ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 24/01/2554 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยามคำว่า “กระทรวง” “สภาวิชาการ” “วิทยาเขต” “คณะ” “บัณฑิตวิทยาลัย” “สำนัก” เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ๑.๒ กำหนดให้สภาสถาบันการพลศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของสถาบันตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ๑.๓ กำหนดให้สถาบันการพลศึกษาเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๑.๔ กำหนดเพิ่มบัณฑิตวิทยาลัยเป็นส่วนราชการในสถาบันการพลศึกษา เพื่อยกฐานะให้สถาบันการพลศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างหลากหลายสาขา และสามารถจัดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นได้ ๑.๕ แก้ไของค์ประกอบของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้อธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการสภาสถาบันโดยตำแหน่ง และให้สภาสถาบันแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหนึ่งซึ่งมิใช่กรรมการสภาสถาบัน เป็นกรรมการและเลขานุการสภาสถาบันโดยคำแนะนำของอธิการบดี ๑.๖ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอนุมัติหลักสูตรการศึกษาของสถาบัน การแต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี รองอธิการบดีประจำวิทยาเขต ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี คณบดี หัวหน้าส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ฯลฯ รวมทั้งวางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบัน ๑.๗ แก้ไขวิธีการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบัน และการพ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งแก้ไขคุณสมบัติของอธิการบดี รองอธิการบดี และรองอธิการบดีประจำวิทยาเขต ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้สภาสถาบันการพลศึกษาวางระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการเงินโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของส่วนราชการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนการกำหนดให้สถาบันพลศึกษาเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เห็นควรนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ที่ให้ระงับการจัดตั้งหรือขยายหน่วยงาน มาประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ด้วย นอกจากนี้ บทบัญญัติมาตรา ๗ วรรคสอง ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติฯ ที่บัญญัติว่า “ให้สถาบันการพลศึกษามีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” นั้น โดยผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ สถาบันการพลศึกษามีสถานะเป็นส่วนราชการ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงไม่จำเป็นต้องมีข้อความตอนท้ายที่บัญญัติให้สถาบันเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณอีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
.....