ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1075 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21481 - 21500 จากข้อมูลทั้งหมด 124297 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21481 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าจริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ .... | ทส | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าจริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติ ป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าแม่จริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมเนื้อที่ ๑,๖๒๘ ไร่ ๒ งาน ๖๗ ตารางวา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21482 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๒๕ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติ ในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ และแจ้งให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับเทศบาลเมืองพิจิตร กรณีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรียกร้องให้เทศบาลเมืองพิจิตรชำระค่ากระแสไฟฟ้าส่วนที่เกินสิทธิการใช้กระแสไฟฟ้าสาธารณะเป็นเงินจำนวน ๕๔๖,๗๗๔.๕๑ บาท เพื่อให้ได้ข้อยุติในปัญหาที่ว่าการใช้กระแสไฟฟ้าในศูนย์บริการสาธารณสุขของเทศบาลทั้ง ๖๖ แห่ง ที่มีข้อตกลงโอนกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าสาธารณะอันจะได้รับสิทธิยกเว้นค่ากระแสไฟฟ้าหรือไม่ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติพิจารณาทบทวนในประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21483 | รายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบาย "การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม" ของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสารสนเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสารสนเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง “การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ซึ่งเห็นว่าในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยฐานความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ควรเชื่อมโยงองค์ความรู้อันอาศัยกลไกหลักที่เป็นความร่วมมือระหว่างเครือข่ายมหาวิทยาลัย ชุมชนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดกลุ่มเครือข่ายการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21484 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สว | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การออกกฎกระทรวงของกระทรวงแรงงานเพื่อกำหนดประเภทของสถานประกอบกิจการและการดำเนินการของสถานประกอบกิจการ กระทรวงแรงงานควรพิจารณาออกกฎกระทรวงให้ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกจ้างหรือคนงานที่ทำงานในสถานประกอบกิจการประเภทก่อสร้างนอกที่ตั้งของสำนักงานปกติหรือกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือด้วย ๑.๒ กรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรแต่งตั้งผู้แทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนและนักวิชาการที่ทำงานด้านสุขภาวะทางเพศเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กรมอนามัยควรมีการจัดทำกระบวนการคุ้มครองหรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไข และเยียวยาปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ๑.๔ ในกรณีที่มีการกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม ควรคำนึงถึงสิทธิของวัยรุ่นที่จะได้รับในประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ โดยเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21485 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สาย ง๑ ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองอุตรดิตถ์ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21486 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิการจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ พ.ศ. .... | ศธ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิการจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้ผู้ซึ่งมีความประสงค์และมีความพร้อมเข้ามาช่วยรัฐเป็นผู้จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในรูปแบบศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาหามาตรการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21487 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติในจังหวัดจันทบุรี | สว | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติในจังหวัดจันทบุรี ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพปัญหาการตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติในจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ การครอบงำตลาดผลไม้ของธุรกิจโรงคัดบรรจุผลไม้ของผู้ประกอบการชาวจีน ระบบภาษีและมาตรการนำเข้าที่แตกต่างกัน และการใช้มาตรการนำเข้าเพื่อควบคุมสินค้า ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานและข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21488 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย | ทส | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ในส่วนที่ ๓ บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และส่วนที่ ๔ องค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๓ แก้ไข ข้อ ๓.๑ จากเดิม รองอธิบดี รับผิดชอบงานคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็น รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน ๒ คน ซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำมอบหมายเป็นรองเลขาธิการ ๒. ส่วนที่ ๔ ๒.๑ ยกเลิก องค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในลำดับที่ ๒ (ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) และลำดับที่ ๓ (รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพยากรน้ำในแผ่นดิน) ๒.๒ แก้ไขเพิ่มเติม ลำดับที่ ๔ จากเดิม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำเป็นเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วม เป็น อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำเป็นเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และเป็นผู้แทนไทยในคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ๒.๓ แก้ไขเพิ่มเติม ลำดับที่ ๕ จากเดิม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำผู้รับผิดชอบงานคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วม เป็น รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน ๒ คน ซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำมอบหมายเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และเป็นผู้แทนถาวรไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21489 | การขอปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ จำนวน ๔ คน โดยให้มีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้
