ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 70 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1381 - 1400 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1381 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2550) | มท | 07/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 1-6 สิงหาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 4 จังหวัด 9 อำเภอ 16 ตำบล 59 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย อุบลราชธานี และศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต 1 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) สูญหาย 2 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) ราษฎรเดือดร้อน 6,500 คน 1,250 ครัวเรือน อพยพผู้ ประสบภัย 315 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 10 หลัง ถนน 16 สาย พื้นที่การเกษตร 1,157 ไร่ บ่อปลา 14 บ่อ ฝาย 7 แห่ง พนังกั้นน้ำ 2 แห่ง เหมือง 1 แห่ง ประปาภูเขา 6 แห่ง ฯลฯ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 3,450,000 บาท โดยสถานการณ์อุทกภัยปัจจุบันที่จังหวัดน่าน และจังหวัดเชียงรายยุติแล้ว เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2550 โดยยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ ได้มีประกาศเตือนภัยจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 16 (216/2550) ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2550 เรื่อง พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ จะส่งผล ให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ซึ่ง สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ดังกล่าว โดยให้จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่นลมแรง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1382 | นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2554 | นร | 01/08/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอร่างนโยบายความมั่นคงแห่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1383 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2550) | มท | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 3 จังหวัด 3 อำเภอ 5 ตำบล 22 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พังงา และเชียงราย ราษฎรได้รับความเดือด ร้อน 820 คน 164 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 14 หลัง ถนน 2 สาย ความเสียหายด้านอื่นอยู่ระหว่าง การสำรวจ โดยสถานการณ์อุทกภัยทุกจังหวัดยุติแล้วตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2550 ในการนี้ กรมอุตุนิยม วิทยาได้ประกาศเตือนภัย เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้และคลื่นลมแรง รวมทั้งสำนักเลขาธิการป้องกัน ภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศดังกล่าว และให้จังหวัดที่ คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่นลมแรง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1384 | แผนบรรเทาภาวะโลกร้อนด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติใน
หลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแผนบรรเทาภาวะโลกร้อนด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายให้พื้นที่ ที่ปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและพื้นที่นำร่องที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดความแห้งแล้งและเสื่อมโทรมซ้ำซาก จำนวน 18.6 ล้านไร่ ได้รับการดูแลป้องกันและแก้ไขปัญหาจากผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ระยะเวลาดำเนินงานตั้ง แต่เดือนตุลาคม 2550-กันยายน 2554 รวม 4 ปี และให้คณะกรรมการนโยบายเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่ง ชาตินำแผนดังกล่าวไปบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและการแก้ไขปัญหาด้านการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนงบประมาณในการ ดำเนินการตามแผนงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรอง ฯ ที่เห็นว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดิน) เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันผลกระทบจากภาวะโลกร้อน (เป้าหมาย 50,000 ไร่) จำนวน 40 ล้านบาท ดังนั้น ในเบื้องต้น เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามแผนงานภายใน วงเงินงบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ไปก่อน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1385 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "น้ำเสียในแม่น้ำปราจีนบุรี - บางปะกง กรณีเปิดประตูน้ำคลองสารภี" | สสป | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "น้ำเสียในแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง กรณีเปิดประตูน้ำคลองสารภี" และเห็นชอบตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยในส่วนของสภาที่ปรึกษา ฯ มีความเห็นสรุปได้ดังนี้ ให้แจ้งข้อมูลให้ประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทราทราบเกี่ยวกับเหตุปัจจัยที่ทำให้น้ำเสียและผลกระทบต่อแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง จาก การเปิดประตูน้ำที่คลองสารภี และให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการ ดูแลรักษาแม่น้ำและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และจัดทำข้อตกลงร่วมในการกำหนด ระบบการปิด-เปิดประตูน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการตรวจ สอบคุณภาพน้ำ เพื่อเป็นศูนย์เฝ้าระวัง และให้หน่วยงานราชการสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนและชุมชนให้มีบท บาทในการประสานงานเชื่อมโยงชุมชนและกลุ่มต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดข้อตกลงร่วมและสร้างกลไกการบริหารจัด การ รวมไปถึงการติดตามและเฝ้าระวังสภาวะของน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนองค์กรประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และสถาบันวิชาการให้มีการศึกษารวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในจุดต่าง ๆ ที่สำคัญ นอกจากนี้ ให้หน่วยราชการรับไปศึกษาขีดความสามารถการรองรับมลภาวะทางน้ำจากแหล่งอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงาน อุตสาหกรรมนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม และให้จัดทำแผนในการเฝ้าระวังการก่อให้เกิดมลภาวะในลำน้ำโดยเร่งด่วน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการดูแลรักษาแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง ในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1386 | การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 | นร | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
เรื่อง การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสังคมอันสืบเนื่องจากการอภิปรายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อจาก การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้ เรื่องคุณธรรมถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งควรมีการบูรณาการ ร่วมกันของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ขณะเดียวกันกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้ มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่ง เสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิ ภาพ และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลด้วย สำหรับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขควรหมายรวมไปถึงเรื่องสุขภาพ สุขภาวะ และอนามัยด้วย และส่งเสริมให้มีการบูรณาการแผนงานและงบประมาณการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากส่วนกลาง ที่ลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่น โดยให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ แจ้งแผนงาน/โครงการ และงบ ประมาณลงไปสู่จังหวัดและท้องถิ่นให้จังหวัดทราบ เพื่อให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนได้ ร่วมกันพิจารณาหารือเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ และงบประมาณดังกล่าว ว่าสมควรปรับปรุงแผนงาน/โครงการ หรือไม่ ประการใด เพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขท่านละ 2-3 จังหวัด และ ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ควรมีการศึกษาถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้ง 5 ด้าน ว่าการดำเนินงาน ตามนโยบาย ได้ดำเนินงานไปแล้วเกิดผลอย่างไร ควรมีการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร หรือไม่ และมีเรื่องใดสมควร กำหนดเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคตโดยอาจจัดให้มีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของราช การและเอกชน โดยเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้า ของเรื่องร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยศึกษาวิจัยในเรื่องดัง กล่าว ทั้งนี้ อาจขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอข้อแนะนำเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1387 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2550) | มท | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 4-9 กรกฎาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 2 จังหวัด 2 อำเภอ 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดตราด และกาญจนบุรี ราษฎรเดือดร้อน 1,135 คน 260 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 27 สาย สะพาน 1 แห่ง พื้นที่การเกษตร 7,600 ไร่ บ่อปลา 15 บ่อ ความเสียหายด้านอื่น ๆ อยู่ ระหว่างการสำรวจ รวมทั้งมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้ง 2 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2550 สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จังหวัด/อำเภอ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว นอก จากนี้ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดต่าง ๆ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่น ลมแรง อันเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอ่าวไทย และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ในช่วง ระหว่างวันที่ 6-12 กรกฎาคม 2550 โดยให้ระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และ ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ไว้ให้ พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1388 | ขออนุมัติเสนอแผน 5 ปี รองรับการดำเนินงานการสำรวจภาวะสุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนไทย | สธ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอหลักการของแผน 5 ปี (พ.