ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินโครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 | พณ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้แก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์
ด่วนที่สุด ที่ พณ ๐๔๑๔/๒๑๑ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๕
และในสิ่งที่ส่งมาด้วยให้เหมาะสม จากเดิม “ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด” หรือ
“ในราคาถูกกว่าท้องตลาด” เป็น “ในราคาประหยัด” ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการการจัดทำโครงการพาณิชย์...ลดราคา!
ช่วยประชาชน ปี ๒๕๖๕ เพื่อจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาด
ระยะเวลาดำเนินการ ๙๐ วัน เช่น กิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย
กิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) และจากภาวะการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรคระบาดจากสัตว์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์ขอทำความตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๗/๓๐๕๑ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๕) ไปร่วมหารือและวางแผนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเพื่อการบริโภค
ตั้งแต่ในระดับต้นน้ำ (การผลิต) กลางน้ำ (การแปรรูป) จนกระทั่งปลายน้ำ
(การจำหน่วย) ให้มีระดับราคาที่พอเหมาะ และสามารถสะท้อนต้นทุนการผลิตได้อย่างเหมาะสม
ควรให้มีการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทั่วถึง
และให้กระทรวงพาณิชย์รวบรวมประมวลผล และประเมินความสำเร็จของโครงการลักษณะเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจากไม่เกินร้อยละ ๔๐
เป็นไม่เกินร้อยละ ๖๐ ของเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
เฉพาะแผนการลงทุนหลัก
เพื่อเป็นการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายในต่างประเทศ
และเพิ่มความหยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
ให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าว กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ควรพิจารณากำหนดให้มีกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดของสมาชิกต่อไปด้วย
และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง
เพื่อให้การบริหารกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้สมาชิกได้รับทราบการเปลี่ยนนโยบายการลงทุนดังกล่าวด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2564 | นร.11 สศช | 28/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๔ เช่น ผู้มีงานทำลดลงร้อยละ ๐.๖
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า ๑๔.๒๗ ล้านล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๐ จากร้อยละ ๔.๗ ในไตรมาสก่อนหรือคิดเป็นร้อยละ ๘๙.๓ ต่อ GDP (๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓
เรื่อง ได้แก่ ๑) มรดกทางวัฒนธรรม โอกาสของ Soft Power กับการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย
๒) Blockchain กับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐ
และ ๓) จัดการปัญหาน้ำท่วมในต่างประเทศ : บทเรียน สำหรับประเทศไทย และ (๓)
บทความเรื่อง “โควิด-๑๙ ภัยต่อสุขภาพ กับความยากจนและความเหลื่อมล้ำ”
ซึ่งพบว่าความยากจนไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเหมือนที่คาดการณ์ไว้
ส่วนความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โดยเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือเยียวของรัฐบาลที่ทำให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถรักษาระดับค่าครองชีพได้ชั่วคราว
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | ศอบต. | 28/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน จำนวน ๑๐ เรื่อง ภายใต้ชื่อ “๑๐ ของขวัญรัฐบาล
สู่ใจประชาชน” ได้แก่ (๑) แก้ไขปัญหาคนจนในระบบ TP-MAP (๒)
ปักหมุดการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจเด็กพิเศษ (๓)
ผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตพัฒนาพิเศษเศรษฐกิจฐานราก (๔)
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง (๕) จัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก (๖) New
Skill, Up skill และ RE-Skill เพื่อแก้ไขปัญหาคนว่างงานและมีรายได้ไม่เพียงพอ (๗) เปิดเขตพิเศษความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
Limor Dasar (๘)
จัดตั้งศูนย์พัฒนาการปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ประชารัฐ (๙) การประชุมสุดยอดผู้นำระดับของโลกอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๑๐) แก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการต่ำในเด็กเล็กเร่งด่วน
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | การทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 | กค. | 28/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ซึ่งในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้พิจารณาพื้นที่ทางการคลัง ณ
เพดานหนี้สาธารณะปัจจุบัน พบว่า การกำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP
ณ เพดานปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๖๐ นั้น
จะไม่สามารถรองรับการกู้เพิ่มเติมในอนาคตได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ส่งผลให้เงื่อนไขและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่มีการกำหนดสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐจึงมีมติเห็นชอบการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะต่อ
GDP จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกินร้อยละ ๖๐ เป็น ต้องไม่เกินร้อยละ
๗๐ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | รายงานสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย | นร.12 | 28/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า
การแก้ไขปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ซึ่งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยมีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการเพิ่มเติม
โดยให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาจากกรณีเช่าซื้อรถและการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม
นั้น หากเป็นกรณีการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้
หรืออาจยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | กค. | 07/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๗ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙
และในปี ๒๕๖๕ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๗
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙ โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวและสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2564 | ศอบต. | 07/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
(๖ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(๒)
รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความยั่งยืน
(๔)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน (๕)
รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วนและการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๖) รายงานความก้าวหน้าการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่
สำหรับดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
“เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา (๔ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
การขยายผลโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒)
ขออนุมัติหลักการโครงการแก้ไขปัญหาสุขภาวะและภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๓)
ขออนุมัติหลักการและกรอบวงเงินโครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๔)
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองร่างยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | ร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting - GRB : A Practical Handbook) | พม. | 07/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการของร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
โดยร่างคู่มือฯ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบูรณาการมุมมองเพศภาวะเข้าสู่กระบวนการจัดการงบประมาณทั้งรายรับและรายจ่าย
เพื่อให้การตัดสินใจในการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด
เหมาะสมกับบริบทความต้องการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
และสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ การวิเคราะห์ความต้องการ
โอกาส ข้อจำกัด และการเข้าถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันของหญิงและชายที่จะต้องคำนึงถึงในกระบวนการงบประมาณ
โดยนำปัจจัยต่าง ๆ มาวิเคราะห์ เช่น อายุ อัตลักษณ์ทางเพศ ระดับการศึกษา ความพิการ
สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะและแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นก่อนดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานต่าง
ๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะเบื้องต้น
และสามารถนำแนวทางการจัดทำงบประมาณฯ มาปรับใช้ในการจัดสรรทรัพยากร
และงบประมาณของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องนำคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะพร้อมแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะที่ได้ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้วไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณต่อไป
รวมทั้งเผยแพร่คู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เป็นที่รับรู้ทั่วไป
และแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... (การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564) | ยธ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ทรงมีแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
โดยมีการตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ โดยในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ สมควรจะมีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว
ซึ่งเป็นคนเจ็บป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น
คนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียงหรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
คนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และคนเจ็บป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 - 2565 | นร.11 สศช | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๔ และแนวโน้มปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๓
เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ลดลงจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๔ ร้อยละ ๑.๑ (QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรก ของปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๑.๓ โดยด้านการใช้จ่าย
การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ขณะที่การส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน
และการใช้จ่ายภาครัฐบาลขยายตัว การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ
๔.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล
การลงทุนรวมโดยการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น
เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ รถยนต์นั่ง และลดลงในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าลดลง
ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการผลิต
สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสาขาก่อสร้าง สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และประมง
สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร สาขาการเงิน ขยายตัว
การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการไฟฟ้าและก๊าซ สาขาการขายส่งการขายปลีกและการซ่อมแซมฯ ลดลงต่อเนื่อง ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ
จากการลดลงร้อยละ ๖.๑ ในปี ๒๕๖๓ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒
และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๒.๕ ต่อ GDP เทียบกับการเกินดุลร้อยละ ๔.๐ ต่อ GDP ในปี ๒๕๖๓ ๓.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า
ๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงและความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน (๒) การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
ของภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ (๓)
การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า (๔)
การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และ (๕) ฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ ๔.๙
ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๔.๒
ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๖ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๐.๙-๑.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP ๔.
