ คำจำกัดความและการกำหนดขอบเขตอวกาศส่วนนอกและลักษณะและการใช้วงโคจรค้างฟ้า (Geostationary orbit) และกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกในทางสันติ ๑.๔ พิจารณากรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียวสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และเห็นชอบและให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเอกสารที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ (๑) ให้ความเห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจา วิธีการจัดหาดาวเทียม ระยะเวลา ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการ THEOS-2 (๒) ให้คณะอนุกรรมการเจรจา และคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองประเทศที่เหมาะสม เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศ (MOU) (๓) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และ (๔) รับทราบกรอบวงเงิน ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อการพัฒนาโครงการ THEOS-2 ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของแหล่งเงินทุนในการดำเนินการจะต้องมีความครอบคลุม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแหล่งเงินและกรอบวงเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกรอบและแนวทางการเจรจาเพื่อการจัดหาระบบดาวเทียมที่ให้คณะอนุกรรมการเจรจาไปดำเนินการเจรจากับประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกลั่นกรองประเทศที่เหมาะสมและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศนั้น ควรกำหนดกรอบรายละเอียดของเนื้องาน (TOR) ของโครงการและวิธีการลงทุนให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโครงการ THEOS-2 ไปพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ (๒) ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการดำเนินโครงการ และวิธีการลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ (๓) ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อสรุปดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน |
||||||||||||||||||||||||
21531 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
||||||||||||||||||||||||
21532 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2558 และแนวโน้มปี 2559 | นร11 | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ สูงกว่าการขยายตัวร้อยละ ๐.๘ ในปี ๒๕๕๗ โดยการบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๑ และร้อยละ ๔.๗ ตามลำดับ การผลิตนอกภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ ๓.๖ การผลิตภาคเกษตรลดลงร้อยละ ๔.๒ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานทั้งปีเท่ากับร้อยละ ๐.๘ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ -๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๙ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๘-๓.๘ โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ ๓.๓ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๕๘ มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๗ และร้อยละ ๔.๙ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ (-๐.๑) -๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๒ ของ GDP ๓. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๙ ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการดูแลฐานรายได้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย การดูแลขับเคลื่อนการส่งออกและการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและยกระดับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||
21533 | หนังสือขอบคุณจากเด็ก ๆ | นร04 | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปประเด็นปัญหาของนักเรียนโรงเรียนบ้านตันหยง ตำบลบาโร๊ะ จังหวัดยะลา และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ปัญหาเรื่องราคายางพาราในพื้นที่มีราคาตกต่ำทำให้รายได้ของผู้ปกครองลดลง รวมทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ส่งผลให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ๒. ขอให้ปราบปรามผู้ร้าย คนโกงและยาเสพติดให้หมดไป ๓. เงินเดือนครู ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น ๔. เด็กนักเรียนบางคนไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องจุดเทียนทำการบ้าน
|
||||||||||||||||||||||||
21534 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) และแก้ไขปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) และคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.)] | ศป | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) และแก้ไขปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) และคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ เกี่ยวกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ ควรคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยง โดยไม่ขัดหรือแย้งกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การเพิ่มตำแหน่งผู้ช่วยตุลาการศาลปกครองชั้นต้น) สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของคณะกรรมการบริหารศาลปกครองในการกำหนดเรื่องการจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์อื่นของข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลปกครอง ในกรณีที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเห็นควรให้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งควรพิจารณาตามเหตุผลความจำเป็นของหน่วยงานหากมีการเสนอแก้กฎหมายดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21535 | แผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม | ยธ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการทั้ง ๔ ข้อ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักการกำหนดกรอบมาตรฐานอัตรากำลัง พื้นที่ และงบประมาณขั้นต่ำของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นแนวทางการเตรียมความพร้อมและรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมต่อหนึ่งแห่ง ๑.๒ กรอบอัตรากำลัง พื้นที่ งบประมาณของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม สำหรับศาลที่เปิดทำการตั้งแต่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖-๑ เมษายน ๒๕๕๘ และศาลจังหวัดที่เปิดทำการ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ แนวทางการจัดหาที่ดินเพื่อจัดสร้างอาคารบูรณาการร่วมสำหรับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้น ได้แก่ (๑) การจัดหาที่ดินโดยกระทรวงยุติธรรมดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ ๑ การหาพื้นที่ที่มีอยู่ของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม แนวทางที่ ๒ การหาพื้นที่จากหน่วยงานภายนอกที่มีพื้นที่ในครอบครอง และ (๒) การขอความร่วมมือสำนักงานศาลยุติธรรม ในการจัดหาที่ดินสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินการจัดสร้างอาคารที่ทำการถาวรของตนเองไปพร้อมกับการจัดตั้งศาลชั้นต้นฯ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ๑.๔ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมร่วมมือกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยการส่งร่างแผนการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พิจารณาความจำเป็น ความคุ้มค่า ภาระงบประมาณของรัฐ และความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม รองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการวางแผนบูรณาการการทำงานระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเดียวกันหรือใกล้เคียง การปรับปรุงกระบวนงานและเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน และควรคำนึงถึงความจำเป็นของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก โดยนำประเด็นปริมาณงานที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่มาใช้ประกอบการพิจารณา รวมทั้งกรณีอัตรากำลังตามแผนเกินกว่ากรอบอัตรากำลังของแต่ละหน่วยงาน ควรให้เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานการดำเนินงานเกี่ยวกับคดีกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมให้มีความเชื่อมโยงกัน โดยให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดและไม่ต้องนำเข้ามาพิจารณาในส่วนกลางตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
21536 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม | กค | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ ตามที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เสนอ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น และช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบของผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs และปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบประมาณคงเหลือจากโครงการ PGS New/Start-up ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และโครงการ PGS OTOP ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ บสย. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยในส่วนของการชดเชยค่าประกันชดเชยรายปี ให้ บสย. ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการทบทวนแหล่งที่มาของเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้ บสย. ทบทวนเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของโครงการไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกันและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งบริหารจัดการภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPGs) ในโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ไม่ให้เร่งตัวขึ้นจนกลายเป็นภาระของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
21537 | การพัฒนาบุคลากรในภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศ (โครงการอบรมหลักสูตร "นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง") (นยปส.) | ปช | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า เนื่องจากในปัจจุบันเป็นช่วงเตรียมการเข้าสู่การปฏิรูปประเทศและมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานของรัฐที่จัดหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ โดยใช้งบประมาณของทางราชการ ชะลอการรับภาคเอกชนและข้าราชการที่เกษียณอายุไว้ก่อน ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้เข้ารับการอบรมและพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการปฏิรูปให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21538 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทรัพย์สินถาวรไม่รวมที่ดินไม่เกินสองร้อยล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างนักเรียนหรือนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาแผนกวิชาบัญชี สามารถหักรายจ่ายได้สองเท่าของที่จ่ายจริง สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการจ้างงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับนักศึกษากลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งประโยชน์ที่ SMEs และทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ การเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน นักศึกษาในการพัฒนาความรู้ ความสามารถให้ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพบัญชี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในการจ้างงาน รวมทั้งการเร่งประชาสัมพันธ์ให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ และผู้ประกอบการภาคเอกชนให้รับรู้และเข้าใจในมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
21539 | การบริจาคเงินอุดหนุนแก่ฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล | กต | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนแก่ฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ปีละ ๑๐,๐๐๐ ฟรังก์สวิส (๓๖๔,๕๖๘ บาท) เป็นระยะเวลา ๔ ปี นับแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถใช้จ่ายจากงบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๔๔๔,๕๖๗,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
21540 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | ยธ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ) โดยการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ส่วนใหญ่สามารถดำเนินการจนบรรลุผล แต่ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ (๑) ยังมิได้มีการจัดทำรูปแผนที่สำหรับสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับอนุบาลเนื่องจากระยะเวลาไม่เพียงพอ (๒) การพิจารณาทบทวนเขต Zoning ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ยังต้องใช้เวลาในการดำเนินการเพิ่มเติม และยังมีข้อควรพิจารณาเสนอเป็นพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ และ (๓) การสำรวจข้อมูลของเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ข้อมูลจากหลายฝ่าย และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ รวมทั้งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ๑.๒ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการจัดทำรูปแผนที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระดับประถมศึกษาออกไปอีก ๑๘๐ วัน และให้ชะลอการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระดับอนุบาลเพื่อประเมินการดำเนินการในภาพรวม ๑.๓ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาทบทวนเขตสถานบริการ (Zoning) ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการออกไปอีก ๑๘๐ วัน ๒. ในส่วนของการกำหนดแนวเขตบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา นั้น คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติในหลักการไว้แล้ว ดังนั้น เมื่อกระทรวงยุติธรรมดำเนินการแล้วเสร็จและหากจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมพิจารณาในการดำเนินการตามมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
.....