ศ. 2551-2555) รองรับการดำเนินงานการสำรวจภาวะ สุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนไทยเพื่อให้การดำเนินงานการสำรวจภาวะสุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนเกิด ความต่อเนื่อง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการกำหนดนโยบายสุขภาพและการจัดระบบสาธารณสุข และเป็นที่ยอมรับ ในมาตรฐานข้อมูลสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า การดำเนินการตามแผน ฯ เป็นลักษณะงานที่ต้องมีการดำเนินการในระยะยาว และประสานงานกับภาคเอกชนเป็น หลัก จึงควรประสานระดมทุนจากภาคีภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสนับสนุน เพื่อลดภาระการพึ่งพางบประมาณ จากภาครัฐด้วย และในการดำเนินการตามแผน ฯ ซึ่งผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงเพิ่มเติมว่าไม่ได้มีการตั้งหน่วย งานขึ้นใหม่แต่เป็นหน่วยงานที่มีอยู่แล้วในสังกัดของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ดังนั้น หากมีภารกิจใดที่เพิ่มขึ้น ก็ เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อลดภาระต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับภาครัฐโดยไม่จำเป็น และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณ รองรับการดำเนินงานดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 หาก สสส. ไม่สามารถสนับสนุนได้หรือให้การสนับ สนุนไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1389 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2550) | มท | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 25-30 มิถุนายน 2550 ซึ่งมีสาเหตุมาจากมรสุมตะวัน ตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนฟ้าคะนองบริเวณประเทศไทยตอนบน มีพื้นที่ประสบภัย รวม 3 จังหวัด 4 อำเภอ 1 กิ่ง อำเภอ ได้แก่ จังหวัดลำปาง แพร่ และจันทบุรี ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 5,042 คน 1,225 ครัวเรือน ถนนเสีย หาย 15 สาย สะพาน 5 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ความเสียหายด้านอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้นประมาณ 10,000,000 บาท โดยสถานการณ์อุทกภัยล่าสุดเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้ง 3 จังหวัดตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2550 สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบความเสียหายและ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นรวมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสถานการณ์ วาตภัย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงพัดบ้านเรือนราษฎรและสิ่งก่อ สร้างต่าง ๆ เสียหายในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา และสงขลา ซึ่ง จังหวัด/กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ ความช่วยเหลือแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1390 | การตรวจราชการและการติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัดชุมพร ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการตรวจราชการและการติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์
อยู่ดีมีสุขจังหวัดชุมพร ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 10 - 11 มิถุนายน 2550 สรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมได้ดังนี้ จังหวัดชุมพรได้รับการจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข เป็น เงิน 59 ล้านบาท มีโครงการที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 475 โครงการ ผ่านการกลั่นกรองและ จัดลำดับความสำคัญของโครงการ 392 โครงการ เป็นเงิน 58,982,622 บาท แบ่งตามยุทธศาสตร์ได้ดังนี้ ยุทธ ศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง 10,567,295 บาท ยุทธศาสตร์การพัฒนาและสร้างโอกาสชุมชน 28,432,778 บาท ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน 10,236,646 บาท ยุทธศาสตร์สงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูง อายุ 282,425 บาท และยุทธศาสตร์การบริการพื้นฐานแก่ประชาชน 9,463,478 บาท โดยทางจังหวัดได้โอนเงิน เข้าบัญชีหมู่บ้าน/ชุมชนที่เป็นหน่วยดำเนินการแล้ว 343 โครงการ และอีก 49 โครงการเป็นหน่วยราชการดำเนิน การ สำหรับปัญหาสำคัญของจังหวัดชุมพร อาทิ ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำและการสร้างตลาดกลางผลไม้ ปัญหามล ภาวะจากโรงงานปลาป่น โรงงานหีบน้ำมันปาล์ม และการเลี้ยงหมู่ในเรือนจำ และปัญหาการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง เนื่อง จากพบสารพิษตกค้างในหอยแมลงภู่ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ เป็นต้น และจากการตรวจติดตามการปฏิบัติงาน ตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัดชุมพร มีข้อสังเกตและความเห็นดังนี้ ยุทธศาสตร์สงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้ สูงอายุ มีโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ รวมทั้งการเสนอโครง การมีความซ้ำซ้อนกันในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะโครงการด้านปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ น้ำดื่ม ร้านค้าชุมชน การทำฝาย และสระว่ายน้ำเด็กเล็กซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบตามมาในภายหลัง นอกจากนี้ อำเภอควรมีหน้าที่ในการประสาน ภาพรวมการบูรณาการแผนชุมชนโดยพิจารณาถึงอุปสงค์ อุปทาน ของชุมชน เพื่อไม่ให้มีการจัดทำแผนงาน โครง การที่ซ้ำซ้อน และสามารถนำงบประมาณไปทำประโยชน์ในเรื่องอื่น ๆ ให้กับชุมชนได้ และการจัดทำแผนงาน โครง การ ต้องมาจากชุมชนอย่างแท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1391 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ 8 ณ ประเทศออสเตรเลีย | พน | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค
ครั้งที่ 8 (The 8th Meeting of APEC Energy Ministers : EMM 8) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะ ณ เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2550 โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในปฏิญญาดาร์วิน (Darwin Declaration of EMM 8) เพื่อจะร่วมมือกันส่งเสริมการจัดหา และใช้พลังงานเชื้อเพลิงหลักจากฟอสซิล (น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน) อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะให้ความ สำคัญแก่การพัฒนาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน และการพัฒนาพลังงานสะอาด เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรเทาปัญหาคุณภาพอากาศ และภาวะโลกร้อน (air quality and climate change) และได้หารือถึงการกระจายทางเลือกของแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า การวางมาตรการ ป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันในยามฉุกเฉิน การพัฒนาใช้พลังงานทดแทน และการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีบทบาท แข่งขันในกิจการพลังงานให้มากขึ้น ภายใต้กลไกตลาดที่เสรีและโปร่งใสในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และภายหลังการ ประชุม EMM 8 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าร่วมอภิปรายตอบข้อซักถาม (Panel Discussion) ในการ ประชุมเครือข่ายธุรกิจด้านพลังงานของเอเปค (APEC Energy Business Network) โดยได้กล่าวถึงนโยบายการค้า และการลงทุนในกิจการพลังงานของไทย มาตรการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานทดแทนในไทย และความจำเป็น ที่ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องมีการกระจายแหล่งพลังงานอย่างสมดุล เพื่อให้ราคาพลังงานมีความเหมาะสมและเป็น ธรรม มีปริมาณการจัดหาพลังงานอย่างเพียงพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจของประชาชนที่เพิ่ม ขึ้นได้อย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดการใช้พลังงาน รวมทั้งประชุมทวิภาคี เพื่อหารือข้อราชการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานกับรัฐมนตรีด้านพลังงานของประเทศออสเตรเลีย และอินโด นีเซีย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1392 | รายงานภาวะสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี 2550 | นร | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2550 ของสำนักงานคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยด้านคุณภาพคน อยู่ในเกณฑ์ดี ประชาชนมีงานทำอย่างทั่วถึงมีอัตรา การว่างงานเพียงร้อยละ 1.6 อัตราการเจ็บป่วยของประชาชนด้วยโรคเฝ้าระวังลดลงร้อยละ 7 มีความมั่นคงทางสังคม ดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเกิดคดีต่าง ๆ และการบาดเจ็บจากการทำงานลดลง สำหรับประเด็นที่ต้องให้ความ สนใจ ได้แก่ ปัญหายาเสพติด และการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสูบบุหรี่และดื่มแอล กอฮอล์ของเด็กและเยาวชน ปัญหามลพิษทางเสียงในเขตเมืองใหญ่ รวมทั้งปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตราย ต่อระบบทางเดินหายใจ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1393 | หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan - SAL) ในส่วนที่เหลือ | กค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้นำเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจในส่วนที่เหลือ จำนวน 3,384 ล้านบาท มาจัดสรรตามหลักเกณฑ์การพิจารณาดังนี้ เป็นแผนงาน/โครง การที่เร่งรัดการปรับโครงสร้างและการแก้ปัญหาของส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติ งาน และเป็นแผนงาน/โครงการด้านการศึกษา การวิเคราะห์วิจัย