๑. ลำดับที่ ๗ เปลี่ยนจาก อธิบดีกรมการบินพลเรือน กรรมการ เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการ ๒. ลำดับที่ ๘ เปลี่ยนจาก รองอธิบดีกรมการบินพลเรือน (ฝ่ายเศรษฐกิจ) กรรมการและเลขานุการ เป็น รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและเลขานุการ ๓. ลำดับที่ ๙ เปลี่ยนจาก ผู้อำนวยการสำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการบินพลเรือน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็น ผู้จัดการฝ่ายการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๔. ลำดับที่ ๑๒ เปลี่ยนจาก หัวหน้ากลุ่มความตกลงและเจรจาสิทธิการบิน สำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการบินพลเรือน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็น หัวหน้ากองความตกลงระหว่างประเทศ ฝ่ายการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21490 | รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553) | ทก | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓) ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้พิจารณารายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าวแล้ว ได้แก่ ด้านรูปแบบองค์กร ด้านการสรรหาองค์อำนาจ ด้านงบประมาณ ด้านสำนักงาน ด้านการตรวจสอบภายใน ด้านการบริการกองทุน ด้านการติดตามและประเมินผล รวมทั้งด้านการวินิจฉัยข้อพิพาทและการประนีประนอม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหามาตรการกำกับดูแลสถานีวิทยุชุมชนให้มีประสิทธิภาพ โดยแบ่งประเภทของสถานีวิทยุ เช่น สถานีวิทยุด้านศาสนา และกำหนดวิธีการกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้เหมาะสมตามแต่ละประเภทต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21491 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ จาก “การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ จากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน” เป็น “ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ สำหรับรายรับจากการบริหารเงินให้แก่วิสาหกิจในเครือทั้งหมด” โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้สามารถใช้ฐานเงินดอลลาร์สหรัฐในการคิดภาษีของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) เพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติมีการจัดตั้ง IHQ รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินในไทยโดยรวมมากขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ) ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
21492 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เรื่อง การเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว | พม | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวที่มิได้กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๗ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว การประชุมเจรจาเพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลอาหรับเอมิเรตส์ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21493 | รายงานสถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนและมาตรการในการลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนและมาตรการในการลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้
๑. สถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือน สัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง ๘ ปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนที่ขยายตัวของ GDP ทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๘๑.๑ ของ GDP ในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนและการขยายตัวของอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ๒. ผลกระทบของหนี้สินภาคครัวเรือนในปัจจุบันยังไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยมากนัก เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือนส่งผลกระทบต่อ NPL ในระบบสถาบันการเงินในระดับต่ำแม้ว่าคุณภาพสินเชื่อจะด้อยลงบ้างแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนในปัจจุบันยังทรงตัวในระดับสูงแต่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ และยังขยายตัวช้ากว่าการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน และไม่ได้ทำให้ภาระการผ่อนชำระสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากนัก และหนี้สินจากบัตรเครดิตมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับหนี้สินภาคครัวเรือนทั้งหมดและมีอัตราการขยายตัวชะลอลง ๓. ความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การส่งเสริมการเพิ่มรายได้ โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายย่อยผ่าน ธ.ก.ส. การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การให้ความคุ้มครองผู้ที่เป็นลูกหนี้ การให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ของกระทรวงการคลัง และมาตรการบรรเทาภาระหนี้สินของผู้ถือบัตรเครดิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21494 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 1 | กษ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย (๑) มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด (๒) มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน (๓) มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร (๔) มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง (๕) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ (๖) มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน (๗) มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (๘) มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนสินเชื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน การให้ความช่วยเหลือของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยแล้ง เป็นต้น และ (๙) การให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น การแจกจ่ายน้ำสะอาด เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล ซ่อมเครื่องสูบน้ำบาดาล และซ่อมระบบประปา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21495 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2558 | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมรับทราบองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ของ คจร. และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คจร. ผลการดำเนินงานของ คจร. ผลการดำเนินงานของอนุกรรมการภายใต้ คจร. ผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทด้านการขนส่งและจราจรในเมืองภูมิภาคจังหวัดลำปาง แนวทางการดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเมืองภูมิภาค ผลการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และโครงข่ายทางหลวงและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางพิเศษ รวมทั้งพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. การดำเนินการโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร การรายงานผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ การขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมีนบุรี (สุวินทวงศ์) การแก้ไขกฎหมายทางด้านการจราจรเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่และอายุการใช้งานของรถโดยสารสาธารณะ และโครงการที่จะส่งเสริมให้ประชาชนในเมืองออกไปอยู่นอกเมือง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21496 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) | ตช | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มวิธีการและสถานที่ชำระค่าปรับตามใบสั่งสำหรับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๔) ไปพิจารณาดำเนินการโดยศึกษาเปรียบเทียบอัตราโทษปรับให้มีความเหมาะสม รวมทั้งศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายจราจรทางบก เช่น ประเด็นเกี่ยวกับอัตราโทษ การเพิ่มโทษปรับในกรณีที่มีการชำระค่าปรับล่าช้า หรือประเด็นเกี่ยวกับอายุความของคดีจราจร เป็นต้น ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเหมาะสมที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว ไม่กระทำความผิดซ้ำ และเป็นการสร้างวินัยจราจรให้แก่ผู้ขับขี่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21497 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม พ.ศ. .... | นร09 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อรวบรวมข้อมูลและสภาพปัญหาและกำหนดแนวทางในการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งบดำเนินงาน ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรมควรให้ครอบคลุมผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายเล็ก ในแต่ละประเภท ประชาชนและเกษตรกรที่มีรายได้น้อย และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรมควรรับฟังความคิดเห็น สร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในสาระสำคัญของร่างระเบียบฯ กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบเกษตรพันธสัญญาให้ครบถ้วน และในขั้นตอนของกระบวนการยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม พ.ศ. .... ควรนำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ที่ได้นำเสนอคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสภาปฏิรูปแห่งชาติมาพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้การยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาที่เป็นที่ธรรม พ.ศ. .... มีความครอบคลุมและสมบูรณ์มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
21498 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... | นร09 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาความสอดคล้องของตำแหน่งพนักงานสอบสวนตามร่างพระราชบัญญัตินี้กับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน สั่ง ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ อีกครั้งหนึ่ง และให้รายงานรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ทราบ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
21499 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือนักเรียนหรือนักศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก โดยนักเรียนหรือนักศึกษาผู้ได้รับเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษามีหน้าที่ต้องคืนเงินให้กองทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในการกำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อใช้กับการติดตามหนี้สำหรับการกู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคตก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ และให้รับความเห็นของสำนักงานศาลปกครอง และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดเวลาคืนเงินให้กองทุนภายใน ๓๐ วันนับถัดจากวันที่มีหนังสือแจ้งการบอกเลิกการกู้ยืมเงิน เป็นการกำหนดระยะเวลาที่สั้นเกินไป และควรกำหนดให้กองทุนเป็นผู้แจ้งรายชื่อผู้กู้ยืมเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินได้เป็นผู้ตรวจสอบ รวมทั้งควรกำหนดให้หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจ้างสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ มีความชัดเจน รัดกุม โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระคืนของนักเรียนหรือนักศึกษาผู้กู้ยืมเป็นสำคัญ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาที่เห็นควรให้มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบในการบริหารจัดการหนี้ การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งออกแบบให้ผู้กู้ยืมเงินแสดงตนหรือยืนยันสถานภาพการกู้ยืมเงินอย่างน้อยปีละครั้ง พร้อมทั้งจัดระบบฐานข้อมูลผู้กู้ยืมเงินอย่างเป็นระบบ และควรกำหนดแนวปฏิบัติหรือข้อตกลงที่ชัดเจนอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของสถานศึกษาและผู้กู้ยืมเงินที่มีต่อกองทุน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กำหนดมาตรการในการติดตามการชำระหนี้ที่เหมาะสม เคร่งครัด และเป็นธรรมตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
21500 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร พ.ศ. .... | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนในการปฏิบัติตามความตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีแต่ละฉบับ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ (Competent Authority) และให้อำนาจผู้มีหน้าที่รายงานในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามความตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาว่าในการดำเนินการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA) กรมสรรพากรของไทยจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของบุคคลและนิติบุคคลไทยที่ประกอบธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างไรเพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีในประเทศไทยต่อไปด้วย |
.....