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของในปี ๒๕๖๔ และ ปี ๒๕๖๕ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด (๒) การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ
(๓) การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ
(๔) การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า (๕) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๖)
การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และ (๗) การติดตามและเฝ้าระวังความผันผวนของภาคเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 12/2564 | นร.11 สศช | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ (Baiya) ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙
ChulaCov๑๙ mRNA เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม
และการผลิต เพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรอบวงเงินรวม ๒,๓๑๖.๘๐๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป (๓)
เห็นชอบในหลักการโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ (Baiya)
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรอบวงเงิน ๑,๓๐๙.๐๐๐๐ ล้านบาท
โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เร่งจัดทำแผนบริหารวัคซีนทั้ง ๒ ชนิด ให้ครบถ้วนชัดเจนในทุกขั้นตอน ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (Baiya) ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2564 | สช. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
(กขป.) ต่อไป ซึ่งประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานของ กขป. เช่น ประเด็นสุขภาวะกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเปราะบางทางสังคม
ประเด็นอาหารปลอดภัย (๒) ข้อค้นพบสำคัญ กรรมการผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีแนวโน้มการมีส่วนร่วมในการประชุมน้อย
ส่งผลให้การบูรณาการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในเขตพื้นที่เป็นการทำงานของ
กขป. ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
ทำให้การบูรณาการภารกิจและบทบาทหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบยังไม่เกิดขึ้นมากนัก
รวมทั้งยังไม่สามารถผลักดันเป็นนโยบายของหน่วยงานภาครัฐได้ (๓)
ปัจจัยความสำเร็จของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เช่น ความเข้าใจเรื่องบทบาทหน้าที่ของ
กขป. และ (๔) ข้อเสนอแนะสำหรับพัฒนา เช่น ควรสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ข้อเสนอของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เช่น ควรมีกระบวนการสนับสนุนให้ กขป. เกิดความเป็นเจ้าของในการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่
ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพเชิงระบบ สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการ ๆ
ของภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
รวมถึงควรมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2564 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ เช่น (๑)
เป้าหมายนโยบายการเงิน กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นระดับที่เหมาะสมกับพลวัตเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
รวมทั้งเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย (๒)
ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในช่วงครึ่งแรกของปี
๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๑ หดตัวร้อยละ ๒.๖ จากระยะเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่หดตัวสูงร้อยละ
๔.๒ คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๑.๘ ในปี ๒๕๖๔
และจะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ ๓.๙ ในปี ๒๕๖๕ และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงิน
(อัตราดอกเบี้ย) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๔ กนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | ขอความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน พ.ศ. 2564–2568 (ASEAN Gender Mainstreaming Strategic Framework 2021-2025) | พม. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรีของประเทศไทยมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025)
ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียนพ.ศ.
๒๕๖๔–๒๕๖๘
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน 2564) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๔) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย (๑)
ภาวะเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๔ ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ
๒.๐ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศเปราะบางมากขึ้น
ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังคงเข้มแข็ง และ (๒)
การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน
และแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตามโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย
กับการสร้างและขยายถนนเชื่อมต่อ เพื่อการแก้ไขปัญหาและลดภาวะวิกฤติการจราจรที่จะเกิดขึ้น
อันจะส่งผลให้การเดินทางระหว่างพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยามีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2564 | นร.11 สศช | 21/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี ๒๕๖๔
ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสอง ปี ๒๕๖๔ เช่น การจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ
๒.๐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า ๑๔.๑๓ ล้านล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๖ จากร้อยละ ๔.๑ ในไตรมาสก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๙๐.๕ ต่อ GDP (๒) การพัฒนาคนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
Education Technology : เครื่องมือสำคัญในการเปิดกว้างทางการศึกษาและบทบาทสื่อกับบริบทสังคมไทย
และ (๓) บทความเรื่อง “ประเทศไทยกับความพร้อมของรูปแบบการทำงานที่บ้าน”
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | การแก้ไขกฏหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา | นร. | 21/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า
เนื่องจากได้รับแจ้งจากองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency : WADA) ว่า
ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติด้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับประมวลกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World
Anti-Doping Code)
ที่บังคับใช้ทั่วโลกทุกชนิดกีฬา เช่น
การกำหนดให้หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบการใช้สารต้องห้ามของประเทศไทยเป็นหน่วยงานอิสระ
แก้ไขบทนิยามเกี่ยวกับสารต้องห้ามทางการกีฬา เป็นต้น
ซึ่งหากประเทศไทยดำเนินการแก้ไขกฎหมายล่าช้า จะส่งผลให้ประเทศไทยไม่สามารถส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬานานาชาติหรือเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬานานาชาติได้
อันจะทำให้กระทบต่อวงการกีฬาของประเทศและภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อนานาประเทศ
รวมทั้งอาจสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก
จึงควรแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วภายใน ๓-๔ เดือน ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) รายงาน ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย
ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.
๒๕๕๕ ให้สอดคล้องกับประมวลกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก โดยให้พิจารณารูปแบบความเหมาะสมที่จะตราเป็นกฎหมายตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หรือตราเป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไปโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 | กค. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๒ ปี
๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่
๒ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๑.๘ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินคณะกรรมการนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๖.๐ และ ๔.๑ ตามลำดับ
ส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน ซึ่งภาวะการเงินโลกอาจเริ่มตึงตัวในระยะต่อไป
และ (๓) แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ
๑.๘ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙
โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|