รวมทั้งการจ้างที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนการเสริม สร้างวิสัยทัศน์หรือกลยุทธ์ใหม่ เพื่อสนองตอบต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในส่วนที่เหลือให้ แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์การพิจารณา และให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการ ใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อพิจารณากลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะใช้เงินกู้ ดังกล่าวเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งปฏิบัติงาน หรือดำเนินการอื่นใดตาม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น โดยหลักเกณฑ์การจัดสรรควรครอบคลุมถึง แผนงาน/โครงการที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรม การพิจารณากลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่จะจัดตั้งขึ้น จากเดิม (2) "รองเลขาธิ การคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้แทน" เป็น "เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้แทน" ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1394 | กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 | สธ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการประกาศใช้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 ที่ได้รับการรับรองจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 และมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน และให้กระทรวงต่าง ๆ ให้ความ ร่วมมือในการเฝ้าระวั ง แจ้งข่าว และควบคุมภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และหากพบปัญหาอุปสรรคของการ ปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีหากมีข้อบท ใดในกฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปฏิบัติตาม ก็อาจตั้งข้อสงวน (reserva tion) ไม่รับข้อบทใดก็ได้ตามที่มาตรา 62 ของกฎอนามัย ฯ ได้ให้ทางเลือกไว้ ซึ่งการตั้งข้อสงวนหมายถึงคำแถลง การณ์ฝ่ายเดียวเพื่อมุ่งที่จะตัดออกหรือเปลี่ยนแปลงผลทางกฎหมายของบทบัญญัติบางตอน ทั้งนี้ หากเห็นควรที่ จะมีข้อสงวนใด ๆ ก็ให้แจ้งข้อสงวนและเหตุผลในการตั้งข้อสงวนไปพร้อมกับการแจ้งการยอมรับร่างกฎอนามัย ฯ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า กฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่มีเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การค้าระหว่างประเทศ (Part II-Information and Public Health Response, Article 9, 10) ซึ่งควรได้รับการ พิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกแจ้งองค์การอนามัยโลก (WTO) ทราบภาย ใน 24 ชั่วโมง ถ้าพบหลักฐานแสดงว่า การส่งออกหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศใด ๆ อาจก่อให้เกิดการแพร่ ระบาดของโรคติดต่อระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าหลังจากที่ WTO ได้รับแจ้งแล้วจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ จริงในเรื่องดังกล่าว (Verification) ก็ตาม แต่หากมีข่าวการแจ้ง WTO ว่าสินค้าของประเทศใดที่ส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศมีเชื้อโรคปนเปื้อน (Goods that are contaminated) ก็จะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาได้ และทำให้ ประเทศที่จะนำเข้าสินค้าดังกล่าวบางประเทศอาจเกรงกลัวต่อโรคระบาดดังกล่าว และระงับการนำเข้าจากสินค้า นั้นทันที ซึ่งประเทศผู้แจ้งอาจจะใช้ช่องว่างของกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าได้ เป็นต้น ไป พิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1395 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2550) | มท | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง บางส่วน 57 หลัง ถนนเสียหาย 153 สาย สะพาน 50 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ เป็นต้น มูลค่าความ เสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยเข้าสู่สภาวะปกติแล้วทั้ง 12 จังหวัด ด้าน การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในส่วนของสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ข้อมูล ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2550 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 46,391 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด มากกว่าปี พ.ศ. 2549 ซึ่งมีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 43,643 ล้าน ลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ มากกว่า 80% ของความจุอ่าง ฯ ได้แก่ อ่างเก็บ น้ำกระเสียว ศรีนครินทร์ หนองปลาไหล และบางลาง สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทก ภัยและดินถล่ม ได้แจ้งให้จังหวัดในพื้นที่เสียงภัยดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน จำนวน 51 จังหวัด ดำเนินการตรวจ สอบแผนป้องกันบรรเทาและการอพยพประชาชนจากอุทกภัยและดินถล่ม พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลกำลังบุคลากร เครื่องมือ เครื่องใช้ให้เป็นปัจจุบันและสามารถสนธิกำลังได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นรวมทั้งตรวจสอบความพร้อม ของหมู่บ้านในพื้นที่เสียงภัยจากอุทกภัยและดินถล่ม ว่ามีความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ กับ ให้หมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่เสียงภัยจัดฝึกอบรมการจัดการภัยพิบัติระดับชุมชน (Community Based Disaster Risk Management : CBDRM) และจัดตั้ง "มิสเตอร์เตือนภัย" เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการจัดการสาธารณ ภัยของชุมชนอย่างเป็นระบบ และตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตกว่ามีความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์ แจ้งเตือนภัยหรือไม่ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศและคำเตือน ของทางราชการ พร้อมทั้งเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะอุทกภัยและดินถล่มตลอดเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1396 | สรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ 1/2550 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2550 | นร | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ 1/2550 และแนวโน้มเศรษฐกิจ
ปี พ.ศ. 2550 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรก ที่ 1/2550 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ 4.3 เท่ากับการขยายตัวในไตรมาสที่ 4/2549 ในขณะที่เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพ เช่น อัตราเงินเฟ้อต่ำ การ จ้างงานยังเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในระดับสูง เป็นต้น ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2550 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0-4.5 และอัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ 2.0-2.5 ปรับลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ร้อยละ 4.0-5.0 และอัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ 2.5-3.0 สำหรับ มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี พ.ศ. 2550 ได้แก่ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2550 ของภาครัฐให้ได้ตามเป้าหมาย การกำกับดูแลให้สามารถจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ได้ตามกำหนด และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคการลงทุน อุตสาหกรรม และ การท่องเที่ยว การส่งเสริมการพัฒนาและใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง และการสร้างความมั่นใจในบรรยากาศ เศรษฐกิจและการเมือง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1397 | ขออนุมัติงบประมาณปี 2550 จากงบกลาง เพื่อเป็นค่าตอบแทนจ้างนักการภารโรง | ศธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
ในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐานดำเนินการจ้างนักการ ภารโรง จำนวน 8,745 อัตรา เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นให้โรงเรียนที่ไม่มีนักการภารโรง จำนวน 8,745 โรงเรียน ค่า จ้าง 4,880 บาท/เดือน ระยะเวลา 5 เดือน (1 พฤษภาคม-30 กันยายน 2550) ในวงเงิน 213,378,000 บาท ทั้งนี้ ให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ กรณีตำแหน่งนักการภารโรงเป็นตำแหน่งลูกจ้างประจำ ที่ได้ถูกยกเลิกตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้ยุบเลิกอัตราลูก จ้างประจำที่ว่างลงจากผลการเกษียณอายุราชการและลูกจ้างประจำที่ว่างลงระหว่างปี ทำให้ครูและนักเรียนต้องช่วย กันทำหน้าที่แทน อาจส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนได้ และโดยเฉพาะโรงเรียนชนบทที่ห่างไกลที่ต้องมีนักการ ภารโรงช่วยทำหน้าที่ดูแลและรักษาความปลอดภัยอีกด้วย สำหรับข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการอาจแก้ไขปัญหา ได้ในระยะสั้น ควรมีการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดในระยะยาว โดยอาจเสนอให้คณะทำงานที่จะพิจารณาเรื่องราย งานผลการศึกษาวิจัยเรื่องสภาวะการขาดแคลนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และข้อเสนอแนวทางแก้ ไขพิจารณาไปในคราวเดียวกัน รวมทั้งรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจาณาดำเนินการด้วย ส่วนงบประมาณ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานบริหารเงินงบประมาณปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายเงิน งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 หรือเจียดจ่ายจากเงินงบประมาณเหลือจ่าย และหากยังมีความจำเป็น จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้ขอรับการสนับสนุนจากสำนักงบประมาณตามความจำเป็น โดยให้ควรคำนึงถึงความ ประหยัดและความคุ้มค่าในการบริหารจัดการงบประมาณของภาครัฐ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1398 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยแผนปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากน้ำมันอาเซียน | คค | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ประเทศไทยเข้าร่วมลงนามในร่างข้อแก้ไขเพิ่ม
เติมบันทึกความเข้าใจว่าด้วยแผนปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากน้ำมันอาเซียน (Amendment to the Memorandum of Understanding of Association of Southeast Asian Nation on Oil Spill Response Action Plan) มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายจำนวนสมาชิกสำหรับความร่วมมือในการเตรียมการและการขจัดภาวะมลพิษจากน้ำมัน อันเกิดจากเหตุฉุกเฉินในภูมิภาค โดยการเสนอให้เพิ่มประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกบันทึกความ เข้าใจ ฯ และเพิ่มเติมหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานแห่งชาติ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในประเด็นอื่น ใด โดยให้อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างข้อแก้ไขบันทึก ความเข้าใจ ฯ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี) รับข้อสังเกตของกระทรวงกลาโหมไป พิจารณาดำเนินการด้วยว่า ภาระหน้าที่ของประเทศสมาชิกภายใต้แผนปฏิบัติการ ในส่วนของการอนุญาตให้ประเทศ สมาชิกอื่นเข้ามาในน่านน้ำของประเทศตนเพื่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน อาจเป็นช่องทางให้กัมพูชา และพม่า ที่อ้าง สิทธิ์ และมีพื้นที่ทางทะเลเหลื่อมทับกับไทยใช้เวทีนี้ในการอ้างสิทธิ์ โดยการจัดกำลังทางเรือประเทศตนเข้าดำเนินการ ขจัดคราบน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) หรือแสดงความเป็นเจ้าของอนุญาตให้ประเทศอื่นเข้ามาปฏิบัติการขจัดคราบ น้ำมันในพื้นที่เหลื่อมทับดังกล่าวจึงสมควรที่ศูนย์การติดต่อเพื่อบังคับใช้บันทึกความเข้าใจของไทย (กรมการขนส่งทาง น้ำและพาณิชยนาวี) จะต้องประสานกับหน่วยประสานงานของ ASEAN-OSRAP อย่างใกล้ชิด เมื่อมีเหตุการณ์น้ำมันรั่ว ไหลในพื้นที่เหลื่อมทับดังกล่าวเพื่อป้องกันข้อขัดแย้งเนื่องจากกรณีดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1399 | การกำหนดวันเปิดบานประตูเขื่อนปากมูล | พน | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแนวทางดำเนินงานของกระทรวงเกี่ยวกับการปิด
-เปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล โดยเห็นว่าปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ใกล้เคียง มีเพียงพอใช้จ่ายให้กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างทั่วถึง แม้ไม่มีการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนปากมูล ประกอบ กับข้อเสนอกำหนดการปิด-เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลของประชาชน 2 กลุ่มคือ กลุ่มสมัชชาคนจนที่เรียกร้อง ให้มีการพิจารณาเปิดเขื่อนปากมูลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 โดยเร็ว และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่ บ้านที่อยู่เหนือเขื่อนปากมูลขอให้พิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 มีความแตกต่างกัน ในช่วงระยะเวลา 15 วัน คือระหว่างวันที่ 1-15 มิถุนายน 2550 และจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องพบว่า ขณะนี้ฝนเริ่มตกในพื้นที่ต้นน้ำมูลแล้ว และคาดว่าจะมีปริมาณน้ำบริเวณเหนือเขื่อนปากมูลเพิ่มมาก ขึ้น จึงเห็นควรเริ่มเปิดประตูเขื่อนปากมูลในวันที่ 7 มิถุนายน 2550 และเปิดยกบานขึ้นสูงสุดในวันที่ 17 มิถุนายน 2550 และจะประสานกับกรมชลประทานในการปรับปรุงสถานีสูบน้ำจำนวน 6 แห่งที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ให้สามารถสูบ น้ำได้เมื่อระดับน้ำในลำน้ำมูลลดลงหลังจากการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล เพื่อให้สามารถสูบน้ำสนับสนุนการเพาะ ปลูกของเกษตรกรได้โดยเฉพาะในช่วงภาวะฝนทิ้งช่วง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1400 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550) | มท | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 1 - 28 พฤษภาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง เสียหายบางส่วน 57 หลัง ถนน 153 สาย สะพาน 50 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 68 แห่ง เหมือง 2 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง บ่อน้ำ 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 113 บ่อ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ สัตว์ปีก 1,548 ตัว มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550 จังหวัดที่เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก ชลบุรี อุทัยธานี นครปฐม และแม่ฮ่องสอน ส่วนจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ จังหวัด พิจิตร และสุพรรณบุรี สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ทางจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน พื้นที่ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) และการให้ความช่วยเหลือในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย ได้จัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและ ดินถล่มปี 2550 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 เพื่อติดตามสถานการณ์และบูรณาการการปฏิบัติงานป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|